วันนี้นั่งฟังข่าว the standard แล้วมีข่าวพูดถึง ผู้นำหญิงชาวนิวซีแลนด์ ที่จัดการกับปัญหาของโควิดได้ดีมากๆ มีการสื่อสารกับประชาชนที่ดี มีการไลฟ์สดจากบ้านตัวเอง แต่งตัวง่ายๆคุยกับประชาชนจากบ้าน อีกทั้งยอมหักเงินเดือนตัวเองซึ่งทำให้ได้ใจประชาชน ประชาชนเชื่อมั่นในตัวเขาและพร้อมทำตามคำแนะนำของเขาด้วยความเต็มใจ
มันทำให้ผมนึกถึงหลักการปกครองของขงจื้อที่ได้สอนให้กับลูกศิษย์คนหนึ่ง
เรื่องมีประมาณว่า ลูกศิษย์ของขงจื้อนามว่าจื่อก้งถามขงจื้อว่า "จารย์ๆ เราจะบริหารบ้านเมืองอย่างไรให้มันดี
" ขงจื้อตอบว่า" ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี การทหารเข้มแข็ง แค่นี้คนก็เชื่อมั่นในประเทศแล้ว"
พี่จื่อก้งเลยถามต่อว่า"แล้วถ้าจำเป็นต้องตัดข้อใดข้อนึงทิ้งไปละจารย์" ขงเหล่าซือเลยตอบไปว่า"ก็ให้ตัดด้านการทหารทิ้งไปก่อน" จื่อก้งเลยถามต่อว่า"แล้วถ้ายังจำเป็นจะต้องตัดอีกหนึ่งอย่างละจารย์" ขงเหล่าซือตอบว่า"ตัดพวกอาหารทิ้งไป แน่นอนตัดอาหารทิ้งไปจะทำให้คนอดตาย แต่ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้เนี่ย ทุกคนล้วนจะต้องตาย แต่ถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่นแล้วไซร้ บ้านเมืองก็ดำรงอยู่ไม่ได้"
ซึ่งคิดไปคิดมาอันนี้ก็จริงครับ ความเชื่อมั่นนั้นสำคัญมากๆ ยกตัวอย่างเช่นทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลที่มีโค้ชอย่างเจอเก้น คลอปป์ สิ่งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อตอนที่มาเป็นโค้ชลิเวอร์พูล เขาบอกว่าคนที่นี่ยังขาดความเชื่อมั่น และวลีเด็ดที่เขาบอกต่อคือ"we have to change from doubter to believer" ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตลอด4ปีที่เขาคุมทีม จากบุคลิกที่เข้าถึงง่ายๆ มีความสามารถแต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ ไม่เคยดูหมิ่นคู่ต่อสู้ ใจสู้ไม่ถอย เป็นคนคิดบวก พูดจริงทำจริง ทำให้นักเตะและแฟนบอลเชื่อมั่นในตัวเขาเสมอ หลายๆคนที่ก่อนหน้านั้นไม่คิดจะย้ายมาค้าแข้งให้ลิเวอร์พูล ตัดสินใจมาเพราะเขา หลายๆคนที่มีสโมสรอื่นๆให้เงินค่าเหนื่อยมากกว่ามหาศาล แต่กลับบอกปัดข้อเสนอที่น่าเย้ายวนนั้นไป และยอมรับเงินค่าเหนื่อยที่น้อยกว่าก็เพราะเชื่อมั่นในแนวทางทำทีมของเขา
ในปีที่ลิเวอร์พูลเข้าชิงแชมป์ยุโรปกับมาดริด ก่อนเกมส์นักข่าวสัมภาษณ์เขาว่า คุณคิดยังไงกับดวงของคุณ คุณพาทีมแพ้รอบชิงมาเยอะมากๆ เขาตอบง่ายๆประมาณว่า"อ่าว แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็ต้องพาทีมเข้าชิงก่อนสิถึงจะมีโอกาสเป็นแชมป์ ไม่พาทีมเข้าชิง ผมจะได้เป็นแชมป์ได้ยังไงกันล่ะ " และหลังจากที่เกมส์นี้จบลงด้วยการพ่ายแพ้ไป แทนที่เขาจะท้อหรือหมดกำลังใจ เขาได้ให้สัมภาษณ์ง่ายๆสั้นๆว่า"ไม่เป็นไร เดี๋ยวปีหน้าจะมาใหม่" ซึ่งประโยคสั้นๆแค่นี้มันมีimpactมหาศาลครับ มันส่งพลังกระตุ้นไปถึงลูกทีมของเขาทุกๆคน มันทำให้ลูกทีมของเขารู้ว่าโอกาสยังคงมีอยู่ มันไม่ใช่ว่าวันนี้พลาดแล้วเราจะสร้างมันมาใหม่ไม่ได้
เมื่อหัวเรือยังไม่ท้อและมั่นใจ ลูกเรือก็เชื่อมั่น
และสุดท้ายพวกเขาก็ร่วมแรงร่วมใจกันที่จะกลับไปยังจุดนั้นอีกครั้งแม้ว่าจะเจออุปสรรคที่ยากเย็นซักแค่ไหน(สร้างปาฏิหาริย์พลิกกลับมาชนะบาเซโลน่า4-3)และสุดท้ายพวกเขาก็ได้เข้าชิง และก็ประสบความสำเร็จในที่สุด
"การสร้างความเชื่อมั่นของหัวเรือนั้นสำคัญมากๆครับ และแน่นอนว่าถ้าทำได้ ถ้าคุณได้ใจลูกน้อง ได้ใจทีมของคุณแล้ว ไม่ว่าอุปสรรคนั้นจะยากเย็นซักแค่ไหน
เขาก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและก้าวไปกับคุณ"
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
