Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กระเป๋าเดินทางของแอร์โฮสเตส
•
ติดตาม
3 พ.ค. 2020 เวลา 08:25 • ไลฟ์สไตล์
อนุบาลแอร์โฮสเตส (3: คอร์สเรียนก่อนเริ่มบินกับน้ำตาตอนเทรน)
คอร์สที่สอง การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เมื่อสอบผ่านวิชาเครื่องบินศาสตร์ ก็ถึงเวลาเรียนเรื่องยากอีกเรื่องหนึ่ง การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ความจริงแล้วการปฐมพยาบาลก็ไม่ยากอะไรหรอก แต่ที่ยากก็คือคำศัพท์ทางการแพทย์รวมทั้งชื่ออุปกรณ์ที่ถ้าไม่ใช่เจ้าของภาษาก็ต้องนั่งท่องเป็นการใหญ่เหมือนกัน คราวนี้เปลี่ยนคอร์ส จึงเปลี่ยนเทรนเนอร์ แต่ถึงแม้เทรนเนอร์จะไม่ใช่พี่แซสซี่แล้ว แต่เจ้านายก็ดูจะไม่กังวลเสียเท่าไร คงเพราะเธอสนิทกับเพื่อนๆ ในกลุ่มเป็นอย่างดีแล้วนั่นเอง
อาทิตย์นี้ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้จะเห็นมีเครียดบ้างตรงคำศัพท์ทางการแพทย์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่อย่างน้อยก็ไม่ร้องไห้สติแตกแบบสอบครั้งแรกอีก
คอร์สที่สาม คอร์สสุดท้าย การบริการบนเครื่อง
ดูเหมือนจะเป็นวิชาที่ง่ายที่สุดแต่ก็กลับทำให้เจ้านายเครียดที่สุดด้วย ไม่รู้ว่าเป็นข่าวร้ายหรือดี กลุ่มเรียนของเจ้านายถูกแบ่ง เพื่อนๆ ทุกคนต้องกระจายไปอยู่กับกลุ่มอื่น แต่ก็โชคดีที่กลุ่มใหม่ที่เจ้านายไปอยู่ก็คือ กลุ่มเด็กโข่ง อันคุ้นเคย
กลุ่มเด็กโข่งในที่นี้คือกลุ่มเด็กเรียนที่มารวมตัวกันเฉพาะกิจอยู่สม่ำเสมอ และมักจะมีวีรกรรมอะไรขำๆ เมื่อสมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เด็กโข่งเหล่านี้มักจะพยายามรวมตัวกันเวลาทานข้าว ช่วงแรกที่ยังไม่มีการแบ่งกลุ่ม สมาชิกทุกคนของกลุ่มนี้มักจะคุยหยอกล้อกันจนเป็นภาพชินตา แต่ภายหลังได้มีสมาชิกท่านหนึ่งของกลุ่มถูกแยกออกไปอยู่กลุ่มเรียนกลุ่มใหม่ตามที่ทางบริษัทได้จัดไว้ จึงทำให้กลุ่มนี้ขาดความเป็นสมาชิกภาพไป เอาเป็นว่าฉันขอแนะนำสมาชิกกลุ่มดังนี้
คนแรก เมดี้ เพื่อนชาวฝรั่งเศสที่สนใจภาษาไทยและชอบประเทศไทยเป็นพิเศษ ตานี่ก็มีอะไรเด็กๆไม่แพ้เจ้านายเราเหมือนกัน
อีกคนหนึ่งเพื่อนชาวไทยด้วยกัน สาวจอย ที่มีอารมณ์ขันเป็นพิเศษ จอยทำได้ทุกหน้ายกเว้นหน้าปกติ ฉันขอเรียกเธอว่า จอยพันหน้า
คนที่สาม เคธี่ สาวแคเนเดียนเชื้อสายเกาหลี ที่ยอมรับว่าโหดมันฮาจริงๆ หล่อนมักจะขี้ลืมเป็นที่สุด ที่หนักสุดเห็นจะเป็นลืม.... (ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลังแล้วกัน)
คนสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นเจ้านายของฉันเอง แม้เธอจะโดนแยกกลุ่มออกไปตามรายชื่อที่ทางสายการบินจัดให้โดยไม่ได้ถามความสมัครใจ แต่เมื่อมีเวลาว่างสี่คนนี้ก็ยังมารวมตัวกันเสมอราวกับมีแม่เหล็กดูดพวกเขาทั้งสี่ไว้ด้วยกัน วันแรกที่เจ้านายโดนแยกกลุ่ม เมดี้น้อยของเราก็ถามจอยพันหน้าว่า
“Where is Guan-Teen?” เมดี้ร้องหาเจ้านาย
Guan-Teen เปรียบเสมือนชื่อเล่นที่เมดี้ตั้งให้เจ้านายเราโดยไม่ตั้งใจ ความจริงแล้วเจ้านายเพียงแต่หลุดพูดคำนี้ ติต่างเป็นคำชื่นชมความ.....ของเมดี้น้อย พอรู้ความหมายเท่านั้นล่ะ เมดี้น้อยจัดแจงมอบชื่อนี้ให้เป็นเกียรติแก่เจ้านายทันที เจ้านายเองก็คงไม่ได้เต็มใจรับเสียเท่าไรนัก
อีกวีรกรรมหนึ่งที่ไม่นึกว่า จอยพันหน้า จะทำกับเจ้านายได้ลงก็คือ การเอาวิดีโอที่อัดกันเล่นๆไปเปิดให้เพื่อนๆ ในกลุ่มอื่นดู ในวิดีโอนั้นพวกเธอคงแค่ตั้งใจถ่ายกันเล่นๆ เท่านั้นจริงๆ แต่เมื่อแพร่ภาพออกไปแล้วก็เล่นทำให้ภาพพจน์เจ้านายเราบิดเบือนไปไม่ใช่น้อย
ในวิดีโอ มิใช่ภาพเซ็กซี่หรือนุ่งน้อยห่มน้อยแต่อย่างใด แต่เป็น......
วิดีโอออกกำลังกายที่เจ้านายเกล้าแกละแต่งตัวเป็นโฟร์มด คู่หูดูโอ้กับจอยพันหน้าร้องเพลง “หนูมาลี”
วันรุ่งขึ้นเธอกลายเป็นคนดังโดยไม่รู้ตัว แม้เพื่อนๆ จะร้องเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าไม่ว่าเธอเดินไปไหนก็จะมีเสียงคนร้องว่า “เหมียว เหมียว” แล้วก็เต้นล้อเธอไปด้วยตามทาง NIHON เล่าไปก็ขำไป เห็นบอกว่าเล่นเอาเจ้านายยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ แต่อยากจะบอกว่า “สมน้ำหน้า” (คิกๆ)
และสุดท้าย วีรกรรมเจ้าแม่เคธี่ของเรา มันขำก็ตรงที่นิสัยป้ำๆ เป๋อๆ ของหล่อนนั่นแหละ ที่วันหนึ่งเธอลืมใส่เสื้อในมาเรียนเฉยเลย เธออ้างว่าเธอง่วงมากจนตื่นสายจึงทำให้ลืมใส่ชิ้นส่วนชิ้นสำคัญไป แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกนะ เพราะเธอมันสาวไร้มิติ (นี่ฉันกลายเป็นกระเป๋าปากร้ายไปแล้วเหรอเนี่ย)
สี่คนนี้อยู่ด้วยกันแล้ว เหมือนเด็กโข่งในโรงเรียนประถมยังไงก็ไม่รู้ ฉันและ NIHON เห็นตรงกัน ณ จุดนี้
แต่ถึงแม้จะรวมตัวกัน เคธี่และเมดี้กลับเล่นน้อยลง ส่วยจอยกลับกลายเป็นคู่หูตัวติดกันกับเจ้านายไปแทน อย่างไรก็ตามทั้งสี่คนนี้ก็ยังช่วยกันเรียนช่วยกันเล่นเหมือนเดิม
เทรนเนอร์ของคอร์สบริการบนเครื่องบินนี้ทำเอาหลายๆ คนเครียดเหมือนกัน คนแรกคือเทรนเนอร์รุ่นใหญ่ชาวมาเลย์ แม้จะดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่จริงๆ แล้วเธอก็มีระเบียบเป๊ะๆ ของเธอเช่นกัน ส่วนอีกคน เป็นผู้ชายสายตาคมจากเมืองผู้ดีอังกฤษ ที่เนี้ยบเสียยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก ทั้งสองนี้เรียกได้ว่าเป็นคู่เนี้ยบเฮี้ยบดุประจำโรงเรียนเลยคู่หนึ่ง
สิ่งที่ทำให้เจ้านายเครียดจนน้ำตาร่วงอีกทีก็คือ แรงกดดันจากตัวเองที่คิดว่าเธอมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ทั้งที่จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแนบท้ายมาด้วยเกียรตินิยม แต่สิ่งที่ได้มานั้นกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือน กบในกะลา
และในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดช่วงหนึ่ง สองคนที่คนเรามักจะไม่นึกถึงเวลามีความสุขก็จะเข้ามาปลอบประโลมเมื่อเรามีความทุกข์ “พ่อและแม่”
“จงสู้อย่างนักกีฬา ทำให้เต็มที่ แต่ถ้าแพ้ก็อย่าเสียใจ เพราะเราทำเต็มที่แล้ว”
จาก พ่อ April 23
หลังจากอ่านข้อความ เธอก็นั่งร้องไห้บนเตียงนอนอยู่สักพัก แล้วจึงหันมาตั้งใจอ่านหนังสือต่อ พูดตามตรงนะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังมองคนคนหนึ่งกำลังเติบโตไปอีกขั้น ฉันเข้าใจนะ เจ้านายไม่เคยต้องอยู่ไกลบ้าน ความเหงา ความคิดถึง ความท้อ มันมารุมเร้าเธอ และด้วยความที่เธอก็ไม่มีภูมิต้านทาน เธอจึงล้มได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันเห็นในตัวเธอก็คือ ความมุ่งมั่นและเป้าหมาย แม้จะอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่ก็รู้ใจว่าเธอเป็นคนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้จะขี้บ่นไปหน่อย ท้อง่ายไปนิด แต่เธอคงไม่มีวันหนีกลับบ้านแน่นอน
เจ้านายจ๋า ฉันอยากบอกเธอ ตอนนี้เธอกำลังเรียนเพื่อรับปริญญาอีกใบ ปริญญาใบนี้เธอเรียนจากหนังสือไม่ได้ เธอท่องไม่ได้ และไม่มีใครสอนเธอได้ แต่เธอต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง นั่นคือเธอกำลังเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่
ฉันเชื่อว่าเธอทำได้
แล้วเธอก็ทำได้ เจ้านายสอบผ่านครบทุกคอร์ส
วันรับประกาศนียบัตร แม้จะไม่มีพ่อแม่มาเป็นกำลังใจ แต่ทั้งฉันและ NIHON ภูมิใจในตัวเธอมากนะจ๊ะ
เหลืออีกไม่กี่อาทิตย์ จะเป็นเวลาที่เธอจะได้ขึ้นบินในฐานะ ผู้ช่วยลูกเรือ
และแล้ว ไฟล์ททดลองบิน ก็มาถึง....
บันทึก
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย