2 พ.ค. 2020 เวลา 08:31 • บันเทิง
หากคุณชอบเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีสาง ความน่ากลัวขนหัวลุกสั่นประสาท เราขอเสนอเรื่องเล่าผีๆ ที่จะมาแชร์ความน่ากลัวให้คุณฟัง
เรื่องเล่า
Blog ของเราเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลที่ชื่นชอบในเรื่องสยองขวัญอย่าง ผี เลยก็ว่าได้ หลายคนคงจะบอกกับตัวเองเสมอว่า เป็นคนกลัวผี แต่ก็ชอบที่จะอ่านเรื่องแนวนี้เป็นชีวิตจิตใจ ครับอยากจะบอกว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบเรื่องผีๆสางๆ แต่ก็กลัว และไม่กล้าแม้แต่จะดูหนังผีคนเดียว ถึงดูก็ต้องเลื่อนมาอ่านแต่คอมเม้น และฟังเสียงจากคลิปเอาแทน หรือตอนไปดูหนังก็อยากจะกุมมือเพื่อนหรือใครสักคนหนึ่ง ครั้งหนึ่งจำได้ว่าไปดูหนังผีกับน้องสาวกันสองคน ดูเรื่อง Annabelle เนี่ยแหละ พอถึงฉากน่ากลัวๆ ผมแทบจะหรี่ตามอง ไม่ก็เอามือปิด แต่น้องผมนี่หนักกว่าเลยครับ นางเอาแขนผมไปปิดที่หน้านาง ไม่ก็กอด ผมเชื่อว่าทุกคนอาจจะเคยมีพฤติกรรมแบบนี้ ต้องการไออุ่นจากคนรอบข้างเพื่อบรรเทาความกลัว ครับผมเองก็ไม่เข้าใจ กลัวก็กลัว แต่ก็ต้องเป็นที่พึ่งของน้อง นึกถึงแล้วก็ขำ
เอาละครับผมไม่อยากพูดพล่ามไปเยอะ เรื่องเล่าต่อไปนี้ผมขอยกมาในเรื่องของประสบการณ์ขนหัวลุกของตนเองที่เจอะเจอมาตอนไปเรียนที่ต่างประเทศ ว่า ผี ที่ผมเจอเนี่ยมันเป็นยังไง ประเทศที่ผมไปเรียนมานั่นก็คือประเทศรัสเซีย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ฤดูใบไม้ผลิ ผมจำได้ว่าไปเที่ยวหาน้องสาวชื่อ B (นามสมมุติ) ตอนแรกว่าจะพักที่หอนาง แต่นางบอกว่ามันไกล ไปพักที่อพาร์ตเมนต์เพื่อนจะดีกว่า ผมกับน้องก็ตกลงกันไปพักกันกับเพื่อนนาง อพาร์ตเมนต์ของเพื่อนนางนั้นอยู่ในใจกลางเมืองของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีซอกซอยตาม style ยุโรป อพาร์ตเมนต์จะอยู่ติดกับถนนใหญ่ สภาพภายนอกก็จะดูดีปกติไม่มีอะไร แต่ภายในนี้ผมต้องบอกว่ามันผิดจากภายนอกมากคือ บรรยากาศมันแบบว่าชวนขนหัวลุก มืดๆชื้นๆอับๆ ถ้าวันไหนมีแสงแดดส่องก็นับว่าสว่าง แต่มันก็ยังดูน่ากลัวราวกับมีหมอกมาบัง แต่ตอนที่พวกเราไปถึงนี่มันเป็นเวลาตีสอง ถ้าไม่มีแสงไฟจากถนนก็คือมืดเลย อยากจะบอกว่าฤดูใบไม้ผลิของรัสเซียถือว่าเป็นฤดูหนาวของไทย แต่ติดลบ 1 องศา ครับพวกเราก็เดินขึ้นบันไดไป ห้องอยู่ประมานชั้น 3 ถ้าจำไม่ผิด เข้าประตูไปจะพบว่าเป็นที่วางรองเท้าและมีที่แขวนเสื้อกันหนาว ซึ่งก่อนหน้ามีคนมาแขวนไว้แล้ว พวกผมก็ไม่คิดอะไรก็แขวนซ้อนกันไป หลังจากแขวนเสื้อเสร็จเดินออกมาจากมุมรองเท้า สักสองสามเก้าจากประตูจะเห็นตรงข้างหน้าผมจะเป็นห้องครัว พอหันไปทางซ้ายผมแทบตกใจ เพราะมันเป็นทางเดินยาวๆที่มืดสนิท แต่ถ้ามองไปดีๆจะเห็นว่าระหว่างทาง ไม่ว่าจะซ้ายขวาจะมีห้องอยู่ด้วยประมาณสามห้อง ห้องแรกจะเป็นห้องรับแขกไม่มีประตูปิด ถัดไปจะเป็นห้องเก็บของ สุดทางจะเป็นห้องน้ำ ก่อนถึงห้องน้ำจะเป็นทางแยกไปห้องนอนอีกห้อง
https://decor.mthai.com/home-idea/36893.html
ครับตอนที่หันไปเจอทางมืดนี่ผมหันไปบอกน้องสาวผมทันทีเลยครับว่า “ที่นี่มีผีไหมเนี่ย” ทันทีที่นางได้ยินนางหันมาด่าผมเบาๆ ว่า”อย่าพูดไปเรื่อยสิ คนยิ่งกลัวอยู่ “ ผมก็ไม่ได้อะไรครับได้แต่ยิ้มและบอกว่าโทษทีๆ พอมาถึงพวกเราก็นำสัมภาระของตนเองไปไว้ในห้องรับแขก พวกเรานอนกันบนโซฟา เป็นห้องรับแขกที่แปลกมาก จะว่าห้องนั่งเล่นก็ไม่เชิง เพราะมันกว้างมาก มีเก้าอี้ทรงแปลกๆไม่เคยเห็นมาก่อน กลางห้องจะมีชุดโต๊ะรับแขกแล้วก็โซฟา และเก้าอี้ มีกระจกอยู่ที่ผนังฝั่งตรงข้ามที่เรานอน ซึ่งโซฟาที่เรานอนจะมีสองตัวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง สรุปห้องนี้มีโซฟาสามตัว แว็บแรกที่เข้ามาที่ห้องรับแขก ผมสังเกตว่าหน้าต่างมีขนาดใหญ่และกว้าง มีม่านบางๆสีขาวบัง แต่ถ้าแดดส่องหรือมีแสงไฟก็คือบังแสงไม่ได้มาก เหมือนมีไว้ประดับเท่านั้น เราสองคนพอมาถึงห้องรับแขกก็จัดแจงนอนกันเลยครับ ด้วยความที่กลัวผี ผมหันหัวไปที่ทางเข้าห้องรับแขก คือโซฟามันจะอยู่เยื้องกับทางเข้าหน่อย เพราะมันมืดผมกลัวจะลืมตามาเห็นอะไร ดังนั้นหน้าผมก็จะมองหันไปทางหน้าต่างบานใหญ่นั่น น้องสาวผมเองก็ทำเช่นกัน คืออีตระกูลนี้กลัวผีเหมือนกัน ไม่มีใครกล้านอนหันหน้าไปที่ทางเข้า ซักพักเราก็ดับไฟและนอน ผมจะเป็นคนที่จะนอนหลับยากถ้านอนแปลกที่ แต่ผมก็ไม่คิดอะไร สักพักผมหลับและก็ลืมตา แววตาผมมันดันไปจ้องที่หน้าต่าง
http://www.homeest.com/ห้องพักผ่อนที่มืดทึบ_ฮวงจุ้ยเป็นอย่างไร/ไอเดียแต่งบ้าน/ตกแต่งบ้าน/393/
ผมเห็นเป็นเงาของใครบางคน น่าจะเป็นผู้หญิงเพราะเห็นแค่ชายกระโปรงยาวๆและขาของผู้หญิงลอยไปมา ผมเห็นเป็นคนครึ่งตัว ตอนนั้นผมไม่ได้กลัวนะครับ เพราะคิดว่าคงจะเป็นเงาของสิ่งของอะไรหรือเปล่า หรือเงาของรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมา แต่ว่ามันไม่ใช่ นี่มันตัวคนเลย และมาทำอะไรที่หน้าต่าง และแถวนั้นก็ไม่มีระเบียงคิดไปคิดมาสงสัยจะตาฝาด ผมก็หลับตา แต่พอลืมตาและมองไปที่หน้าต่างอีกที เธอคนนั้นก็ยังคงลอยไปลอยมาเป็นเงาสีดำลางๆเหมือนเดิม จำได้ตอนนั้นผมจับสร้อยพระที่คอเอาไว้แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้กลัวอะไรเพราะคิดว่าเราตาฝาด ครับผมก็นอนหลับไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น จุดพีคมันมาที่วันที่สาม น้องไล่ให้ผมไปนอนกับเพื่อนมันเพราะมันจะคุยกับแฟนที่ห้องรับแขก ตกกลางคืนจะเดินไปนอนกับเพื่อนน้อง อยากจะบอกว่าต้องเดินผ่านอีทางเดินมืดๆนั่น ก่อนไปห้องนอนผมจะแวะไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่เดินเข้าไปอยากจะบอกว่ามันมืดมิดและวังแวงมาก ผมรู้สึกว่าเวลาจะเดินไปห้องน้ำที่อยู่สุดทางนี่มันใช้เวลานานมากและอึดอัด ขณะที่เดินไม่รู้ผมหลอนหรือว่าอะไร ผมเห็นเงาของใครก็ไม่รู้อยู่ตรงประตูห้องน้ำ
ใจผมเต้นแรงมากบอกเลย แต่ด้วยความที่ปวดฉี่ มันก็ต้องไปครับ พอไปถึงหน้าห้องน้ำก็ไม่มีอะไร เสร็จธุระก็รีบเดินไปที่ห้องนอนทันที เข้าไปผมก็พบว่านอกจากห้องรับแขกจะประหลาดแล้วก็ยังมีห้องนอนที่ประหลาดอีก สภาพห้องน่าจะเคยทำเป็นห้องอะไรมาก่อน เข้าไปจะพบเตียงนอน king size ที่หันมาทางประตู และเตียงเดี่ยวข้างๆ ถัดจากเตียงมี grand piano อยู่ข้างๆ บน piano มีกรอบรูปพระเกจิอาจารย์ และพระพุทธเจ้าวางไว้ ข้างๆเตียง แต่ที่ทำให้ผมตกใจมากคือตุ๊กตาเสือตัวใหญ่ๆ อยากจะบอกว่าผมมองแว๊บแรกนี่แทบกรี๊ด เหมือนจริงมากท่าทางของมันนอนอยู่บนพื้นแต่หัวหันหน้ามามองเรา ถ้ามองนานๆเหมือนมีชีวิต “ตุ๊กตานี่เหมือนเสือมากเลยเนาะ เหมือนมันมีชีวิต” ผมหลุดพูดออกไปแบบแซวๆ แต่คนในห้องนอนนี่เขาดันไม่ตลกกับเราครับ เขากลับบอกผมว่า “พี่ อย่าล้อเล่นนะหนูกลัว”สีหน้าของน้องแลดูกลัวมาก ส่วนผมก็เหมือนเดิมครับ มองโลกในแง่ดีไม่คิดอะไร ได้แต่ยิ้ม แต่ความแปลกมันเริ่มหลังจากนี้ครับ ในห้องนอนนี้ มีคนนอนกันสามคน
ก่อนนอนทุกคนสวดมนตร์กันเป็นจริงเป็นจังมากครับ ยกเว้นผมที่สวดมนตร์บทสวดพระรัตนตรัย ผมก็ชมน้องๆในใจว่า เออเด็กสมัยนี้ดีเนาะสวดมนตร์กันเก่งจัง และทุกคนก็เริ่มนอนกันครับ ผมนอนที่เตียงใหญ่ริมผนัง ระหว่างที่นอนก็รู้สึกแปลกๆอีกครับ เหมือนมีอะไรมากวนที่ปลายเท้าตลอดเวลา คือจะว่ายุงหรือแมลงก็ไม่ใช่ น่าหนาวที่รัสเซียไม่มี มันเหมือนมีอะไรเบาๆมาสะกิดที่เท้า ผมก็เลยเอาผ้าห่มคลุมที่เท้าเพราะตอนแรกไม่ได้คลุม แต่มันก็รู้สึกจักจี้ตลอดเวลา สักพักผมก็หลับไปครับโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้ามารุ่งขึ้นทุกคนก็ตื่นนอนมาทำธุระส่วนตัว ผมระหว่างรอเขาเข้าห้องน้ำก็มานั่งที่ห้องรับแขกและหันไปมองหน้าต่างบานเดิมนั่น ขนาดเช้าแล้วนะครับผมก็ยังเห็นเงาของผู้หญิงคนนั้นตามเดิม ลอยไปลอยมา ผมก็ยังคงมองว่าไม่มีอะไร อีเรื่องแปลกๆนี่เริ่มไม่ชอบมาพากลละ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ ขนาดไปนั่งที่ห้องครัวก็สังเกตเห็นเงาที่หน้าต่างเป็นรูปคนแก่มองมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร และก็พูดออกไปให้น้องคนอื่นได้ยินอีก “ที่นี่มีผีหรือเปล่าเนี่ยเห็นเงาใครไม่รู้อยู่ที่หน้าต่างในห้องครัว” ทุกคนพูดออกมาตามเดิมครับว่า กลัว อย่าพูดอีกนะ ประมาณ 10 โมงเช้าก็มีกลุ่มพี่ๆมาเยี่ยม มานั่งคุยกันตามประสาเด็กนอก ผมก็นั่งฟังห่างๆ และเตรียมตัวจะกลับเมืองของผม ผมดันไปได้ยินพี่คนนึงพูดว่า “เมื่อไหร่จะย้าย ย้ายได้แล้วอย่าอยู่เลย เนี่ยมันลอยไปลอยมาอยู่ทุกวัน “นางพูดและก็ชี้ไปที่หน้าต่าง ผมได้แต่สงสัย อยากจะถามแต่ก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับน้องสาวตัวเอง มุ่งหน้าเดินทางกลับเมืองมอสโคว์ เวลาผ่านไปสามวัน เอาเป็นว่าผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท แต่มานึกออกก็ตรงที่มีเฟสบุ๊คของน้องคนนึงซึ่งเป็นคนเช่าอพาร์ตเมนต์ที่เราไปพัก มาลงเรื่องราวในเฟสบุ๊คเอาไว้ ว่ามีใครเคยเจอผีในอพาร์ตเมนต์ไหมในรัสเซีย
ทุกอย่างที่นางเล่าตรงกับที่เราเห็นและเจอมาทั้งหมด ทันทีที่ทราบผมรีบโทรไปหาน้องสาวผม และก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ว่าประมาณว่า “กุว่าแล้วกุเจออะไรแปลกๆ...” และน้องก็ตอบว่า”พี่คนที่ไปเยี่ยมที่อพาร์ตเมนต์ก็เห็นเหมือนแกเลยวะ ที่เห็นเป็นชายกระโปรงและมีขาลอยไปมา เป็นคนครึ่งตัว” นั่นแหละครับ ความที่ผมคิดไปเองและมองโลกในแง่ดี ตอนนี้มันสร้างความขนลุกและความกลัวมาให้ตัวผมเองแล้วครับหลังจากรู้ความจริง ความแปลกๆที่เจอมันไม่ชอบมาพากล ผมควรจะขอบคุณตัวเองดีไหมที่ไม่สติหลุด ที่มองโลกในแง่ดี ฮาๆ แต่อยากจะบอกว่าคนที่เช่าอพาร์ตเมนต์นั้นโดนหนักกว่าผมอีกครับ เขาเล่าว่าอีห้องรับแขกเฮี้ยนสุดละ ระหว่างที่เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ๆโซฟายกเองได้ เหมือนกับมีคนกำลังยกเพื่อหาของอยู่อะไรประมาณนั้น แต่ก็ทำให้น้องคนนั้นกรี๊ดออกมาได้นะครับ เป็นผมก็ตกใจนะ เป็นลมเลย ผมเล่าเรื่องนี้ให้พ่อผมฟัง พ่อก็บอกว่าคงจะเป็นคนที่ตายไม่รู้ตัวโดนระเบิด หรืออะไรประมาณนั้น คือเมืองนี้ถ้าดูจากประวัติศาสตร์รัสเซียคือคนตายเยอะมากครับ ส่วนใหญ่เกิดจากสงคราม โดนระเบิดบ้าง มันคงเป็นกรรมของเขาที่ยังไปไหนไม่ได้ และยึดติดกับสถานที่ที่อยู่ หลังจากนั้นผมก็บอกกับตัวเองว่าควรทำบุญเยอะๆ และสวดมนตร์อธิฐานว่าอย่าได้เจอเรื่องแบบนี้อีก เพราะผมกลัว ฮาๆ ครับเรื่องเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกและสยองขวัญก็มีเท่านี้ครับ ไว้คราวหน้ามีประสบการณ์อะไรจะมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ
https://www.thehouse.online/story129/
โฆษณา