3 พ.ค. 2020 เวลา 09:23 • ท่องเที่ยว
ไฟล์ทแรกของเจ้านาย กรุงเทพฯ
และแล้วการทำงานวันแรกของกระเป๋าอย่างฉันก็เริ่มต้นขึ้น ฉันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
เธอพับเสื้อผ้าใส่ตัวฉันอย่างดี แล้วเขียนป้ายติดกระเป๋า ว่าไป BKK เมื่อไปถึงที่ตึกของสายการบิน ฉันเจอผองเพื่อนกระเป๋าดำมากมาย แต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไรมาก มีทั้งรุ่นพี่และเพื่อนๆ ต่างใบไปต่างที่ บางใบยิ้มแย้มมาเชียวเพราะได้ไปยุโรป แต่บางใบก็หน้ามุ่ยมาเพราะไปกรุงโจฮานเนสเบิร์ก เขาว่าที่นั่นโยนกระเป๋ากันบาดเจ็บมานักต่อนัก ส่วนฉันได้ไปบ้านเกิดเจ้านาย ดีใจจังเลยที่จะได้ไปเจอครอบครัวของเจ้านาย แต่ก็รู้ตัวว่าขากลับต้องแบกภาระหนักแน่ๆ แล้วก็คาดไม่ผิด
...............ไฟล์ทแรก กรุงเทพฯ...............
ตอนที่มาถึงกรุงเทพฯ เธอดูเบิกบานเป็นพิเศษ ไม่เหมือนตอนอยู่บนเครื่อง หน้าตาเธอดูเกร็งๆ กลัวๆ คงเพราะรู้สึกประหม่ากับการปฎิบัติงานในฐานะลูกเรือเต็มตัวครั้งแรก โชคดีที่หัวหน้าลูกเรือเป็นคนไทย และรุ่นพี่ใน Business Class ก็เป็นคนไทย เธอเลยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่เพียงสองคนนี้เท่านั้น แอร์คนอื่นๆ ทั้งจีน ฝรั่ง แขก พอรู้ว่าบินไฟล์ทแรกก็ช่วยแนะนำเธอไปทุกอย่าง เธอยิ้มแป้นเลยทีเดียว แม้ลึกๆ แล้วจะรู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง
เมื่อถึงเมืองไทย เธอลากฉันตามเพื่อนๆ แอร์ไป ทั้งเธอและฉันก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แอร์ก็ใหม่ กระเป๋าก็ใหม่ หน้าที่ของเธอจบไปแล้วเมื่อเครื่องจอด แต่หน้าที่ของฉันยังไม่จบจนกว่าเธอจะถึงบ้าน
คนขับรถจับฉันยัดใส่ใต้รถ ในนั้นร้อนและอึดอัด ฉันต้องอยู่ในที่แคบๆ กับเพื่อนๆ กระเป๋าใบอื่น บางใบก็หนักแสนหนักแถมมานอนทับตัวฉันอีก ถึงจะไม่ชอบแต่มันก็เป็นหน้าที่
เมื่อรถถึงโรงแรม เจ้านายชะเง้อมองหาใครก็ไม่รู้ พอเจอก็โบกไม้โบกมือยิ้มยกใหญ่ แล้วเธอก็รีบวิ่งมาดึงฉันไปหา “พ่อของเธอ”
เธอลาเพื่อนๆ แอร์ พร้อมนัดหมายเวลาพรุ่งนี้ที่จะต้องกลับอาหรับ เวลาแห่งความสุขของเธอช่างน้อยเหลือเกิน แต่เธอก็ยังดีใจที่อย่างน้อยยังได้กลับบ้าน อย่ารอช้าเลย เธอรีบลากฉันตามพ่อไปขึ้นรถ
เมื่อถึงบ้าน ประตูบ้านก็เลื่อนเปิดรอรับเธออยู่แล้ว เธอรีบลงจากรถวิ่งไปหาคนที่เปิดประตูบ้านรอรับเธออยู่ เธอเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า “แม่” ฉันแอบสังเกตเห็นว่า แม่ของเธอตาแดงๆ เธอเองก็เช่นกัน
หลังจากนั้น เธอก็วิ่งไปหาหญิงชราอีกคนที่เธอเรียกว่า “ยาย” เธอยกมือไหว้ยาย แล้วก็กอดและหอมแก้มยายยกใหญ่ ยายเองก็กอดเธอแน่น ฉันจำได้ว่าเธอเคยบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นห่วงยาย กลัวยายไม่สบายแล้วจะไม่มีคนพาไปหาหมอ วันนี้เพิ่งได้เจอตัวจริงของยาย บอกได้คำเดียวว่า คุณยายยังแข็งแรงอยู่ สบายมาก
เจ้าหมาสองตัว “เจและเอบี” เห่าลั่นแสดงความดีใจที่ได้เจอเจ้านายของมันอีกครั้ง เอบีเจ้าหมาพุดเดิ้ลทอยตัวน้อยกระโดดตัวลอย ส่วนเจ้าเจ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวอ้วนก็รีบไปคาบลูกเทนนิสมาวางให้เธอโยนเหมือนทุกครั้งที่เคย ทำ เธอทักทายเจ้าสองตัวสักครู่ก่อนหิ้วฉันและ NIHON เข้าบ้านไป
เมื่อเข้าไปในบ้าน ทั้งเธอและฉันต่างตกใจกับรูปภาพที่พ่อของเธอปริ๊นท์แล้วเอามาใส่กรอบรูปนับสิบ ทุกรูปล้วนแล้วแต่เป็นรูปเธอทั้งสิ้น พ่อพูดว่าช่วงที่เธอไม่อยู่ พ่อคิดถึงเธอมาก ทุกค่ำจะไปนั่งรอโทรศัพท์จากเธอที่ตรงศาลากลางสวน ทุกเย็นเมื่อกลับมาบ้าน ไม่มีลูกสาวอยู่ด้วยเหมือนก่อน กินข้าวกับแม่สองคนเงียบๆ เหงาๆ ได้ฟังแล้ว แม้ฉันจะเป็นเพียงกระเป๋าแต่ก็เข้าใจความรู้สึกเป็นห่วงของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีลูกสาวคนเดียวได้อย่างดี
คืนนี้เธอได้กินแกงส้มผักกระเฉดของโปรดสมใจ พ่อแม่และยายนั่งมองเธอกินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมชื่นชมลูกสาวในเครื่องแบบแอร์อาหรับว่าสวยน่ารัก เธอเองก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ช่วงเทรนอย่างสนุกสนาน เรื่องเพื่อนๆ เรื่องเมืองอาหรับ เรื่องชีวิตทั่วๆ ไปที่นั่น
วันรุ่งขึ้นมีคนแปลกหน้าอีกสองคน เธอเรียกพวกเขาว่า “ป้ากับลุง” พวกเขาขับรถมาไกลเพื่อมาเจอเธอและเยี่ยมยาย เธอเปิดคอมพิวเตอร์โชว์รูปที่ถ่ายช่วงเทรนให้ทุกคนดู พุดคุยกันได้สักพักใหญ่ ป้ากับลุงก็เป็นอันต้องกลับเพราะบ้านอยู่ไกลกันกว่าหกสิบกิโล
แต่ความสุขก็ดูเหมือนจะสั้นเหลือเกิน เพียงแค่ข้ามคืนก็ถึงวันที่เธอต้องจากครอบครัวแสนรักกลับไปทำงานแดนไกลอีกครั้ง ยามเย็นย่องเข้ามา แสงอาทิตย์ดูอ่อนแรง และเมื่อตะวันลับขอบฟ้าก็เป็นเวลาที่เธอและฉันต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ เวลาของครอบครัวที่ราวกับอยู่บนสวรรค์หมดลงแล้วสำหรับเธอ อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง โลกแห่งความเป็นจริงจะกลับมาหาพวกเราอีกครั้ง
เธอรีบจัดกระเป๋า พ่อของเธอก็มาช่วยอีกแรง พูดตรงๆ นะ ตอนขามามันไม่ค่อยมีของอะไร ฉันสบายตัวมากเลย แต่ขากลับก็เดาไว้แล้วล่ะ เธอทำให้ฉันดูเหมือนปลากระป๋องยังไงไม่รู้ ส่วนฉันเองรู้สึกเหมือนท้องอืดยังไงยังงั้น เธอแบกทั้งกระทะ ครก อีโต้ มีด ข้าวสาร ตัวฉันหนักอึ้ง แต่ยังไงฉันก็จะทำหน้าที่กระเป๋าลูกเรือให้ดีที่สุด สู้!
ก่อนออกจากบ้าน เธอบอกลาทุกคนรวมทั้งเจ้าหมาสองตัวที่เธอรัก ยายของเธอหน้าเศร้า ส่วนแม่ของเธอแม้จะบอกลูกสาวให้เข้มแข็งอย่าร้องไห้ แต่ตาของแม่เริ่มแดงแล้วก็มีน้ำตาคลอ เธอรีบยกฉันและ NIHON ใส่หลังรถแล้วขึ้นรถตามทันที คงเพราะกลัวจะหลุดร้องไห้ให้ทุกคนเห็นเป็นแน่ เมื่อพ่อขับรถออกจากบ้าน ระหว่างนั้นฉันแอบเห็นเธอมองกระจกข้าง และสิ่งที่ทั้งเธอและฉันเห็นก็คือยายและแม่มองรถที่เธอนั่งจนพ้นรั้วบ้านไป แล้วก็ก้มหน้าเดินกลับเข้าบ้านอย่างเศร้าสร้อย ต่อจากนี้ไปไม่รู้อีกเมื่อไรจะได้เจอกันอีก ฉันเองก็แอบเห็นว่าสีหน้าของเจ้านายนั้นก็เศร้าไม่แพ้ยายและแม่เช่นกัน
หลังจากการร่ำลาแม่และยายที่บ้านแล้ว ก็ยังมีอีกบททดสอบทางใจสุดท้ายให้เจ้านายได้เผชิญ นั่นก็คือการร่ำลาพ่อ เพราะหลังจากนี้แล้ว เธอจะต้องกลับไปอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้งเช่นเคย
หากฉันพูดได้ ฉันจะบอกเจ้านายว่า “อย่างน้อย เธอยังมีฉันนะ อย่าเศร้าใจไปเลย”
(ขากลับเมื่อถึงอาหรับแล้ว คนขับรถที่มายกฉันลงให้เจ้านายถึงกับบ่นว่า ทำไมฉันหนักแบบนี้ เจ้านายได้แต่ยิ้มๆ)
เห็นฉันไหมว่าใบไหน
โฆษณา