ต่อมาในตอนหลังได้อภิเษกสมรสกับซูสเทพบดีอนุชาของนางทำให้นางกลายเป็นราชินีสูงสุดในสวรรค์ชั้นโอลิมปัสที่ไม่ว่าผู้ใดก็คร้ามเกรงกลัวในความที่ฮีร่าเป็นคนที่ขี้หึงและคอยลงโทษภรรยาน้อยของซูสอยู่เสมอเมื่อแรกที่ซูสขอแต่งงานกับฮีร่าจนทำให้ปฏิเสธเรื่อยมาจนถึง 300 ปี มีวันหนึ่งซูสฉุกคิดดังนั้นจึงปลอมตัวเป็นนกเปียกพายุฝนไปเกาะที่หน้าต่าง ฮีร่าเห็นดังนั้นนางก็เลยจับนกตัวนั้นมาลูบหัวแล้วพูดว่า
“ฉันรักเธอ” ทันใดนั้นซูสก็กลายร่างกลับคืนและบอกว่าฮีร่าต้องแต่งงานกับพระองค์ฮ่าฮ่าร้ายรักนักแต่ชีวิตคู่ของทั้งคู่กลับไม่ค่อยราบรื่นนัก โดยผู้คนเชื่อว่าเวลาที่เกิดฟ้าคะนองดุเดือดเป็นสาเหตุมาจากซูสกับฮีร่าต้องทะเลาะกันเป็นแน่เพราะ 2 เทพนี้
เป็นสัญลักษณ์ของสรวงสวรรค์
รูปเขียนรูปสลักของชาวกรีกโบราณมักทำรูปของเจ้าแม่ฮีร่า เป็นเทวีวัยสาวที่สวยสง่าต่อมาถูกซูสลงโทษอย่างรุนแรงจนทำให้ฮีร่าแค้นจึงเกิดความร้ายกาจจนถึงขั้นที่คิดปฏิวัติโค่นอำนาจของสวามีจนเกือบสัมฤทธิ์ผล
เรื่องมีอยู่ว่าฮีร่าร่วมกับเทพโพไซดอน และเทพอพอลโลกับเทวีเอเธน่า ได้รุมกัน
จับซูสมัดพันธการไว้หลังจากนั้นมีชายาอีกองค์ของซูสนามว่า มีทิส ได้มาช่วยทันเวลาและได้พาอาอีกีกอนที่เป็นอสูรตนนี้มีฤทธิ์มากกว่าเทพเทวาน้อยใหญ่ ผู้ที่คิดกบฎปฎิวัติก็หน้าม่อย ชวนกันหนีหน้าไปหมดแผนการณ์นี้จึงล้ม เทพซูสเคยทุบตี ใส่โซ่ตรวนจนเป็นเหตุให้เกิดตำนานเกี่ยกับเทพ ฮีฟีสทัส ขึ้นมาว่า จากการวิวาทครั้งนี้