2 พ.ค. 2020 เวลา 03:38 • ประวัติศาสตร์
ตำนานวัน "Halloween" แท้จริงแล้วตะเกียงไฟไม่ได้เป็นรูปหัวฟักทอง แต่เป็นรูปหัวผักกาด!!
Jack o Lantern คือใคร?
ทุกคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า วันที่ 31 ตุลาคม คือวัน Halloweenหรือวันปล่อยผี โดยเทศกาลของต่างประเทศจะให้แต่งชุดเป็นภูตผีปีศาจ แล้วเดินไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆ พร้อมพูดว่า Trick or treat แล้วหลังจากนั้นก็จะได้ขนมมา
แต่ในยุคสมัยก่อนว่ากันว่า ชาว Celts ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่านึงในไอซ์แลนด์ เค้าเชื่อกันว่าในช่วงเวลาก่อนปีใหม่ 1 วัน หรือวันที่ 31 จะเป็นวันที่โลกของคนเป็นและคนตายผูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์และวิญญาณของผู้เสียชีวิตในปีก่อนก็จะถูกปล่อยตัวออกมาจากนรกเพื่อที่จะออกมาตามหาร่างและเข้าสิงร่างนั้น เพื่อยึดร่างและกลับมามีชีวิต จึงทำให้ชาว Celts ค่อนข้างกลัวเป็นอย่างมาก
ซึ่งตามความเชื่อของชาว Celts เค้าก็จะหาทางป้องกันไม่ให้ร่างของตนโดนยึด โดยมีอยู่2 วิธี
1.ปิดไฟในบ้านทุกดวง ทำให้อากาศในบ้านหนาวเย็น จนทำให้วิญญาณเข้าใจว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่
2.แต่งตัวเป็นภูตผีปีศาจ เพื่อหลอกผีว่าตนเป็นผีไม่มีกายหยาบ ไม่สารถเข้ามายึดร่างได้
ซึ่งตำนานนี้เป็นตำนานต้นฉบับ
แต่ตำนานในบางส่วนนี้ก็ค่อนข้างโหดร้ายอยู่พอสมควร เพราะสมัยก่อนมันไม่ได้โลกสวยเหมือนคนในยุคนี้ โดยได้บันทึกไว้ว่า ในสมัยนั้นได้มีการตั้งศาลเตี้ยขึ้นมา แล้วมาตัดสินคนอื่นว่าคนๆนั้นถูกผีเข้า ถ้าถูกตัดสินว่าเป็นเรื่องจริง ก็จะถูกประหารโดยการเผาทั้งเป็น เพราะคนสมัยนั้นเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่ดี ต้องกำจัดออกไป และนี่เป็นวิธีเดียวที่สามารถกำจัดออกไปได้
...แล้วเวลาต่อมา ประเพณีก็ถูกดัดแปลงออกไป เพราะมันค่อนข้างโหดร้ายมาก โดยตำนานนี้ได้บอกไว้ว่า ชาวโรมันได้นำประเพณีนี้ไปดัดแปลงบางส่วนออกไป จากการเผาคนเป็นเผาหุ่นและสาปแห่งภูตผีปีศาจแทน
เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนก็ลืมตำนานที่แท้จริงของวันฮาโลวีน และมองฮาโลวีนเป็นเพียงวันที่แต่งตัวเป็นผี แล้วไปเคาะประตูบ้านคนอื่น พร้อมพูดว่า "Trick or treat "เพื่อแลกกับขนมจำนวนนึง
แต่...รู้หรือไม่ว่า คำว่า Trick or treat ถ้าลองไปหาข้อมูลดูดีๆ ก็จะรู้ว่าไม่ใช่คำพูดธรรมดา ที่เด็กควรพูดออกมาเลย เพราะคำว่า Trick or treat เป็นคำที่คล้ายกับบทสวดของพวกที่นับถือลัทธิซาตาน ซึ่งความหมายจริงไปของมันก็คือ "จะทำสัญญากับซาตานหรือไม่"
ถ้าพูดถึงเรื่อง Halloween แล้วเนี่ย ทุกคนคงจะนึกถึงตะเกียงไฟหัวฟักทองใช่มั้ยคะ แต่รู้หรือไม่ ว่าจริงๆแล้วถ้าเป็นต้นฉบับของ Jack o Lantern เนี่ย ตะเกียงไม่ได้เป็นรูปหัวฟักทองค่ะ แต่เป็นรูปหัวผักกาด!! โดยได้บันทึกเอาไว้ว่า....
มีชาวนาคนหนึ่งชื่อ Jack และเขาเป็นคนที่ขี้เกียจมาก วันๆเอาแต่เที่ยวกินเหล้า หลอกคนอื่นไปทั่ว จนวันนึงที่คาดว่าจะเป็นวันหมดอายุไขของ Jack ซาตานได้ปรากฏตัวให้เขาเห็น เพื่อที่จะมารับวิญญาณเพื่อไปตัดสินว่าควรจะขึ้นสวรรค์หรือตกนรก แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์ของ Jack ได้หลอกล่อซาตานไปว่า "ถ้านี่เป็นวันสุดท้ายของข้า ข้าขอได้แกล้งคนเป็นครั้งสุดท้าย" โดยการให้ซาตานแปลงกายเป็นเหรียญลงไปในถุงก่อนที่จะนำไปให้ชาวบ้าน จากนั้นก็ให้แปลงกายกลับมากลอกชาวบ้าน ด้วยความสนุกของซาตาน จึงตอบตกลง แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ เมื่อซาตานแปลงกายเป็นเหรียญแล้วลงไปอยู่ในถุง ปรากฏว่ามีไม้กางเขนอยู่ข้างใน ซาตานจึงไม่สามารถแปลงร่างกลับมาได้ Jackจึงพูดต่อรองว่า "ขอให้ข้าได้อยู่ต่ออีก 1ปี " ด้วยความที่ซาตานไม่สามารถทำอะไรได้ จึงตอบตกลงไป พอครบ1ปี ซาตานก็กลับมาอีกครั้ง แต่สถานการณ์ก็คล้ายๆกัน ซาตานโดนหลอกอีกครั้ง และJack ก็ขอให้ตนอยู่ต่ออีก1ปี และขอว่าถ้าครบกำหนด1ปีแล้วอย่าพาเค้ากลับนรกเด็ดขาด ซาตานก็ยอม เมื่อถึงกำหนดเข้าจริงๆ Jack ก็ไม่สามารถไปไหนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์ เพราะเขาได้ขอให้ซาตานไม่พาเขาไปนรกและเขาไม่ได้สร้างบุญอะไรไว้เลยจึงไม่ว่ารถไปสวรรค์ได้ เขาจึงต้องวนเวียนไปเรื่อยๆอยู่บนโลก ด้วยความสงสารซาตานจึงนำเอาถ่านไฟนรกมาให้ Jack เพื่อให้เป็นไฟส่องทาง เมื่อมีไฟแล้วเขาก็ต้องมีตะเกียงเขาจึงนำหัวผักกาดมาเลาะข้างในออกแล้วนำถ่านไฟใส่แทน
ทุกๆวันที่31 หรือวัน Halloween ชาวบ้านบางคนก็จะพบเห็นชายคนนึงเดินถือตะเกียงอยู่แถวๆหลุมศพหรือในป่าลึก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนแถบทางฝั่งอเมริกาได้ดัดแปลงตำนานนี้จากตะเกียงหัวผักกาดเป็นหัวฟักทองเพราะหัวฟักทองให้ความรู้สึกน่าขนลุก และดูลึกลับน่าค้นหากว่า เพราะเหตุนี้เมื่อเวลาผ่านไปนานๆคนก็หลงลืมตำนานที่แท้จริงไป
โฆษณา