4 พ.ค. 2020 เวลา 12:00 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP16 : วิเคราะห์ Toyota CHR 1.8 เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย ขับก็ดี ยี่ห้อก็ดี เเต่ขายไม่ดี?
*คำเตือน : บทความนี้มีการใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเเละให้เห็นเเง่มุมอีกมุมหนึ่ง มิได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม หากผิดพลาดประการใด ขออภัยครับ
เเบบสรุปสั้นกระชับ
ข้อดี
+ช่วงล่าง SUV ดีที่สุดเท่าที่ Toyota เคยทำมา
+พวงมาลัยดีที่สุดเท่าที่ Toyota เคยทำมา
+ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอก-ภายใน
+อัตราเร่งดีกว่ารุ่น hybrid
+เกียร์ CVT ถวายชีวิตมากๆสำหรับรถ 1.8
+เบรกดีกว่ารุ่น hybrid
+ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอก-ภายใน
+มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ไม่คับเเคบ
+เบาะนั่งคู่หน้าเเละหลังทรงกระชับนั่งสบาย
+ออพชั่นภาพรวมค่อนข้างครบ
ข้อเสีย
-รุ่น Entry ไม่มี Push Start เเละ Smart Entry
-กั๊กออพชั่นบางตัวมากเกินไป ไม่มีล้ออะไหล่
-พนักพิงศีรษะดันหัวมาก
-บรรยากาศภายในอึดอัดมาก กระจกหลังนี่นั่งเเล้วนึกว่าติดคุก ทัศนวิสัยเเย่มาก
-ช่องเก็บของภายในรถน้อยมาก ไม่อเนกประสงค์เลย
-เเผงประตูคู่หลังวัสดุไม่ดี ลดต้นทุนเกินไป
-ไม่มีรุ่น High สำหรับตัว 1.8 เเถมงกสีตัวถัง
-รุ่น 1.8 Mid ราคาใกล้เคียง Hybrid เกินไปเเละต่างจากรุ่น Entry มากเกินไป
ความเดิมตอนที่เเล้ว
หลังจากที่เราได้เจาะลึกยอดขาย Honda City เเละ Nissan Almera ไปเเล้วในรูปเเบบของกราฟ ใครยังไม่ได้ดู คลิกได้ที่นี่เลยครับ
วันนี้เรากลับเข้าสู่โหมดปกติกันครับ เราจะมาเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของรถ SUV นั่นคือ Toyota CHR 1.8 กันครับ(ผมจะขอเรียกว่า CHR เบนซินนะครับ)
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2017 มีรถ Toyota รุ่นหนึ่งที่เป็นความหวังของเเบรนด์ที่จะเข้ามาเจาะตลาด SUV หลังจากปล่อยให้ Honda ครองตลาดนี้มานานเป็นเวลา 20 ปี
ซึ่งทุกอย่างก่อนเปิดตัวทำท่าดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี รถคันนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานใหม่ TNGA(Toyota New Global Architecture)ที่เน้นในเรื่องของการขับขี่ให้ดีกว่า Toyota ยุคก่อน บวกกับดีไซน์ใหม่ที่ถูกใจใครหลายๆคนเป็นอย่างมากเพราะเราจะไม่เคยเห็นรถ Toyota รุ่นไหนหน้าตาโฉบเฉี่ยวเเบบนี้มาก่อน นอกจากนี้ความที่ตัวรถสดใหม่กว่า HRV เเถมเป็น Toyota ด้วย
มันก็น่าจะขายดีถล่มทลาย???
เเต่ยอดขายจริงนั้นกลับผิดคาดเพราะในปี 2018 นั้นเเซง Honda HRV ได้อยู่เเค่เเปปเดียวซึ่งเป็นเพราะ HRV กำลังจะ Minorchange นั่นเองครับ
เเต่หลังจาก HRV Minorchange เเละเริ่มส่งมอบในเดือนกรกฎา 2018 ปุ๊ป CHR ก็โดนเเซงยาวๆเลยครับ เรียกว่าเเพ้มาตลอด
เเถมล่าสุดช่วงต้นปี 2020 เเพ้ Mazda CX30 ที่เพิ่งเปิดตัวไปด้วย ทั้งๆที่เป็น Toyota???
มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาดเเล้วละ
โดย CHR มี 2 เครื่องยนต์ให้เลือกนะครับ คือ 1.8 เเละ 1.8 Hybrid
ราคาหลังเปิดตัวมีดังนี้ครับ
รุ่น 1.8 Entry CVT 979,000
รุ่น 1.8 MID CVT 1,039,000
รุ่น 1.8 Hybrid MID E-CVT 1,069,000
รุ่น 1.8 Hybrid HIGH E-CVT 1,159,000
ซึ่งจากข้อมูลบอกว่ายอดจองในช่วงเปิดตัวนั้นเป็นรุ่น Hybrid ถึง 75% รุ่น 1.8 เเค่ 25%
ซึ่งมันก็มีความต่างกันอยู่นะครับระหว่างรุ่น Hybrid กับรุ่น 1.8 ทั้งเรื่องตัวรถเเละที่มาของยอดขาย
วันนี้ผมจะขอพูดถึงเฉพาะรุ่น 1.8 เบนซินก่อนนะครับ
ข้อดี
-อย่างที่กล่าวไปว่าโครงสร้างใหม่ TNGA เน้นในเรื่องของการขับขี่ เอาใจตลาดยุโรป ดังนั้นช่วงล่างของ CHR จึงออกมาดีเกินคาดครับ ไม่เคยมี Toyota ขับดีเท่านี้มาก่อน ช่วงล่างนั้นนอกจากจะนุ่มเเล้ว ยังมีความหนึบเเละเเน่น พูดง่ายๆว่าใกล้เคียงกับ Mazda CX3 เเละดีกว่า HRV เเบบคนละขุมครับ ส่วนหนึ่งเพราะตัวรถเตี้ยกว่า HRV ทำให้ศูนย์ถ่วงต่ำเเละเป็นผลดีในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์จึงทำให้การทรงตัวของ CHR ทำได้ดีมากๆ อาการโยนเเละความวูบวาบนั้นมีน้อยมาก การควบคุมโช๊คเเละสปริงก็ทำได้ดี ได้เปรียบ HRV เเละ CX3 เพราะสองรายนั้นช่วงล่างด้านหลังเป็นเเบบคานบิด เเต่ CHR เป็นเเบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ไม่มีอาการยุบหรือสร้างความหวาดเสียวเลย ถือว่าเหมาะมากกับผู้ที่ชอบการขับขี่ การเข้าโค้งหนักๆ ผิดคาดสำหรับ Toyota
-พวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักกำลังพอดี ไม่หนักตึงมือเกินไปหรือเบาโหวงเหวงจนน่ากลัว สั่งงานเเม่นยำดีครับ ในความเร็วสูงถือว่านิ่งมาก มีน้ำหนักหน่วงกลางที่โอเค ไม่มีอาการส่ายหรือเสียวเลย เซ็ตมาได้ดีมากๆสำหรับ Toyota ดีใกล้เคียงกับ CX3 เเละเเน่นอนครับว่านิ่งกว่า HRV รายนั้นน้ำหนักเบาเกินไปในย่านความเร็วสูงครับ
-เครื่องยนต์ 1.8 บล็อคนี้ 140 เเรงม้า 175
นิวตันเมตร บล็อคเดียวกับ Altis 1.8 ให้อัตราเร่งที่ดีมาก ตอบสนองได้ทันใจดีครับ ถึงเเม้ว่าอัตราเร่งจะช้ากว่าทั้ง HRV, CX3, CX30, Altis เเต่ก็ถือว่าเร็วกว่ารุ่น hybrid ส่วนหนึ่งที่อัตราเร่งช้ากว่าคู่เเข่งเนื่องจากน้ำหนักตัวราว 1385 kg ซึ่งหนักกว่าทั้ง HRV, CX3, Altis เเถม CX30,CX3 ก็ใช้เครื่อง 2.0 ด้วย ดังนั้นอัตราเร่งระดับนี้ถือว่าทำได้ดีครับ
-นอกจากเครื่องจะดีเเล้ว เกียร์ CVT ลูกนี้ตอบสนองเหมือน Altis 1.8 เลยครับ ทำงานถวายชีวิตมาก กดทีนึงปุ๊ป รอบเครื่องเด้งมาเลย เเถมยังมีอาการรอบตกเวลาถึง red line อีกด้วย ชวนให้นึกถึง CVT ของ Civic 1.5 Turbo, Altis 1.8 เเละ City 1.0 Turbo(บุคลิกคล้ายกัน) เเทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือ CVT นึกว่าเกียร์ Auto ปกติ ซึ่งในรุ่น Hybrid คุณจะไม่พบบุคลิกเกียร์เเบบนี้เเน่
นอน เพราะรุ่น Hybrid เป็นเกียร์ E-CVT เรียกว่าวัยรุ่นถูกใจ ขาซิ่งกดไลค์
-เเป้นเบรกนั้นระยะค่อนข้างกระชับเเละเบรกตื้นกว่ารุ่น Hybrid ซึ่งทำให้การตอบสนองโดยรวมของเเป้นเบรกนั้นสร้างความมั่นใจได้ดีกว่าตัว Hybrid
-ดีไซน์ภายนอก-ภายในนั้นฮือฮามากในช่วงเเรกเพราะมันคือ Toyota ที่มีเส้นสายโฉบเฉี่ยวชวนปวดหัว(สำหรับผู้อาวุโส)เเต่ถูกใจวัยรุ่นเเละวัยกลางคนมากๆ ทั้งทรงที่คล้ายๆคูเป้ ตัวรถเตี้ย มีเส้นด้านข้างที่ลากตัดขึ้นจนดูสปอร์ตสวยงาม เเถมภายในดีไซน์ภายในมาเป็น Concept Diamond คือ ทุกชิ้นส่วนจะเป็นดีไซน์คล้ายๆข้าวหลามตัดทั้งสวิตซ์พวงมาลัย ปุ่มเเอร์ ปุ่มเครื่องเสียง ดีไซน์คอลโซล หรือเเม้เเต่เพดานยังเป็นลาย Diamond ซึ่งโดดเด่นไม่เหมือนใคร เเถมโทนสีภายในถ้าเป็นรุ่น MID ขึ้นไปก็จะเป็นสีดำ-น้ำตาล ดูสปอร์ตกึ่งหรูนิดๆ
-เเม้ตัวรถภายนอกจะดูเตี้ย เเต่พื้นที่ภายในไม่อึดอัด กว้างขวางกว่า CX3 เเละ CX30 เป็นรองเพียงเเค่ HRV เเถมเบาะหลังก็ยังมี headroom ที่ใช้ได้เพียงพอสำหรับคนสูง 180 ด้าน legroom ก็ยังถือว่าพอเหลืออยู่สำหรับคนตัวไม่ใหญ่นัก เเน่นอนว่ากว้างขวางกว่า SUV ของ Mazda ทั้ง 2 รุ่น เเละพื้นที่กระโปรงก็ดูใหญ่โตกว่าเช่นกัน เเละเป็นรองเเค่ HRV เหมือนกัน ถือว่านั่งได้ครับ
-เบาะนั่งคู่หน้านั้นมีเบาะรองนั่งที่ค่อนข้างยาวกว่าเบาะ Toyota สมัยก่อนๆ รองรับส่วนขาได้ดีขึ้น เเถมพนักพิงหลังนั้นมีขนาดใหญ่มากก็ทำให้โอบรับเเผ่นหลังเเละล็อคตัวได้ดีมากเวลาขับขี่ เเถมเบาะฝั่งคนขับในรุ่น MID มีระบบดันหลังไฟฟ้ามาด้วย ทำให้การรองรับหลังทำได้ดีขึ้นไปอีก ส่วนเบาะหลังนั้นก็มีพนักพิงหลังที่มีมุมเอนพอดี ช่วยให้ภาพรวมเบาะนั่งทำได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
-ตั้งเเต่รุ่น Entry ได้ระบบปรับอากาศเเยกซ้ายขวา Dual Zone, เบาะหนัง, ล้อ 17 นิ้วลายใหม่, มาตรวัดพร้อมจอ TFT 4.2 นิ้ว, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว, ระบบ Criuse Control, ถุงลม 7 ใบ, เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าเเละหลังถึง 4 ตำเเหน่ง, ABS+EBD+BA+VSC+TRC+HAC, เเถมด้วย ระบบเตือนเเรงดันลมยาง TPMS อีกด้วย
ทีนี้เรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
-รุ่น Entry ออพชั่นมาดีเเล้วนะครับ เเต่ทำไมถึงไม่มีปุ่ม Push Start เเละระบบ Smart Entry??? รถราคา 9.79 เเสนปี 2020 ไม่มีได้อย่างไรครับ อุตส่าห์ให้ข้าวของซะเยอะ ดันขาดของพื้นฐาน ขนาด Honda City รุ่น S เริ่มต้น คันละ 5.795 เเสน ยังมี Push Start เลยครับ รถหน้าตาล้ำเเต่บิดไขสตาร์ท
-ในรุ่นเบนซินทั้งรุ่น Entry เเละ MID มีเเค่ไฟหน้าโปรเจคเตอร์, ไม่มีระบบนำทาง, ไม่มีเบาะคนขับปรับไฟฟ้า, ไม่มีกระจกมองหลังตัดเเสงอัตโนมัติ, ไม่มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ไม่มีเเป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift, ไม่มีระบบเตือนมุมอับสายตา BSM, ไม่มีระบบเตือนเมื่อรถถอยผ่าน RCTA, ไม่มีที่ชาร์จหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลังคอลโซลกลางเลยเเละไม่มีที่เท้าเเขนที่เบาะหลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรจะมีในรุ่น MID ครับ เเถมล้ออะไหล่ก็ไม่มี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องของมลพิษ ถ้าหากปล่อย CO2 เกิน 150 g/km จะต้องเสียภาษีเเพงขึ้น เเต่ CHR เบนซินเเจ้งเอาไว้ที่ 150 พอดี จึงทำให้ต้องถอดล้ออะไหล่ออกไป
-เบาะคู่หน้านั้นพนักพิงศีรษะคู่หน้าดันหัวมาก เเม้อาจจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยที่รองรับกระดูกสันหลัง เเต่ก็ควรจะลดองศาความเอียงลงครับ หรืออาจะทำเเบบรถสมัยก่อนที่ปรับองศาความเอียงของพนักพิงศีรษะเพื่อลดอาการดันหัวครับ
-เเม้พื้นที่ภายในจะไม่ได้เเย่ เป็นรองเพียง HRV เเต่ปัญหาที่พบคือ อึดอัดมากครับ โดยเฉพาะเบาะหลังที่ต้องบอกว่านึกว่านั่งอยู่ในคุก เหมาะมากถ้าใครจะเล่นซ่อนเเอบนะครับ ซ่อนที่เบาะหลังปุ๊ป คนหาหาไม่เจอเเน่นอน สาเหตุที่อึดอัดเพราะเบาะคู่หน้ามีขนาดเเละความสูงที่ใหญ่มากทำให้คนข้างหลังมองไม่เห็นข้างหน้า ตำเเหน่งเบาะหลังที่กดเตี้ยจากความสูงของหลังคา วัสดุหุ้มเพดานที่ใช้เเบบสีดำ เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ พลาสติกที่ท้ายรถเป็นสีดำ เท่านี้ก็อึดอัดมากเเล้วนะครับ เเต่ Hilight คือ กระจกหน้าต่างครับ ด้วยดีไซน์ที่กระจกตัดสั้นๆ เเล้วเเผงประตูเป็นสีดำทึบ
ปุ๊ป จบครับ มองข้างนอกไม่เห็นเลยสาเหตุอาจเป็นเพราะเดิมนั้น CHR ถูกวางเเผนให้เป็นรถคูเป้มาเเต่ต้น จึงบิดดัดโครงสร้างไปมากกว่านี้ไม่ได้มากนัก หรือถ้าดัดให้กระจกหลังใหญ่ เส้นสายภายนอกก็จะไม่สวย
เเบบนี้ นอกจากนี้ทัศนวิสัยก็เเย่มาก เพราะเสาหลังบังหมด มองอะไรเเทบไม่เห็น ซึ่งจุดนี้เป็นจุดอ่อนหลักเลย ทำให้เบาะหลังจากเดิมที่ไม่ได้เเย่ พอมาเจอบรรยากาศเเบบนี้ปุ๊ป ทำให้หลายคนส่ายหน้าเบินหนี เป็นจุดหลักที่ทำให้ CHR ขายไม่ดี
-เป็นรถ SUV ซะเปล่า เเต่ช่องเก็บของภายในรถนั้นน้อยมากครับ มีเเค่กล่องคอลโซลหน้ากับที่วางเเก้วคอลโซลกลาง เเละที่วางเเก้วกับของอีกเล็กๆน้อยๆที่เเผงประตู พูดง่ายๆว่าใครคาดหวังความอเนกประสงค์นี่ต้องทำใจเลยครับ มันตอบโจทย์ไม่ได้เลย
-วัสดุภายในเหมือนจะดีนะครับ หุ้มวัสดุ Soft Touch บนคอลโซลหน้าเต็มพื้นที่ เเละเเผงประตูคู่หน้าก็หุ้มหนังมาให้ ปัญหาคือเเผงประตูคู่หลังเป็นพลาสติกเน้นๆเลยครับ ลดต้นทุนเกินไปสำหรับรถราคานี้ จุดนี้เหมือน Honda Civic FC 1.8 เลย ราวกับไม่เน้นผู้โดยสารหลังเเถมตำเเหน่งที่ท้าวเเขนก็ต่ำไปด้วย เหมาะกับคนตัวเล็กๆที่สูงไม่เกิน 160
-ในรุ่นเบนซินมีเเค่รุ่น Entry เเละรุ่น MID ไม่มีรุ่น High ทำให้ระบบความปลอดภัยล้ำๆทั้งหลายหายเกลี้ยงครับทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมเบรกอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่ออกนอกเลน, ระบบช่วยดึงรถกลับเข้าช่องทาง, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Criuse Control เเบบ Radar ทั้งหมดนี้ไปกองอยู่ที่รุ่น Hybrid High หมดครับ เเถมสีตัวถังก็ดันมีเเค่ 3 สีเท่านั้น ดำ ขาว เงิน ส่วนสีพิเศษทั้งสีเเดง สีน้ำเงิน สีเขียวมิ้น ซึ่งทั้ง 3 สีนี้มาพร้อมหลังคาดำด้วย เเต่รุ่นเบนซินนั้นงกสีตัวถังมากๆครับ
-ราคารุ่นเบนซิน MID นั้นต่างจาก Hybrid MID เเค่ 30,000 ครับ เเต่รุ่น Hybrid MID ได้เพิ่มทั้งไฟหน้า LED, ไฟหน้าสูง-ต่ำ Auto, ไฟท้ายเเบบ Full LED รมดำ, ไฟ Ambient Light ภายในเเละระบบเชื่อมต่อกับมือถือ Toyota Connect เเถมยังได้ Hybrid ทำให้ความคุ้มค่ารุ่น MID ลดลงไปมากครับ ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างภาษีตอนนี้รุ่นธรรมดาเสียภาษีสรรพสามิต 20% เเต่รถ Hybrid ได้รับการสนับสนุน จึงเสียภาษีเเค่ 4% ทำให้ราคาของรุ่น Hybrid ถูกกว่าความเป็นจริงเยอะมากเเถมออพชั่นหลักๆที่เพิ่มมาจากรุ่น Entry ก็มีเเค่ Push Start, Smart Entry, ไฟตัดหมอก เบาะคนขับปรับดันหลังไฟฟ้า เเละเเค่นั้น!!!กับส่วนต่าง 60,000 ซึ่งควรจะได้อะไรเพิ่มมากกว่านี้ครับ
สรุป-เด็กที่ทำข้อสอบได้เต็ม เเต่ดันลืมเขียนเขียนชื่อชั้นเลขที่
การทำข้อสอบนั้นไม่ว่าจะเป็นสอบย่อย สอบกลางภาค ปลายภาค หรือสอบอะไรก็เเล้วเเต่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ครูคุมสอบมักจะย้ำเสมอคืออะไรครับ "ชื่อ ชั้น เลขที่" อย่าลืมครับ เพราะต่อให้เราทำข้อสอบชุดนั้นได้เต็ม เเต่ถ้าเขียนชื่อชั้นเลขที่ผิด หรือเเย่กว่านั้นคือลืมเขียนในโรงเรียนที่เขาไม่อนุโลมให้ ข้อสอบชุดนั้นก็มีค่าเท่ากับ 0 ครับ
1
หมายความว่า CHR นั้นขายดิบขายดีในโซนยุโรปเพราะดีไซน์เเละตัวรถที่ขับขี่ได้ดีมาก จนเรียกได้ว่านี่คือ Toyota ที่ขับดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ เพราะคนยุโรปจะเน้นในเรื่องของการขับขี่เป็นหลักอยู่เเล้ว
สิ่งที่ยุโรปต่างจากเอเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยเเลนด์นั้นคือ ลักษณะการใช้งานเเละวัฒนธรรมครับ
ไทยเเลนด์หรือประเทศไทยมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวอยู่เยอะมาก เเถมยังมีบรรดาอากงอาม่าประจำบ้านกันเเทบทุกบ้าน
ฉะนั้น โจทย์สำคัญของ SUV หรือ Sport Utlity Vehicle ถ้าเราเเปลตรงตัว คือ รถอเนกประสงค์ คือ อะไรครับ
คือความอเนกประสงค์ภายในห้องโดยสาร ความสะดวกสบายของเบาะนั่ง พื้นที่ใช้สอยภายใน การปรับพับเบาะได้อเนกประสงค์
สิ่งนี้คือ Keyword สำคัญสำหรับ SUV ในบ้านเราซึ่ง CHR เป็นรถที่ดีมากๆเเล้ว เเต่ดันลืมนึกถึงจุดนี้ไปว่า
ลูกค้า SUV บ้านเราไม่ได้ต้องการรถที่ดีไซน์ล้ำอนาคต ไม่ได้ต้องการรถที่ช่วงล่าง-พวงมาลัยเเละการขับขี่ดีเลิศประเสริฐศรีอะไรมากมายขนาดนั้น
เเต่เขาต้องสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ทั้งใช้คนเดียว สองคน ใช้ขนของเยอะๆหลายชนิด สุดสัปดาห์พาครอบครัวไปเที่ยวได้ทั้งบ้าน เป็นรถต้อนรับพ่อตาเเม่ยายตอนที่เเต่งงานใหม่ๆ
เห็นไหมครับว่า CHR ยังมีจุดบอดตรงนี้อยู่ที่ตอบโจทย์ตรงนี้ไม่ได้เลย จนทำให้ยอดขายเเพ้ Honda HRV เเบบที่เห็นทุกวันนี้
1
มันก็เหมือนการลืมเขียนชื่อชั้นเลขที่ในข้อสอบ ซึ่งในโรงเรียนที่ยุโรปคุณครูเอาอนุโลมให้ถือว่าเป็นเรื่องไม่ผิด เเต่คุณครูที่ไทยเขาไม่อนุโลม ก็จบครับ ข้อสอบชุดนั้นที่ถูกทุกข้อก็ไม่มีคะเเนนอยู่ดี
เเถมรุ่นเบนซินยังไม่มีรุ่น HIGH ไม่มีออพ
ชั่นอะไรที่โดดเด่นเท่าไหร่เลย เพื่อที่จะดันให้ลูกค้าไป Hybrid กลายเป็นช่องว่างของตลาดให้ Honda เอา HRV รุ่นเบนซินมาเจาะตลาดกินยอดขายตรงส่วนนี้ได้ดีกว่า
CHR รุ่นเบนซินต้องเพิ่มรุ่น HIGH เข้ามาครับ เเละไม่งกสีตัวถัง เเต่ด้วยภาษีทำให้ราคาอาจเเพงกว่า Hybrid ก็เลยเป็นข้อจำกัดในเรื่องของออพชั่นเเถม Toyota ดันเน้น Hybrid มากเกิน ทำให้รุ่นเบนซินขายไม่ดี
กระนั้นถ้าใครเป็นคนโสดหรือมีเเฟน ใช้รถเเค่ 2 คน ไม่เน้นพื้นที่ใช้สอย ชอบดีไซน์ CHR ชอบพละกำลังเเละบุคลิก CVT ของ CHR เบนซิน ไม่เน้นออพชั่นมากขนาดนั้น ไม่อยากได้รถที่เป็น Hybrid เเละที่สำคัญชอบการขับขี่บังคับควบคุมทั้งพวงมาลัยช่วงล่างเบรกที่หนึบเเน่นทรงประสิทธิภาพ
CHR เบนซินคือคำตอบครับ
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ การเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Toyota CHR 1.8
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
ช่องทางการติดตามอื่นๆ
FB :Carman
IG : Blockdit_Carman
ไปกดไลค์ กดติดตามกันได้นะครับ
ติดตามบทความย้อนหลังของ Carman ที่นี่
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
เวลาใหม่!!!
ติดตามบทความใหม่ทุก EP ของ Carman
ทุกวันจันทร์เเละวันศุกร์ เวลา 19.00
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา