4 พ.ค. 2020 เวลา 01:35 • บันเทิง
รู้หรือไม่? สัญลักษณ์ดาวห้าแฉก
ดาวห้าแฉกเป็นสัญลักษณ์ที่มีมาแต่ประมาณ ๓,๕๐๐ ปีก่อนคริสตศักราช คือค้นพบสัญลักษณ์นี้ในอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ซึ่งในสมัยนั้นใช้แทนตัวตนของโลก และพบต่อมาในบาลิโลนและกรีกโบราณ โดยเดิมใช้แทนดวงดาวทั้งห้า แต่ต่อมาใช้แทนดาวศุกร์ (ที่ได้ชื่อว่า Morning Star แต่ในบางแห่งที่เห็นดาวศุกร์ชัดในช่วงหัวค่ำ จะเรียกว่า Evening Star) ต่อมามันแทนความหมายของ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ และความคิด หลังจากนั้น มันก็กลายไปเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติมาโดยตลอด.
https://2.bp.blogspot.com/
ต่อมาดาวห้าแฉกนี้ก็หมายรวมไปถึงตัว ลูซิเฟอร์ (Lucifer) ด้วยเช่นกัน เพราะในสมัยกรีก มีการเรียกชื่อ Morning Star ว่า ลูซิเฟอร์ (จริงๆ กรีกจะเรียกว่า Hesperus หรือ Evening Star) และในตำนานทางคริสต์ศาสนา ลูซิเฟอร์ คือบุตรแห่งแสงสว่าง ก่อนที่จะตกสวรรค์มาครองนรก
อย่างไรก็ตาม ใน คัมภีร์ไบเบิ้ล พระคัมภีร์เก่า (Old Testament) ไม่ได้มีการระบุไว้ว่าลูซิเฟอร์ คือซาตาน ส่วนในพระคัมภีร์ใหม่ (New Testament) มีการระบุถึง Morning Star บ้าง แต่เพิ่งมีระบุถึงชื่อ ลูซิเฟอร์ชัดๆ ใน ไบเบิ้ล ฉบับคิง เจมส์ (King James) และหลังจากที่มหากวี จอห์น มิลตัน (John Milton) ประพันธ์ Paradise Lost แสดงออกถึงความเชื่อที่ว่าลูซิเฟอร์คือซาตาน
ในสมัยอารยธรรมกรีก ดาวห้าแฉกจะมีชื่อเรียกว่า Pentalpha โดยใช้ตัวอักษรกรีกแทนตำแหน่งแต่ละแฉก เป็นตัวแทนของการคุ้มครองปกป้องรักษา ต่อมาทางเฮ็บรู ก็นำไปใช้โดยใช้เป็นสัญลักษณ์แทนคัมภีร์ ๕ เล่มแรกของพระคัมภีร์เก่า (Old Testament) นอกจากนี้ยังมีการโยงไปถึงแหวนแห่งโซโลมอน (Seal of Solomon – เป็นแหวนศักดิ์สิทธ์ขอกษัตริย์โซโลมอนในตำนาน ซึ่งทรงอานุภาพมาก ถ้านึกไม่ออกว่าแหวนของโซโลมอนนี้มีคุณค่าอย่างไร ก็นึกถึงแหวนใน Lord of the Ring ก็ได้) ว่าอาจจะเป็นสิ่งเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเชื่อว่าสัญลักษณ์ที่แหวนแห่งโซโลมอนน่าจะเป็นเป็นดาวแห่งเดวิด ซึ่งเป็นหกแฉกมากกว่า
ดาวห้าแฉกมีพัฒนาการและการออกแบบที่แตกต่างกันไป แต่ที่ถือว่าสำคัญและเป็นที่แพร่หลายเป็นดาวห้าแฉกจากการออกแบบของ อิลิแฟส เลวี่ (Éliphas Lévi) ผู้นำสูงสุด Church of Satan ในฝรั่งเศสซึ่งใช้แทนความหมายของ "ชีวิต" คือธาตุทั้งสี่ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และจิตวิญญาณ สังเกตได้ว่า ในการออกแบบนี้จะเป็นดาวห้าแฉกที่ตั้งขึ้น ไม่ใช่ดาวห้าแฉกกลับหัว และในตัวของดาวห้าแฉกนี้ก็ไม่ได้มีความหมายเกี่ยวกับซาตาน หากแต่เป็นความหมายของมนุษย์ เลวี่ได้รับแนวคิดนี้มาจากปรัชญาเมธีกรีก เอ็มเพคโดคลิส (Empedocles) อีกที
5
ต่อมาทางคริสต์ศาสนา ใช้ดาวห้าแฉกเป็นตัวแทนของพระเยซู คือแต่ละแฉกแทนบาดแผลทั้งห้าแห่งบนร่างกายพระเยซูเมื่อโดนตรึงบนไม้กางเขน และเมื่อทางคริสต์ใช้เป็นตัวแทนของพระเยซู ฝ่ายมารนอกรีตเลยจัดการนำดาวห้าแฉกมากลับหัวทิ่มลง เหมือนกับที่จับไม้กางเขนกลับหัว และใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของพลังด้านมืด
นั่นก็คือที่มาของดาวห้าแฉกกลับหัว
สัญลักษณ์นี้เรียกว่าตราประทับแห่งบาโฟเมต หรือ Sigil of Baphomet (Sigil ก็คือ Seal หรือ ดวงตราสัญลักษณ์)
พื้นฐานของสัญลักษณ์นี้ มาจากสองสิ่งด้วยกันคือ ดาวห้าแฉก กับ หัวแพะของปิศาจที่ชื่อ บาโฟเมต
https://www.pinterest.com/
สัญลักษณ์ “ตราประทับแห่งบาโฟเมต” นี้ปรากฏตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก (เท่าที่ค้นพบ) ในหนังสือ La Clef de la Magie Noire เขียนโดย สเตนิสเลส เดอ กูไอทา (Stanislas de Guaita) ในปี ค.ศ. ๑๘๙๗
สเตนิสเลส เดอ กูไอทา กวีฝรั่งเศส (แน่นอน เป็นพวกนิยมเวทมนต์และศาสตร์เร้นลับ) เขา และ โจเซฟีน เพลาแดน (Joséphin Péladan) ได้ร่วมกันรื้อฟื้นสมาคม Rosicrucian Order (หรือ Rosicrucian Brotherhood ) ขึ้นมาอีกครั้ง ในปีค.ศ. ๑๘๘๘
ใช้คำว่ารื้อฟื้น เพราะสมาคมนี้มีมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว ไม่แน่ใจว่าเกิดมาในช่วงไหน แต่มีการเผยแพร่หนังสือที่บ่งบอกแนวความคิดและปรัชญาของตัวเองในปีค.ศ. ๑๖๑๔ เป็นต้นมา สมาคมนี้เป็นสมาคมลับเกี่ยวกับเรื่องนอกรีต แต่ว่าหลังจากรุ่งโรจน์และสร้างความหวาดหวั่นให้ผู้คนได้ระยะหนึ่ง ก็ค่อยๆ เลือนหายไปเนื่องจากในยุคก่อตั้งเริ่มแรกได้จำกัดจำนวนสมาชิกเอาไว้เพียงไม่กี่คน อีกทั้งมีการคัดเลือกคนเข้ามาเป็นสมาชิกที่เข้างวดมาก
การรื้อฟื้น Rosicrucian Order ของ เดอ กูไอทา และ เพลาแดน ไม่ได้รับความเชื่อถือเท่ากับสมัยอดีต แต่อย่างไรก็ดี ในปี ๑๘๙๗ เดอ กูไอทา ได้เขียน La Clef de la Magie Noire ซึ่งภายในมีรูปดาวห้าแฉกกลับหัวโดยมีหัวแพะอยู่ภายใน และเรียกสัญลักษณ์นี้ว่า ตราประทับแห่งบาโฟเมต ซึ่งต่อมาทาง Church of Satan ในฝรั่งเศสริเริ่มนำเอาสัญลักษณ์นี้ไปใช้ประกอบในพิธีกรรม และต่อมามันก็แพร่หลายไปยัง Church of Satan แห่งอื่นๆในยุโรป
และหลังจากนั้น ภาพนี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของลัทธินอกรีตที่นำมาใช้จนเห็นชินตา
องค์ประกอบของสำคัญนอกจากหัวแพะของปิศาจบาโฟเมต และดาวห้าแฉกกลับหัวแล้ว ยังมีตัวอักษรฮิบรู ที่ประทับอยู่ตรงส่วนแฉกของดาว ตัวอักษรนี้เริ่มต้นที่ตรงส่วนต่ำสุดของดาว และสะกดทวนเข็มนาฬิกา ก็จะได้คำที่หมายถึง เลไวอาธาน (Leviathan) สัตว์ประหลาดในทะเลตามตำนานความเชื่อของลัทธิยูดาอิก (Judaic) ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ Old Testament (Psalm 74:13-14; Job 41; Isaiah 27:1))
ตัว เลไวอาธาน นี้ ในความเชื่อถือยูดา และ คริสเตียนโบราณ จะถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับซาตาน
แอนตัน ลาร์วีได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและจดลิขสิทธิ์ตราประทับบาโฟเมตเป็นสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของคริสตจักรซาตาน (ของแอนตัน) โดยบรรยายว่าตราประทับบาโฟเมตเป็นการตกตะกอนทางความคิดไตร่ตรองรวมปรัชญาซาตานทั้งหลายไว้ในภาพเดียว
และด้วยเหตุผลนั้น รวมทั้งเหล่านักดนตรีเมทัลและแบล็กเมทัลนำตราประทับบาโฟเมตไปใช้จนเกร่อ รวมถึงการแพร่หลายอย่างไม่ถูกที่ถูกทาง ทำให้ในปัจจุบันนี้โบสถ์แห่งซาตานหลายแห่งเลิกใช้สัญลักษณ์นี้ในพิธีกรรม
แหล่งที่มา:http://charmingstrange.blogspot.com/
โฆษณา