27 เม.ย. 2020 เวลา 09:52 • ข่าว
FOCUS : ประเด็นน่าสนใจวันนี้
1. Goldman Sachs กล่าวว่ามีสัญญาณที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับหุ้น S&P 500
"การแข่งขันกันระหว่างผู้ชนะในหุ้นกลุ่ม S&P 500 ไม่ได้ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของหุ้นในอนาคตเลย" Goldman Sachs กล่าว
ดัชนีมาตรฐานของสหรัฐฯ (หมายถึง S&P 500) กำลังวิ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 17% ในขณะที่ค่ามัธยฐานของหุ้นต่าง ๆ ซื้อขายกันอยู่ที่ระดับต่ำกว่าจุด Peak ประมาณ 28%
การลดลงอย่างรุนแรงของ Market Breadth* มักเป็นสัญญาณที่เตือนว่าตลาดจะร่วงลงครั้งใหญ่
* Market Breadth เป็นหนึ่งในตัวชี้นำตลาดที่สำคัญของโลก กองทุนใหญ่ ๆ และผู้บริหาร รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ มักจะใช้ดัชนีตัวนี้ประกอบการวิเคราะห์สภาพตลาดด้วยเสมอ
อธิบายคร่าว ๆ ก็คือหาก Market Breadth มีค่าเป็น + จะหมายถึงว่าหุ้นโดยรวมมีราคาสูงขึ้นมากกว่าจะลดลง และเช่นเดียวกันในทางตรงกันข้าม
แน่นอนว่าดัชนีดังกล่าวยังมีค่าเป็น - อยู่ในขณะนี้
ภาพด้านบนแสดงให้เห็นว่า Market Breadth ในขณะนี้อยู่ใกล้เคียงกับระดับที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีตกาล
2. Bank of Japan เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุดประกาศซื้อพันธบัตรแบบ Unlimited
ธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือ Bank of Japan กล่าวว่าพวกเขาจะทำการซื้อพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมากเท่าที่จำเป็น และจะเพิ่มการถือครองตราสารหนี้เอกชน เนื่องจากการประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปิดตัวลงชั่วคราว และภาคการเงินก็ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น
จากมาตรการก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเพิ่มเพดานหนี้ขึ้นปีละราว ๆ 7.43 แสนล้านดอลลาร์ แต่ในปัจจุบัน รัฐบาลกล่าวว่าพวกเขาจะซื้อพันธบัตรให้มากเท่าที่จำเป็น อย่างไม่จำกัดขอบเขต (Unlimited)
นอกจากนี้ BOJ ยังได้ปรับเพิ่มขอบเขตการซื้อหุ้นกู้เอกชน โดยการเพิ่มยอดถือครองพันธบัตรเหล่านี้ขึ้นอีกกว่า 2 เท่า เป็น 1.87 แสนล้านดอลลาร์ และได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 0.7% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า หรือจนถึง มี.ค. 2021 นั่นเอง
และด้วยมาตรการที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนัก ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องวางเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยไว้คงเดิม ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
ในรายงานแนวโน้มรายไตรมาส BOJ ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ให้รุนแรงกว่าเดิม ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2023 และจะหดตัวถึง 5% ในปีนี้ โดยมีระดับคาดการณ์เงินเฟ้ออยู่ที่ 0.4% เมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาดังกล่าว
3. บริษัท SoftBank ของญี่ปุ่นทำการ Buyback หุ้นมูลค่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์
แหล่งเงินทุน และการทำนายความสูญเสียครั้งประวัติศาสตร์ รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ย จะไม่ทำให้ SoftBank Group Corp. เข้าสู่ภาวะตลาดหมี
เหตุผลก็เพราะพวกเขาเชื่อว่ามาตรการ Buyback มูลค่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ จะช่วยให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤตไปได้ในอีกหลายเดือนข้างหน้า แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะสวนทางกับมุมมองของ Vision Fund
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นกว่า 40% และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้บริษัทจะออกมาเปิดเผยคาดการณ์ว่าจะขาดทุนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์
Comment : สำหรับข้อมูลตรงนี้ เราจะเห็นได้ชัดเจนครับว่าประเทศญี่ปุ่นเค้าขึ้นชื่อเรื่องความเชื่อมั่นของคนในประเทศอยู่แล้ว (ความเป็นชาตินิยมสูงมาก) ดังนั้นไม่แปลกเลยครับ ที่เขาจะเชื่อมั่นในบริษัทของประเทศตัวเอง
นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นยังคงอยู่ได้แม้ว่าหนี้ต่อ GDP จะสูงกว่า 200% และต้องอย่าลืมว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกเหมือนอย่างสหรัฐฯ นะครับ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มมีความคาดหวังว่าราคาจะพุ่งขึ้นไปอีก 40-50% จากระดับในปัจจุบัน ภายใน 1 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าราคาหุ้น 1 ตัวจะขึ้นไปสูงกว่าระดับ 6600 เยน
"นักลงทุนรายย่อยและกองทุน Hedge Funds กำลังพุ่งเป้าหมายไปที่การฟื้นตัวในระยะสั้น และมองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยังไม่มากพอที่จะสั่นคลอนบริษัทซึ่งมี Market Cap มากกว่า 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์"
นักวิเคราะห์คนอื่น ๆ กล่าวว่า SoftBank จะทำการ Buyback หุ้นของตัวเองเป็นมูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ในทุก ๆ เดือนไปจนถึงมกราคมปี 2021 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 17% ของปริมาณของซื้อขายทั้งหมดใน SoftBank Group.
เกร็ดความรู้ : ขณะนี้ SoftBank ได้ถือหุ้นของ Alibaba อยู่กว่า 65% ของเงินทุนทั้งหมด และยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Alibaba กว่า 25% อีกด้วย
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา