ถ้าเงินเฟ้อมาก ๆ high inflation ตลาดหุ้นและราคาทองคำจะเป็นอย่างไร
มีประเทศหนึ่งที่น่าสนใจเป็นตัวอย่างที่ดีคือ ตุรกีครับ
ภาพจาก Google.com
เมื่อหลายปี ราว ๆ 20 ปีก่อน 0.5 ลีราตุรกี จะมีค่าเท่ากับ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
ช่วงหลายปีนี้เศรษฐกิจตุรกีไม่ดี ทำให้ค่าเงินอ่อนลงไปเรื่อย ๆ ปัจจุบันนี้ค่าเงินกลายเป็น 7 ลีราตุรกี
เท่ากับค่าเงินลดลงไป 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
เท่ากับว่าตุรกีพิมพ์เงินมากกว่าอเมริกา 7 เท่าเลยทีเดียว เพราะถ้าหากพิมพ์ในปริมาณพอ ๆ กัน ค่าเงินจะค่อนข้างคงที่
ทีนี้เราก็ไปดูตลาดหุ้นของตุรกีว่าเป็นอย่างไร
ภาพจาก tradingeconomics.com
จากปี 2000 ตลาดหุ้นก็ขึ้นจากประมาณ 5,000 ไปแถว 120,000 ขึ้นได้ประมาณ 24 เท่า
แล้วราคาทองคำล่ะ เป็นไงบ้างไปดูกัน
ภาพจาก gold price.org
ราคาทองคำก็ขึ้นจากแถว 500 จุด ไปสูงสุดแถว 12,000 จุด ขึ้นมาประมาณ 24 เท่าเหมือนกับตลาดหุ้น
จะเห็นว่าภายใน 20 ปีจากปี 2000-2020 ใครถือเงินสดเงินจะเฟ้อจนมูลค่าหายไปมากกว่า 95%เลยทีเดียว คนที่คิดว่าถือเงินสดแล้วปลอดภัย ต้องคิดให้ดีๆ
อีกข้อสังเกตก็คือ ราคาทองคำกับหุ้นจะไปในทิศทางเดียวกัน และขึ้นพอ ๆ กัน ตามความเฟ้อของเงินที่เกิดขึ้น
แสดงว่าตลาดหุ้นและทองคำ สามารถต้านทานเงินเฟ้อได้ดีพอสมควร และช่วยรักษาอำนาจซื้อเอาไว้ได้
คนที่ถือเงินสดเพียงอย่างเดียว กลายเป็นผู้ที่สูญเสียมากที่สุดถ้าดูจากเหตุการณ์ high inflation ของประเทศตุรกี ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
นี่ขนาดยังไม่ถึง hyperinflation เลยนะครับ แบบนั้นค่าเงินเหลือศูนย์เลยทีเดียว
ภาวะ high inflation แบบตุรกีนี่ใกล้เคียงกับภาวะที่ผู้เขียนคาดคะเนไว้ เพราะหลังโรคระบาดเงินน่าจะเฟ้อประมาณ 5 เท่า ถ้าเกิดสงครามโลกอีกก็น่าจะอีก 10 เท่า รวมกันอย่างน้อย 50 เท่า เงินเฟ้อที่เราน่าจะต้องเผชิญ
เก็บเงิน silver และเก็บทอง gold ไว้ดีๆ ละลูกหลาน นี่เป็นคำสอนของคนโบราณ ถ้ายุคนี้ก็เพิ่มหุ้นไปด้วย เอาเฉพาะตัวใหญ่ ๆ ของบ้านเราก็ set50 เป็นต้น
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ กดติดตาม เพื่อจะได้ไม่พลาด บทความดี ๆ ต่อไป
- 16
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
