Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Daily News
•
ติดตาม
3 พ.ค. 2020 เวลา 14:41 • ความคิดเห็น
แค่ทักก็โดนตาม
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเพื่อนผู้ชายเยอะพอสมควร
แต่การที่คบเพื่อนผู้ชาย ไม่ได้หมายความว่าจะแรดนะ แต่แค่คิดว่า
เพื่อนผู้ชายมันจริงใจกว่าเพื่อนผู้หญิงบางคนหน่ะ มีอยู่วันนึงเราและเพื่อนๆอีกประมาณ4คน
ก็ไปนั่งกินหมูกระทะกันที่บ้านเพื่อนคนนึง ตอนนั้นเป็นตอนเย็นวันศุกร์
พวกเราก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆ และแน่นอนการกินในครั้งนั้น ไม่ได้มีการกินแค่หมูย่างแน่ๆ
มันต้องมีกินเหล้า เบียร์ ตามประสาวัยรุ่น พวกเราก็กินกันไปได้สักพักหนึ่ง
แต่พวกเราก็สังเกตุได้ว่าเพื่อนเราคนนึง ขอใช้ชื่อย่อว่า น. ไม่กินเหล้าหรืออะไรก็ตาม
ที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์หรือยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเลย พวกเราก็เลยถามว่า
“เห้ย ทำไมไม่กินเหล้าอะ” น.ก็ตอบว่าไม่กินอะ ไม่อยากกิน พวกเราก็ไม่ได้สนใจอะไร
ก็กินกันต่อ กินกันไปอีกสักพัก เราก็แบบเออเป็นคนขี้สงสัยก็อยากจะรู้จริงๆ
ว่าทำไมมันไม่ยอมกินของพวกนี้ เราก็เลยไปถาม น. อีก คราวนี้เหมือน
น.คงจะรำคาญแหละมั้ง เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนในวงนั้นฟังว่า
เมื่อก่อน ก่อนที่ น. จะย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ น.อยู่ภาคใต้มาก่อน และตอนนั้น
น.ก็เหมือนกินเหล้า สูบบุหรี่ ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่ดีที่เด็กไม่ควรทำ
เกี่ยวกับอบายมุขทั้งหลาย มีอยู่วันนึง แม่ของ น. จับได้ว่า น. มีพฤติกรรมไม่ดีแบบนี้
เลยบอกกับ น.ว่า ปีหน้าก็จะต้องไปอยู่กรุงเทพฯแล้ว ถ้าทำตัวแบบนี้แล้วไปอยู่กรุงเทพฯ
คงจะเป็นหนักกว่านี้แน่เลย แม่ของ น. จัดการกับ น.ขั้นเด็ดขาด
โดยการที่เอา น.เหมือนพาไปทำพิธีในแบบของเค้าคือ เอา น.ไปฝากกับผีตายโหง
แล้วก็บอกว่า ถ้าต่อไปนี้ น.ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อีก
ให้ผีตายโหงเอาตัวไปได้เลย ตั้งแต่นั้น น.ก็เลยไม่ยุ่งเกี่ยวอีกเลย
พอ น.เล่าจบ เราก็สองจิตสองใจว่าจะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี ไอเราก็ปากพล่อย
พูดขึ้นไปเลยว่า “ผีตายโหงหรอ มีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” พอเราพูดจบเท่านั้นแหละ
ก็มีเหมือนใครเอาอะไรเขวี่ยงเข้ามาโดนกระจกหน้าต่างของบ้าน แต่บอกก่อนนะคะว่า
บ้านที่เราไปนั่งกินกัน จะมีหมาที่เลี้ยงไว้อยู่หลายตัว ข้างๆบ้านจะมีเนื้อที่ไว้จอดรถ
และหลังบ้านจะเป็นเหมือนพื้นที่ที่มีหญ้าขึ้นสูง แต่เสียงที่ได้ยิน
มันมาจากทางหน้าต่างหลังบ้าน ซึ่งมันมีโอกาสยากที่จะมีใครหรืออะไรเขวี่ยงมา
แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร ได้แต่นั่งเงียบและก็ทำตัวตามปกติ แต่ในใจนี่คิดแล้วแหละว่า
กูต้องโดนแล้วแน่เลย แต่ทำไงไม่อยากเสียฟอร์มว่าเราเริ่มกลัวเลยเฮฮากันตามปกติ
พวกเราก็กินกันต่อจนเริ่มดึกขึ้น แต่ในหัวสมองเราตอนนั้นยังคิดเรื่องผีอยู่นะคะ
เหตุการณ์บางอย่างมันเหมือนเป็นใจเหลือเกินในวันนั้น อยู่ๆไฟก็ดับ
พวกเราทุกคนมานั่งรวมตัวกัน แล้วมองไปทางหลังบ้าน ทางที่เรามองไปทางหลังบ้าน
จะมีเสาอยู่ต้นหนึ่ง มีเรา เพื่อนเราอีก1คน บอกว่าเห็นเหมือนมีคนยืนอยู่ข้างเสาเลย
คือเราเห็นสองคนพร้อมกันจริงๆ แต่เราไม่ได้ถามคนอื่นว่าเห็นกันมั้ย
การตาฝาดมันเป็นไปได้ถ้าเราเห็นคนเดียว แต่นี่เราเห็นกับเพื่อนเราสองคน
เลยคิดว่าไม่ได้ตาฝาดแน่นอน เรากับเพื่อนอีกสองคนก็เริ่มกลัวและแต่ต้องเงียบๆ
ไม่ให้เตลิดกันหมด สักพักเหมือนมีอะไรดลใจพวกเราทั้ง4คนหันไปทางกำแพงข้างบ้าน
พวกเราเห็นเหมือนกันหมดว่ามีคนเหมือนจะปีนเข้ามาในบ้าน แต่มองยังไงก็ไม่น่าใช่คน
แถวบ้านนี้ไม่มีคนสติไม่ดีนะ และก็เป็นบ้านที่เค้าจะอยู่กันแบบสันโดด ไม่มีใครยุ่งกับใคร
แล้วอีกอย่างเวลานั้นมันก็ดีกแล้วด้วย ตอนนั้นพวกเรากลัวมาก
ก็นั่งจับกลุ่มกันจนกระทั่งไฟมา แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านเลย
เวลาก็ผ่านไปเสาร์-อาทิตย์ สองวันนี้เรารู้สึกเหมือนมีคนมองเราตลอดเวลา
ไม่ว่าจะตอนก่อนนอน กำลังหลับตานอน อาบน้ำ หรือทำไรอยู่ก็ตาม
แต่มันเป็นแค่ความรู้สึก เราก็คิดว่าเราคงยังกลัวอยู่เลยคิดไปเองแล้วแหละ
แต่สิ่งที่สังเกตุว่ามันเริ่มไม่ปกติคือว่า เรากินอะไรก็ตาม เราจะกินเยอะมากกว่าปกติหลายเท่า
ปกติเรากินข้าวนะ เต็มที่เลยสั่งข้าวพิเศษจานเดียวก็อิ่มแล้ว แต่นี่กินพิเศษ2จาน
ยังรู้สึกไม่ตกถึงท้องเลย อยากกินขนมหวานๆตลอดเวลา เป็นอย่างนั้นอยู่สองวัน
พอมาถึงวันจันทร์จะต้องไปโรงเรียน เราก็อาบน้ำตอนเช้าเสร็จก็จะเข้ามาในห้องเพื่อจะแต่งตัว
ห้องเราถ้าเปิดประตูเข้ามาก็จะมีโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ซ้ายมือ เตียงนอนอยู่ขวามือ
ตรงไปอีกหน่อยก็จะเป็นตู้เสื้อผ้า และก็หน้าต่าง เราเป็นคนอ่านหนังสือ
เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับเกี่ยวกับผีนะ เราก็มีหนังสือผีอยู่เล่มนึงวางไว้บนโต๊ะ
บอกทุกคนก่อนนะคะว่า ตอนเราเข้ามาในห้อง เราไม่ได้เปิดพัดลม หรือหน้าต่างแต่อย่างใด
เรากำลังจะแต่งตัวและ อยู่ๆหนังสือผีเล่มนั้นที่วางไว้บนโต๊ะก็เปิดเอง
เราก็เดินไปดูว่ามันเปิดเองได้ไง พอเราเดินไปดูหนังสือมันก็เปิดไว้ที่หน้านึง
หน้านั้นมันมีตัวหนังสือเขียนว่า ผีตายโหง ชัดเจนมาก เราตกใจสุดๆ รวบรวมสติให้ได้มากที่สุด
แต่งตัวไปเรียน และทั้งวันนั้นเราไม่ค่อยมีจิตใจจะเรียนเลย มัวแต่คิดถึงเรื่องเมื่อเช้าอยู่
แต่เราก็ไม่ได้บอกเพื่อนเราอีก3คนที่ไปในวันนั้นนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พอตกเย็นอยู่ๆน้าเราก็โทรมาบอกว่าให้เข้ามาหาปู่หน่อย
ใจเราตอนนั้นคิดและว่ามันต้องมีไรแน่นอน
(ปู่ของเรานี่หมายถึงปู่ฤาษีนะคะ น้าเราเป็นร่างทรงสื่อสารกับปู่ได้) พอเราเข้าไปหาปู่
เราก็เหมือนมีอาการแบบเกร็งๆ ไม่ค่อยอยากมองหน้าปู่สักเท่าไหร่ ปู่พูดกับเราว่า
“เคยสอนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าปากไม่ดีกับสิ่งที่มองไม่เห็น” เราก็นึกขึ้นมาเลย
ว่าต้องเป็นเรื่องที่เราพูดเมื่อวันศุกร์แน่เลย เราทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกปู่ว่า
“หนูขอโทษแต่หนูพูดออกไปแล้ว แล้วจะให้หนูทำยังไงหละคะ” ปู่เราก็เลย
เอาขันน้ำมนต์มาแล้วก็จุดเทียนแล้วก็ทำให้น้ำตาเทียนมันหยดลงในน้ำมนต์
บอกทุกคนนะคะว่าเทียนที่ใช้หยดเป็นเทียนสีขาว แต่น้ำตาเทียนที่หยดลงไปในน้ำ
มันกลายเป็นสีดำหมดเลยค่ะ เราเห็นว่ามันเป็นแบบนั้น เดาได้เลยว่า
มันต้องมีอะไรที่แย่แน่ๆ ปู่หยดเสร็จแกก็นั่งหลับตาทำปากพึมพัมๆอยู่สักพัก
แกก็ลืมตามาบอกเราว่า ตอนนี้มีผีตามเรา เข้าเป็นผีตายโหงนะ แต่ว่าตายท้องกลมด้วย
เค้าบอกว่าเอ็งไม่เชื่อหนิว่าเค้าไม่มีจริง เค้าเลยพยายามทำให้เอ็งรู้ไงว่าเค้ามีจริงๆ
เราก็ถามปู่เลยว่า ปู่รู้หรือเปล่าว่าเค้ามาจากไหน ปู่ก็หลับตาสักพัก
แล้วก็ลืมตามาพูดกับเราว่า มาจากทางใต้ของประเทศ แล้วปู่ก็บอกกับเราว่า
ของเค้าแรงนะ ทำไมเอ็งไม่เคยเชื่อปู่เลย อยู่ๆเราก็เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองคะ
เริ่มเกร็งแล้วก็เหมือนจะมีใครมาบังคับเราให้พูดหรือร้องไห้ประมาณนี่
ตอนนั้นเรายังพอมีสติเราก็เริ่มเถียงกับในใจของเราว่า เห้ยนี่เราเป็นเองหรือเปล่าวะ
หรือมีอะไรมาทำให้เราเป็นแบบนี้ เท่านั้นแหละปู่สั่งให้เรานอนหงายราบกับพื้น
เราตกใจมากเลย คือเราไม่เห็นด้วยตาตัวเองเราไม่เชื่อเลย
อยู่ๆท้องเราก็เริ่มใหญ่ขึ้นมาเอง และก็ปวดท้องมาก เริ่มร้องไห้ เริ่มคุมตัวเองไม่ได้
แต่เราจำเหตุการณ์ได้ทุกอย่าง ปู่หยิบไม้เท้ามากดที่ท้องเรา แล้วก็ท่องคาถาของปู่
เราก็เริ่มร้องหนักขึ้น อยากกรี๊ดอยากร้องระบายออกมา
แต่เรากลัวว่าคนแถวนั้นจะว่าเราบ้า เลยได้แต่กัดฟันแต่เหมือนเราจะทนไม่ไหว
เลยกรี๊ดออกมาจนได้ พอกรี๊ดจบ ท้องเราก็ค่อยๆแฟบลงๆ
เหมือนอาการอะไรหลายๆอย่างเริ่มเบาลง เราก็ลุกขึ้นนั่ง ปู่ก็กลับไปนั่งที่
แล้วทำน้ำมนต์ให้เรากิน เรากินไป ปู่บอกให้ไปเอาถุงดำมาใส่อ้วก
เราก็บอกปู่ว่า “หนูจะอ้วกได้ไงปู่ หนูไม่มีอาการแม้แต่จะคลื่นไส้หรืออยากอ้วกเลย”
แต่เราก็ต้องเดินไปหยิบมาเพราะมันเป็นคำสั่งปู่ เราหยิบถุงดำมาเท่านั้นแหละ
อยู่ๆเราก็อ้วกเลย คือแบบอ้วกออกมาเหมือนเราไม่เคยอ้วกมาก่อน
ในอ้วกเรามีเส้นผม มีเหมือนเศษผ้าสีขาวๆ และก็มีเป็นเหมือนลิ่มเลือดดำๆออกมาด้วย
ปู่บอกเสร็จแล้วให้เอาไปเผา พอเราทำอะไรเสร็จเรียบร้อย เรามานั่งคุยกับปู่ต่อ
เราก็เลยถามว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ปู่ ปู่บอกว่า วันที่เอ็งไปพูดว่าเค้าไม่มีจริงหน่ะ
ตั้งแต่ตอนนั้นเค้าก็ตามเอ็งมาเลย เค้าตายท้องกลมนะ โดนฆ่าตาย และศพไม่ได้เผา
อย่าไปพูดถึงเค้าอีก อย่าลบหลู่เค้า คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี
คราวหลังให้จำใส่หัวเอาไว้เลยว่า สื่งที่เราไม่เห็นมันมีจริงมีทุกที่แต่แค่เรา
มองด้วยตาเนื้อไม่ได้เท่านั้นเอง จำเอาไว้ แล้วพรุ่งนี้ไปใส่บาตรทำบุญเลย อุทิศให้เค้าด้วย
หลังจากวันนั้นมามันทำให้เราเข็ดและไม่กล้าพูดอะไรพล่อยๆออกจากปากเราอีกเลย
และเราก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับ น.ด้วย เพราะกลัวว่ามันจะหาว่าเราโกหก
ขอบคุณแหล่งที่มา :
https://pantip.com/topic/36815898
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย