Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Captain No.12
•
ติดตาม
1 พ.ค. 2020 เวลา 02:06 • กีฬา
คลอปป์กับการสร้างลิเวอร์พูล 2
2018/19 ใกล้เคียงกับคำว่า สมบูรณ์แบบ
เป๊บ ลิจ์นเดอร์สบอกว่า ฤดูกาล 2018/19 คือการ จัดระเบียบความวุ่นวาย - 'Organised chaos' จุดสำคัญคือนักเตะหลักอยู่กันครบ การเล่นเน้นความ ดุดัน เข้มข้น-intense จับทางยาก เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมิติของการเล่น โดยฝ่ายตรงข้ามมักเสียท่าให้กับความเร็วของเกมรุก โรเบิร์ตสันยึดตำแหน่งตัวจริงจากโมเรโน่ และอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ พัฒนาอย่างรวดเร็ว สอง คนคืออาวุธหลักในการรุกเคลื่อนบอลไปแดนหน้า มิดฟิลด์คือห้องเครื่องที่ ไม่เคยหยุดทำงาน
การมาของนาบี เกอิต้า ฟาบินโญ่และเชอร์ดาน ชาคิรี่ อาจไม่ส่งผลต่ออนาคตของทีมเฉกเช่น อลิซง เบ๊คเกอร์ ผู้รักษาประตูค่าตัว 66.8 ล้านปอนด์ ซึ่งสร้างความงุนงงให้โลกว่าในตอนแรกว่า ทำไมต้องแพงขนาดนั้น
ทีมสมดุลย์ หากเทียบกับ 17/18 เจมส์ มิลเนอร์ต้องเล่นแบ็คซ้ายทดแทน โมเรโน่ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ยังเป็นตัวสำรองของเนธาเนี่ยล ไคลน์ ซึ่งความสามารถในการครองบอลสู้รุ่นน้องไม่ได้ ทำให้เกมขาดความสมดุลย์ ทั้งโรเบิร์ตสันและอาร์โนลด์ กลายเป็นกองหลังที่มีสถิติแอสซิสต์ดีมาก โรเบิร์ตสันทำได้ 11 และอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำได้ 12 ถือเป็นกอง หลังที่มีแอสซิสต์สูงสุดใน EPL อันดับรองลงมาคือ ริคาร์โด้ เปไรร่าของ เลสเตอร์ ทำได้แค่ 6
ระบบของคลอปป์ทำงานสมบูรณ์ การสร้างสรรค์เกม การเล่นแบบกล้าได้กล้าเสียจากริมเส้น เกมรับแน่นอน กลางเข้มแข็ง และเกมรุกหลากหลาย
ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสยิงประตูเฉลี่ยได้น้อยกว่าปี 17/18 ฤดูกาลนี้ทำได้แค่ 14.2 ใน 90 นาที โดนคู่ต่อสู้ยิงเฉลี่ยเกมละ 8 ครั้ง ค่าเฉลี่ย xG ประตูได้ลด ลง xG เสียยังเหมือนเดิม โดยเฉพาะเกมลีก อัตราการเสียประตูเฉลี่ยหล่นมาเหลือแค่ 0.72 ลูก ขณะที่ฤดูกาลก่อน 1.13 ลูก ลิเวอร์พูลกดดันคู่ต่อสู้น้อย ลง เห็นได้จาก ค่าเฉลี่ยให้ฝ่ายตรงข้ามครองบอลบุกได้ 10.5 ครั้งก่อนโดน ตัด (Passes Per Defensive Action (PPDA)) มากกว่าฤดูกาล 17/18 ซึ่งมี อยู่ 10 จุดสำคัญ อยู่ที่การเปลี่ยนแนวคิด จากเพรสใส่ทุกทีม ทุกนัด คลอปป์จะเลือกเป็นบางนัด ขึ้นอยู่กับสถาการณ์ของเกม และลีก แน่นอน การเพรส ให้น้อยลง ส่งผลต่อจำนวนการยิง และเกมรับที่โดนเล่นงานมากขึ้น
นอกเหนือจากการเก็บได้ 97 แต้ม สูงสุดในประวัติศาสตร์ EPL ของทีม ชนะ 30 เกม แพ้ 1 นัด แม้จะพลาดแชมป์ลีกสมัยแรกก็ตาม แต่เป็นฤดูกาลที่เรา ได้เห็นการเล่นอันยอดเยี่ยม และผลการแข่งขันในแบบที่ลิเวอร์พูลต้องการ
ฟุตบอลถ้วยในประเทศถูกพับไว้เป็นแค่ทางเลือก ตกรอบทั้งเอฟเอ คัพ(แพ้ วูล์ฟส์-เยือน 2-1 รอบ 3) และลีก คัพ (แพ้เชลซี-เหย้า 1-2 รอบ 3) ที่โดด เด่นไม่แพ้กันคือ UCL สามารถชนะแชมป์ฝรั่งเศส โปรตุเกส เยอรมัน และ สเปน ก่อนนัดชิงชนะเลิศกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ที่มาดริด 2 ฤดูกาลติดต่อกันที่ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่เกมรุกดีที่สุด ในค่า xG ประตูได้ สูงสุด จากที่เคย เป็นแค่ผู้เข้าชิง ทีมของคลอปป์ได้สัมผัสแชมป์รายการแรก เมื่อชนะสเปอร์ส 2-0 4 ปีที่คลอปป์รับมรดกทีมกลางตาราง เขาทำให้ลิเวอร์พูลได้เข้าชิง แชมป์ยุโรปสองครั้ง และเบียดลุ้นแชมป์กับแมนฯ ซิตี้แบบน่าตื่นเต้นที่สุด
ทั้งนี้เพราะการวางแท็คติกที่แยบยล และการคัดเลือกผู้เล่นเหมาะสมกับตามที่คลอปป์ต้องการ
2019/20 Mentality Intensity กับ 4-1-3-1-2 เยอร์เก้น คลอปป์ ทำในสิ่งที่ขัดใจแฟนบอลที่สุด นั่นคือการไม่ซื้อนักเตะเลย และปล่อยนักเตะดาวรุ่งหลายคนออกไปแบบยืมตัว เช่น แฮร์รี่ วิลสัน ซึ่งผลงานโดดเด่นมากกว่าบอร์นมัธ รวมแล้ว 12 คน ไม่นับที่ไม่ต่อสัญญาหรือขายออกไป จะว่าไม่ซื้อก็ไม่ถูก ต้อง ลิเวอร์พูลได้ดาวรุ่งอย่างเซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก และแฮร์รี เอลเลียต แต่ไม่ใช่อย่างที่แฟนบอลคาดการณ์ ต่อมา สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเซ็นสัญญากับอาเดรียน เพราะซิมง มินโญเลต์ตัดสินใจผิดคำพูดกับคลอปป์ นั่นคือย้ายไปคลับ บรูกก์ในวันที่ 5 สิงหาคม ก่อนเกมนัดแรกกับนอริชแค่ 4 วัน ดังนั้น อาเดรียนต้องมาเพื่อเป็นตัวสำรองของอลิซง แต่เหตุการณ์กลับ ตาลปัตร อลิซงเจ็บในเกมแรก และอาเดรียนกลายเป็นมือ 1 นับจากนั้น (ยังมีแอนดี้ โลเนอแกน อีก 1 ที่เข้ามาแบบปัจจุบันทันด่วน)
ไม่ใช่การล้มล้างความยิ่งใหญ่ที่บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ทำให้ลิเวอร์พูลเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ตรงกันข้าม คลอปป์เคารพนับถือสุดยอดกุนซือของ ลิเวอร์พูล ขนาดมีรูปถ่ายของแชงค์อยู่บนผนังห้องทำงานที่เมลวู้ด ความสำเร็จมา พร้อมกับความคาดหวัง การเสียประตูเกือบทุกนัด และการแพ้นาโปลีถูกมองว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยขั้นรุนแรง บ้างก็ว่า ลิเวอร์พูลต้องค้นหาตัวเองใหม่-Soul searching แต่บรรยากาศที่เมลวู้ดกลับสงบนิ่ง
“เกมกับนาโปลีผ่านไปนานๆ ผมยิ่งพอใจกับผลงานของลูกทีมที่ซาน เปาโล” คลอปป์พูด “ทีมผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฤดูกาลที่แล้ว เราแพ้ 3 นัดใน UCL แต่ไม่มีเกมไหนเหมือนเกมกับนาโปลี เราคุมเกมได้ ขาดแต่ประตู ซึ่งเราตัดสินใจ ผิดพลาด เราเน้นเจาะตรงกลางมากไป และนั่นคือจุดที่นาโปลีระวัง แต่โดย รวม ทีมเราเติบโตขึ้น นั่นคือก้าวสำคัญ”
การเกิดใหม่ของลิเวอร์พูล ไม่ได้อาศัยตำนาน เทพนิยาย แต่เพราะการวาง แผนที่ละเอียดถี่ถ้วน “เราซื้อนักเตะจากการพิจารณา 3 ข้อ value fit และ development potential ความคุ้มค่า ความเหมาะสมและโอกาสที่จะพัฒนา
การตกลงรายละเอียดของสัญญากับเซลโก้ บูควัค หรือ มันสมองของทีมที่ ตัดสินใจแยกทางกับคลอปป์ (ปี 2018 ว่ากันว่า เพราะการกลับมาของลิจ์น เดอร์ส ว่ากันว่า มีส่วนให้บูวัคตัดสินใจแยกทางกับคลอปป์หลังร่วมงานกันมา 17 ปี) ทำให้ทีมแต่งตั้ง เป็ป ลิจ์นเดอร์ส เป็นผู้ช่วยอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีนี้เอง คลอปป์เคยพูดถึงลิจ์นเดอร์สว่า “ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรดี แต่ผมสามารถ เขียนเรื่องของลิจ์นเดอร์สได้เป็นเล่ม เขามีอิทธิพลต่อทีมมาก ผมนึกถึง ตัวเองตอนหนุ่มๆ”
เกมของลิเวอร์พูลเปลี่ยนไปอย่างไร “จากปี 18 เราได้เข้าชิง UCL เราเล่นได้น่าตื่นเต้นมาก เช่นเกมกับโรม่า เรานำ 5-0 ฉับพลัน พอเสีย 2 ประตู ทุกอย่างแกว่งไปหมด เราเปิดเกมมากเกินไป ตอนนี้ เรายังเน้นความเข้มข้นเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่ที่ร่างกาย มันคือจิตใจ Mentality Intense เกมยิ่งมาตรฐานสูงแค่ไหน คุณจะวิ่งอย่างเดียวไม่ได้”
ตรงกันข้ามกับปี 2015 คำสั่งแรกต่อลูกทีมคือ วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ไล่แย่งบอลมา แต่ตอนนี้ วิ่งให้น้อย ครอบบอลได้ เราครองเกมได้ เราจะวิ่งเมื่อต้องการตัด บอล ปิดช่องว่าง เราต้องเล่น 50-60 เกมต่อไป ดังนั้น เด็กๆ ต้องเล่นให้ได้ ตามมาตรฐานทุกวัน เราต้องเก็บแรงไว้ ใช้แรงให้คุ้มค่า อย่าหมดไปกับการ วิ่งไล่บอล บางทีเราเล่นฟุตบอลโดยไม่ต้องใช้ขาอย่างเดียว
อธิบายคำพูดของคลอปป์ได้จากตัวเลข ระยะทางที่นักเตะลิเวอร์พูลวิ่ง เฉลี่ยต่อ 5 เกม ปี2016 อยู่ที่ 115-116 กม 2017 2018 อยู่ที่ 118-119 กม และปีนี้ ลดลงอยู่ระหว่าง 109-114 กม เท่านั้น
การเสียประตูเพราะ การเล่นแบบ high defensive line หรือเปล่า มีแค่นัด เดียวที่ไม่เสียประตู ไม่ใช่เพราะขาดอลิซง หรือเพราะเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ฟอร์มตก แต่เพราะรูปแบบที่คลอปป์ต้องการให้ทีมเล่น เพื่อผลในเกมรุกและรับ หากเทียบกับแมนฯ ซิตี้ ที่ลงตัวที่สุด เป๊ป กวาดิโอล่า จัดทีมแบบ 4-3-3 ทุกนัด แต่เวลาเล่น แมนฯ ซิตี้จะยืนตำแหน่งแบบ 2-1-4-2-1 เกือบทุกนัดไม่ว่า คู่ต่อูสู้จะมาไม้ไหน ขณะที่ลิเวอร์พูลคืออีกทีมที่รักษาตำแหน่ง 4-1-3-1-2 ได้ตลอด 6 เกมแรก หัวใจหลักคือ ฟาบินโญ่ และ ฟีร์มีโน่
ฟีร์มีโน่ได้รับการยกย่องมากมาย ขณะที่ฟาบินโญ่ทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องแย่งซีนใคร การเปิดบอลของเขาต่างจากมิดฟิลด์รับโดยทั่วไป ที่จะจ่ายออกข้าง แต่เขาจ่ายบอลขึ้นหน้า ให้มาเน่ ฟีร์มีโน่และซาลาห์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ การดันแนวรับขึ้นมาสูงจนหลายคนบอกผิดปกติ เพราะคลอปป์ต้องการให้ ทีมเขามีโอกาสรุกใกล้ประตูฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด และ 6 นัดแรก ลิเวอร์พูล มีสถิติเล่นหน้าประตูฝ่ายตรงข้ามสูงสุดในลีก ขณะเดียวกัน
ถ้าคู่ต่อสู้จะบุก พวกเขาต้องเริ่มบุก โดยอยู่ไกลประตูลิเวอร์พูลมากที่สุด
สำหรับฟีร์มีโน่ คลอปป์บอกว่า “สมัยเล่นในเยอรมัน บ๊อบบี้ไม่ได้เล่นบ่อย ขนาดนี้ เขาเป็นประโยชน์ แต่ไม่ใช่เพราะการทำประตู แต่เพราะความฉลาด ของเขา เมื่อลิเวอร์พูลซื้อฟีร์มีโน่ ผมบอกเลยว่า เป็นการซื้อที่ฉลาดมาก ตอนคุมดอร์ทมุนด์ ฟีร์มีโน่ สร้างปัญหาให้ผมมากมาย เขาไม่คิดว่า คนอื่นจะมองอย่างไร เขาแค่เล่นฟุตบอล ที่สำคัญ ทุกคนในทีมเคารพบ๊อบบี้ เคารพ แบบไม่น่าเชื่อเลย”
ครบรอบ 50 ปี ที่บิลล์ แชงค์ลี่ย์คุมและพลิกฟ้าให้ลิเวอร์พูล สร้างอะไรให้ ลิเวอร์พูลมากมาย สโมสรพยายามใช้จิตวิญาณของแชงค์ลี่ย์ปลุกขวัญของ นักเตะในฤดูกาลนี้ สิ่งที่แชงค์เคยทำไว้ โดยเยอร์เก้น คลอปป์ ทำให้ประโยคนั้นเป็นความจริงอีกครั้ง
"you must believe that you are the best and then make sure that you are"
กิตติกร อุดมผล
(เหมือนจะสร้าง 2 ภาคจบ แต่ดันมีภาคต่อที่ผมว่า เข้มข้นกว่าเดิม เพราะไม่ใช่แค่คลอปป์ที่ยอดเยี่ยมแต่ สตาฟทุกคนระดับคลังปัญญาแห่งจักรวาลเลยทีเดียว)
To be continued
บันทึก
6
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย