19 พ.ค. 2020 เวลา 09:13 • การศึกษา
Are you understand? vs. Do you understand? ประโยคไหนถูก
ห่างหายไปนาน ด้วยภาระกิจ วันนี้กลับมาไขข้อข้องใจตามที่สัญญาไว้ค่ะ
ประโยคไหนถูกต้องกันแน่ ระหว่าง
Are you understand? กับ Do you understand?
การตัดสินเรื่องนี้ง่ายมากถ้าคุณรู้หลักการดังต่อไปนี้
(In short) สรุปสั้นๆปัญหาที่มักพบบ่อยในการเลือกใช้ระหว่าง Are กับ Do ในการสร้างประโยคคำถาม เกิดในการเลือกใช้ Simple Present Tense ซึ่งมีสูตรการเขียน 2 แบบ คือ
1. กรณีที่ใช้ V.1 (กริยาช่องที่ 1) ในประโยค จะใช้ Do และ Does ช่วยในการแต่งประโยคคำถาม ดังนี้
บอกเล่า: S. + V.1+s,es
หาก S.เป็น I, You, We, They, หรือ พหูพจน์ อื่นๆ V.1 ไม่ต้องเติม s,es
ปฏิเสธ: S.+ do/does+ not+ V.1.
คำถาม: Do/Does+ S.+ V.1?
เช่น He loves coffee. I love tea.
He doesn't like coffee. I don't like tea.
Does he like coffee? Do you like tea?
2. กรณีที่ใช้ N. (คำนาม) หรือ Adj. (คำคุณสรรพ) ในประโยค จะใช้ Is/Am/Are ในการแต่งประโยคคำถาม ดังนี้
บอกเล่า: S.+ is/am/are+ N./Adj.
ปฏิเสธ: S + is/am)are+ not+ N./Adj.
คำถาม: Is/Am/Are+ S.+ N./Adj?
เช่น I am happy(Adj.). He is a businessman(N.).
I am not happy. He is not a businessman.
Are you happy? Is he a businessman?
ดังนั้นเราควรพิจารณาว่าคำที่เราต้องการใช้แต่งประโยคเป็น คำกริยา (V.), หรือ คำนาม (N.), คำคุณสรรพ (Adj.)
ในที่นี้คำว่า understand เป็นคำกริยา (หากไม่ทราบก็เปิด dictionary หรือใช้ Googleช่วยก็ได้ค่ะ) เราต้องใช้วิธีแต่งประโยคแบบที่ 1 ดังนั้นคำถามจึงต้องขึ้นต้นด้วย Do ค่ะ ไม่ใช่ Are
สำหรับคนที่สงสัยใคร่รู้มากขึ้นไปอีกค่ะ หลักการง่ายๆ ที่ละเอียดมากขึ้น หากเข้าใจแล้วจะสามารถนำไปปรับใช้ได้เสมอ
1. ประโยคในภาษาอังกฤษเขียนตามหลักการใช้ Verb Tenses ทั้ง 23 แบบ
**ยกเว้นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย It/There + V. + S. และประโยคที่ใช้ Modal Verbs ใช้กฏของ Modal Verbs (Modal Verbs ได้แก่ can, could, shall, should, will, would, might, may, must, ought to, had better)
ขยายความหน่อยนะคะ
Verb Tenses คือหลักในการใช้ Verb รูปแบบต่างๆ ในประโยค ใครจะจำง่ายๆ เป็นหลักในการเรียงคำให้เป็นประโยคก็ได้ค่ะ มีหลักการเขียนทั้งหมดหลักๆ 23 แบบด้วยกัน (เหมือนกันตั้งแต่ตอนเรียนประถมถึงมหาวิทยาลัย) คือ ประโยค Active Voice 15 แบบ (ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำ action)และ ประโยค Passive Voice 8 แบบ (ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ) ใครงงดูตารางด้านล่างนะคะ
Note: S. = ประธานของประโยค, N.= คำนาม, Adj.= คำคุณสรรพ, V.1 = กริยาช่องที่ 1, V.2 = กริยาช่องที่ 2, V.3 = กริยาช่องที่ 3, V.ing = กริยาที่เติม ing ต่อท้ายคำ
ตารางนี้เป็นรูปแบบการเขียนประโยคบอกเล่า ส่วนประโยคคำถามก็เขียนง่ายๆ เพียงสลับเอากริยาช่วยทั้งหลาย (is,am,are,was,were,has,have,had,will,do,does,did) มาวางไว้หน้าประธาน (S.) แล้วใส่เครื่องหมาย คำถาม (?) ท้ายประโยคก็เสร็จแล้วค่ะ
เช่น She is happy. (S.+ is/am/are+ N./Adj.)
เปลี่ยนเป็น Is she happy? (Is/Am/Are+ S.+N./Adj.?)
จะเห็นได้ว่า ในประโยคคำถาม ประธาน she และกริยาช่วย is สลับที่กัน เมื่อเทียบกับประโยคบอกเล่า
2. เลือกใช้ Tenses ให้ถูกต้อง โดยเข้าใจธรรมชาติของการใช้ Tenses ทั้ง 4 แบบ หลักๆ ก่อน
✓ Simple Tenses ใช้กับ เหตุการณ์ที่เป็นความจริงทั่วไป หรือสิ่งที่เราทำประจำเป็นกิจวัตร บอกเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว ชื่อ ที่อยู่ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ ทั้งหลาย เช่น I am happy. He loves coffee. We live in Thailand. We are Thai.
✓ Continuous Tenses หรือ บางตำราเรียก Progressive Tense ใช้กับ เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ช่วงนี้ ไม่เน้นผลลัพธ์ แค่อยากบอกว่าเหตุการณ์กำลังเกิดอยู่ในขณะนี้ หรือช่วงนี้ เช่น ฝนกำลังตกหนัก It is raining hard. ฉันกำลังอ่านบทความนี้อยู่ I am reading this article.
✓ Perfect Tenses เน้นที่ผลลัพธ์ มักใช้เปรียบเทียบกับอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและเราต้องการบอกผลที่ได้ของบางสิ่ง หรือถามหาผลลัพธ์ของเหตุการณ์ เช่น ฉันยังไม่ได้ทำการบ้านเลย I haven’t done my homework yet. เธอกินข้าวเย็นแล้วหรือยัง ฉันกินไปแล้วก่อนเธอจะมา Have you had dinner? I had had dinner before you came. เห็นได้ว่ามีการเปรียบเทียบเวลาก่อนหลังของเหตุการณ์
✓ Perfect Continuous Tenses เน้นที่ความต่อเนื่องยาวนานของเหตุการณ์ มักถามด้วยคำถาม how long (นานแค่ไหน) เช่น How long have you been surfing the Internet?
3. ระบุให้ได้ว่าคำที่เราต้องการจะใช้แต่งประโยค เป็นคำประเภทไหน ระหว่าง N.= คำนาม, Adj. = คำคุณสรรพ, หรือ V. = คำกริยา
หลักการในการดู คือ Verb ส่วนใหญ่ในภาษาอังกฤษ ผันรูปหรือเปลี่ยนรูปได้ค่ะ ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูป จาก V.1=> V.2=>V.3, เติม ed, d, s, es, หรือ เติม ing ต่อท้าย (ระวังคำศัพท์ที่บอกอารมณ์ความรู้สึกที่ลงท้ายด้วย ed และ ing พวกนั้นเป็น Adj. ค่ะ เช่น interesting, interested)
ถ้าไม่แน่ใจก็เปิด dictionary ดูค่ะ ในนั้นจะมีบอกไว้ว่าเป็นคำชนิดไหน
ในที่นี้คำเจ้าปัญหาที่ต้องการใช้คือ understand เราอาจจะพอนึกออกว่า understand เปลี่ยนเป็น understood ได้ นั่นก็เป็นสัญญาณบอกเราแล้วว่า คำนี้เป็น คำกริยา (V.)
จากทั้ง 3 ข้อ เราควรเลือก Tenses ก่อน เราอยากถามว่า "คุณเข้าใจไหม" ถามถึงความคิด คงต้องเป็น Simple Tenses และถามถึงปัจจุบันก็ควรเป็น Simple Present Tense ซึ่งมีหลักการเขียน 2 อัน
อันที่หนึ่งใช้ V.1 เติม s,es ในการแต่งประโยค อีกอันใช้ is/am/are คู่กับ คำนาม(N.) หรือ คำคุณสรรพ(Adj.) ก็ได้เลือกอันใดอันหนึ่ง
เรารู้ว่าคำว่า understand ที่เราต้องการใช้เป็น Verb เราก็ควรจะเลือกวิธีแต่งประโยคอันที่หนึ่ง เขียนเป็น
I understand (S.+ V.1 s,es.)
I don't understand. (S.+ do/does+ not+ V.1.)
Do you understand? (Do/Does+ S.+ V.1?)
ประโยคเหล่านี้ผิดหลักไวยากรณ์
คำถาม: Are you understand? (Is/Am/Are+ S.+V.1?)
บอกเล่า: You are understand./ I am understand. (S.+is/am/are+ V.1.)
ประโยคนี้แต่งโดยใช้ is/am/are คู่ กับ V.1
ไม่มีการเขียนประโยครูปแบบนี้ในสารบบการเขียนประโยคภาษาอังกฤษ การเขียนนี้ไม่ตรงตามรูปแบบการเขียน Tenses ทั้ง 23 แบบ หรือหลักข้อยกเว้นอื่นใด
ในรูปแบบการเขียนประโยคตาม Tenses ทั้ง 23 มีแต่
การใช้ is/am/are คู่กับ N./Adj. (Simple Present Tense)
และ is/am/are คู่กับ V.ing (Present Continuous Tense) ดูตามตารางได้ค่ะ
การใช้ is/am/are คู่กับ V.1 นั้น ไม่มีในตาราง ดังนั้นประโยคนี้ “Are you understand?” จึงผิดหลักไวยากรณ์
***จำหลักการข้อแรกไว้ ประโยคในภาษาอังกฤษต้องเขียนตามรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งของ Verb Tenses ทั้ง 23 ยกเว้นประโยคที่ขึ้นต้น ด้วย it/there หรือประโยคที่มี modal verbs ที่มีรูปแบบการเขียนเป็นของตนเอง
มาลองทดสอบความเข้าใจดู
ประโยคไหนถูก
1. Are you agree?
2. Do you agree?
คำว่า agree เป็น คำกริยา (V.) ดังนั้นประโยคที่ 2 ถูกค่ะ
1. Are you tired?
2. Do you tired?
คำว่า tired เป็น Adj. ดังนั้นประโยคที่ 1 ถูกค่ะ
1. Is it hot?
2. Does it hot?
คำว่า hot เป็น Adj. ดังนั้นประโยคที่ 1 ถูกค่ะ
1. Are you a student?
2. Do you a student?
คำว่า a student เป็น คำนาม (N.) ประโยคที่ 1 ถูกค่ะ
1. Are you usually drive home?
2. Do you usually drive home?
คำว่า drive เป็น คำกริยา (V.) ประโยคที่ 2 ถูกค่ะ
ทำได้กันบ้างไหมเอ่ย
ฝึกบ่อยๆ ก็จะเก่งขึ้นค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.pexels.com
ยังมีข้อสงสัยตรงจุดไหนก็คอมเม้นท์ หรือฝากคำถามไว้ได้ค่ะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เพื่อช่วยให้บทความสมบูรณ์หรือเข้าใจง่ายมากขึ้นยินดีรับฟังเสมอค่ะ ติกันได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ^_^
ภาษาอังกฤษไม่ได้ยากเหมือนที่ใครๆคิด แค่วิธีเรียนเราผิดจึงคิดว่ามันยากเท่านั้นเอง
สู้ๆ ค่ะ อยากให้คนไทยเก่งหลายๆ ภาษา เปิดโลกและคลังความรู้อันกว้างไกลที่หลายๆคนคิดค้นไว้ให้เราแล้ว อย่าขังตังเองไว้ในกรงของภาษาเดียวอีกเลย ความรู้อันมากมายมีอยู่ทั่วโลกรอให้เราค้นหาเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
ใครภาษาอังกฤษพอใช้ได้ฟังรู้เรื่องก็สามารถหาความรู้ระดับโลกเพิ่มเติมเองได้ฟรีนะคะ เว็ปที่ผู้เขียนใช้ประจำได้แก่
ฟรี MIT Open Coursewear
ฟรี ออนไลน์ คอรส โดย MIT และ Harvard https://www.edx.org/
หากการเรียนจากมหาวิทยาลัยดังๆ มันหนักไป ใครอยากพัฒนาทักษะการฟัง ว่างๆ ก็ฟัง TedTalk ดูก็ได้ค่ะ
นั่นเป็นความเร็วปกติที่เค้าใช้พูดสื่อสารกัน หากฟังรู้เรื่องแสดงว่าภาษาคุณเข้าขั้นแล้ว ยินดีด้วย ^_^ ใครยังฟังได้บ้างไม้ได้บ้างก็เปิด captions ให้มี subtitle ภาษาอังกฤษ ขึ้นมาด้วยเวลาฟังก็จะช่วยได้มากค่ะ เราจะรู้ศัพท์เพิ่มขึ้นอีกเยอะมาก
เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
โฆษณา