3 พ.ค. 2020 เวลา 03:33 • กีฬา
ประชาธิปไตยไม่ถูกใจทีมหนีตกชั้น
เมื่อประชาธิปไตยไม่ตรงตามผลประโยชน์ของตัวเอง ประชาธิปไตยจึงไม่มี เหตุผลและยุติธรรม ต่อให้เสียงส่วนใหญ่ลงมติว่า จะแข่งขัน พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2019/20 ให้จบโดยสมบูรณ์ และรักษาหลักการความถูกต้องให้ครบถ้วน
พรีเมียร์ ลีก ยืนยัน ต้องแข่งฤดูกาล 2019/20 ให้จบสมบูรณ์
พรีเมียร์ ลีก แตกต่างจากลีกอื่นๆ ของยุโรป ณ เวลานี้ เพราะยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยหรือเสียงส่วนใหญ่ สำหรับการตัดสินอนาคตของพวกเขาใน ภาวะวิกฤต โลกไม่เจออะไรรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองยุติเมื่อปี 2488 (คศ 1945) ไข้หวัดสเปน การแพร่ระบาดในระดับโลก สิ้นสุดเมื่อ 2463 (คศ 1920)
ภาวะปกติ เราคงไม่ต้องมานั่งเถียงกันว่า จะทำอย่างไร เปิดปิดห้าง เคอร์ฟิว สวมหน้ากากอนามัย มาตรการทั้งหลายแหล่ที่เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต แต่เพราะเหตุการณ์ไม่ปกติ เราต้องร่างมาตรฐานใหม่ เพื่อให้ทำอย่างดำเนินต่อไปได้ บางคนอาจต่อไปอีกว่า ให้เสียหายน้อยที่สุด เจ็บแล้วต้องจบอะไรประมาณนั้น
บทสรุปของการประชุมออนไลน์ 3 ชั่วโมงครึ่งของ 20 ทีมพรีเมียร์ ลีก เรื่อง ฤดูกาล 2019/20 ไม่มีอะไรมาก
1 เสียงส่วนใหญ่ยืนยัน การเล่นให้ครบทั้ง 92 แม็ทช์ที่ตกค้าง
2 เล่นในสนามปิด และสนามกลาง (คัดเลือกมา 8-10 แห่ง ไม่มีทีมไหนได้ เล่น ณ สนามของตัวเอง)
3 รอความเห็นของรัฐบาล หน่วยราชการ ผู้เกี่ยวข้อง ที่จะประชุมกัน 7 พฤษภาคม เรื่องมาตร Lock Down จะผ่อนปรนหรือไม่ จากนั้น 8 พฤษภาคม พรีเมียร์ ลีกประชุมกันต่อตามมติที่ประขุมดังกล่าว
โดยมาตรการพิจารณาเลือกสนามคือ
1 แฟนบอลเดินทางไปสนามสะดวกแค่ไหน
2 ความสะดวกในการป้องกันแฟนบอลเข้าใกล้สนาม คงไว้ซึ่งการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
3 อัตราติดเชื้อโควิด-19 ของแต่ละพื้นที่
4 ปัญหาความรุนแรงในอดีต อันเกิดจากแฟนบอล
พรีเมียร์ ลีกจะปิดสนามและกำหนดการเป็นความลับให้นานที่สุดก่อนแจ้งให้ทีมทราบ โดยเงื่อนไขคือทีมต้องไม่เดินทางไกลนัก
พิจารณาตามนี้ หมายความว่า ลิเวอร์พูลไม่มีโอกาสรับแชมป์พรีเมียร์ ลีกที่แอนฟิลด์ และสนามนี้ไม่เหมาะที่จะจัดการแข่งขัน เพราะความแออัดของ บริเวณโดยรอบ
ลิเวอร์พุล ไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ลีก 19/20 ที่แอนฟิลด์
มาตรการนี้กระทบต่อทีมในพรีเมียร์ ลีก น้อยที่สุด ตามความจำเป็น คือถ้ายกเลิกฤดูกาลไปเลย
1 เรื่องค่าลิขสิทธิ์ 762 ล้านปอนด์ ต้องเฉลี่ยกันคืน ไม่นับรวมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการฟ้องร้อง
2 ไม่ต้องเถียงกันว่า ใครสมควรได้แชมป์ ใครต้องตกชั้น เพราะเรื่องแบบนี้ อาศัยความเห็นไม่ได้ ต้องอาศัยตัวเลขเป็นบทสรุป แม้กรณีของลิเวอร์พูลกับการคว้าแชมป์ ชักไม่ค่อยมีใครเถียงแล้วว่าไม่เหมาะสม แต่การแย่งชิงสิทธิ์ไป UCL Europa League และสำคัญที่สุดคือตกชั้น
ถ้าตกชั้น รายได้ของทีมจะลดลง โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ทีวี 92 ล้านปอนด์เป็นอย่างน้อย เหลือแค่ 42 ล้านปอนด์ หรือน้อยกว่านั้น
เพราะฉะนั้นเลยมีกรณีลงคะแนนจบลีกแต่ไม่หยุดพูดและแสดงความเห็นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 6 อันดับ สุดท้ายของ EPL แต่ถ้าข้อสรุปบอกว่า จบเลยจัดอันดับตามนี้ 28-29 นัดที่แข่งไปแล้ว ก็จะมี 3 อันดับสุดท้ายพยายามเถียงด้วยการยกศักดิ์ศรี ความยุติธรรมมาอ้าง เช่นเดียวกับทีมที่มีลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรป วูล์ฟส์หรือเชฟฟิลด์ ยูฯ อาจบอกว่า ผมมีสิทธิ์ไป UCL นะ อาร์เซน่อล หรือ ท็อตแน่มก็คงคิดเช่นนั้นได้เหมือนกัน
กลับมาที่มาตรการเดิมคือเล่นในสนามปิด เริ่ม 13 มิถุนายน จบ 26 กรกฎาคม
เอเม็กซ์ สเตเดี้ยมของไบรท์ตัน อาจเป็นหนึ่งในสนามกลางสำหรับพรีเมียร์ ลีก
หากรัฐบาลอนุมัติแผนนี้ การซ้อมเริ่มเป็นอันดับแรก พร้อมการตรวจเชื้ออย่างเข้มข้น ทั้งนักฟุตบอลและโค้ช ที่ยังไม่มีใครพูดถึงคือ แนวทางสำหรับ สัญญานักเตะที่จะสิ้นสุดลง 30 มิถุนายน หรือปล่อยให้สโมสรเจรจากับ นักเตะเองเป็นรายกรณีไป
ประมาณการว่า ต้องใช้ชุดตรวจเชื้อ 40,000 ชุดสำหรับตรวจนักเตะสัปดาห์ ละ 2 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ก่อนซ้อม แต่ละทีมน่าจะต้องตรวจกันอย่างน้อย 35 คน (นักเตะและสตาฟ) รวมถึงเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดสดและผู้เกี่ยวข้อง โดยพรีเมียร์ ลีก พยายามจำกัดคนให้ไม่เกิน 300 คนในแต่ละเกม
และทำอย่างไร จะไม่รบกวนแพทย์และพยาบาลซี่งต้องดูแลประชาชนทั่วไป มาตรการกักตัวผู้เกี่ยวข้อง ซี่งยังไม่มีการพูดถึง
กลับมาที่เรื่อง ความขัดแย้งทางความคิด ระหว่าง 14 อันดับแรกกับ 6 อันดับสุดท้ายของพรีเมียร์ ลีก กับมาตรการแข่งขัน ณ สนามกลาง โดยไม่มีคนดู เสียงส่วนน้อยอาจพยายามหาทางขัดขวาง Project Restart ของพรีเมียร์ ลีก และถ้าฤดูกาล 2019/20 ไม่อาจแข่งจนจบได้ คาดว่า ความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 1.132 พันล้านปอนด์
ไบรท์ตัน วัตเฟิร์ด เวสต์ แฮม บอร์นมัธ นอริช แสดงท่าทีชัดเจน คือ ยกเลิกไม่มีตกชั้นเอา เล่นสนามกลางไม่เอา ขณะที่แอสตัน วิลล่า ท่าทีขัดแย้งน้อยที่สุด
พอล บาร์เบอร์ CEO ของไบรท์ตัน ประกาศชัดเจนว่า ไม่ยอมรับมาตรการเล่นสนามปิดและสนามกลาง ตามที่ 6 อันดับแรกของลีกพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น คือ 6 อันดับแรกคิดว่า แข่งๆให้จบๆไปอย่างน้อยเสียหายเรื่องค่าลิขสิทธิ์ 761 ล้านปอนด์ แต่ 6 อันดับสุดท้ายคิดว่า ค่าลิขสิทธิ์ก็ไม่ต้องการคืน และ ไม่ต้องการเสียอะไรเลยแม้แต่น้อย ค่าผ่านประตู และเสียเปรียบจากเกมใน บ้าน
พอล บาร์เบอร์ CEO ของไบรท์ตัน
ไบรท์ตัน ต้องเจอทีมแข็งๆ ใน 8 เกมที่เหลือ เจออาร์เซน่อล แมนฯ ซิตี้ ลิเวอร์พูล แมนฯ ยูฯ ในบ้านตัวเอง พวกเขามองว่า เล่นในบ้านอย่างน้อยก็มี โอกาสพลิกล็อค และอยู่รอด เขาบอกว่า “เราไม่สนับสนุนแนวคิดเล่นสนาม กลาง เพราะมันไม่ถูกต้องตามหลักการของฟุตบอลลีก เราอยากแข่งให้จบ แต่ด้วยหนทางที่ปลอดภัย เราจะพยายามต่อสู้กับเพื่อนๆในลีกและพรีเมียร์ ลีก เพื่อหาหนทางดีที่สุด”
คาร์เร็น เบรดี้ เจ้าของนโยบาย Void and null เขียนในคอลัมน์ส่วนตัว หนังสือพิมพ์ the Sun ว่า เวสต์ แฮมพร้อมสนับสนุนการแข่งขันให้จบ ก็ต่อ เมื่อมีมาตรการที่ยุติธรรมและคงไว้ซึ่งหลักการที่ถูกต้องของลีกเท่านั้น เจฟฟ์ มอสตินประธานบอร์นมัธ ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการเล่นในสนามกลาง ขณะที่คริสเตียน เพอร์สโลว์ จากแอสตัน วิลล่า มีท่าทีขัดแย้งน้อยที่สุด
ขณะที่มาร์ติน เซ็มเมนส์ CEO ของเซาแธมป์ตัน ไมค์ การ์ลิค ประธาน เบิร์นลีย์ สตีเฟ่น เบ็ตติส CEO เชฟฟิลด์ ยูฯ และสตีฟ พาร์รีส ประธานคริสตัล พาเลซ บอกว่า มันจำเป็นที่จะต้องแข่งให้จบสำหรับฤดูกาลนี้ และการเล่นในสนามกลาง สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างน้อยก็รักษาไว้ซึ่งหลัก การของฟุตบอลที่ตัดสินด้วยผลงานในสนาม
เซ็มเมนส์แห่งเซาแธมป์ตัน พูดกับ BBC ว่า “ผมมีหน้าที่รับผิดชอบ เราจะมา เล่นกันใน 1 วัน หรือปล่อยให้สโมสรผมมีปัญหา สโมสรต้องอยู่ได้ เช่นเดียวกับการดูแลชุมชน เซาแธมป์ตันมีภาระรับผิดชอบต่อห่วงโซ่ฟุตบอล ทีมพรีเมียร์ ลีกต้องช่วยทีมในท้องถิ่น ซึ่งเราอยากทำ แต่ถ้าเราไม่กลับมาเล่น เราไม่มีเงิน เซาแธมป์ตันคงช่วยใครไม่ได้”
แฟรงค์ แลมพาร์ด ผจก เชลซี ให้ความเห็นว่า การตรวจไวรัสสำหรับทีม ฟุตบอลต้องไม่กระทบต่อเจ้าหน้าที่ของ NHS ที่เป็นด่านแรกของการต่อสู้กับไวรัส เขาเหล่านั้นต้องปลอดภัย ขณะที่ชุดตรวจไม่พอ แต่มีการตรวจทีม ฟุตบอล และผู้เกี่ยวข้องกับทีวี แต่แพทย์และพยาบาล ที่ต้องเจอเชื้อโรค โดยตรงไม่มีโอกาสตรวจ
ณ มุมหนึ่ง ฟุตบอลรอได้ไหม ให้ทุกอย่างสงบแล้วค่อยพิจารณาว่า จะ กำหนดอนาคตอย่างไร เอาล่ะ บทสรุป ณ ตอนนี้ พรีเมียร์ ลีก 2019/20 ต้องแข่งให้จบก็รักษาไว้ เมื่อทุกอย่างปลอดโปร่งและปลอดภัย ค่อยมาคุยกัน แล้วถ้ากระทบฤดูกาล 2020/21 อย่างไร ก็ค่อยแก้ปัญหาไป
แต่ถ้าจะเล่นกันตามกำหนด มันก็ต้องมีคนเจ็บบ้าง ไม่มีใครได้ไปทุกอย่าง อยู่ที่จะเลือกยังไงเท่านั้น เพราะตอนนี้ไม่มีใครหนีพ้นความสูญเสียทาง เศรษฐกิจ ขึ้นอยู่กับเอาตัวรอดอย่างไร
กิตติกร อุดมผล
โฆษณา