3 พ.ค. 2020 เวลา 16:56 • ธุรกิจ
#ทองกับหุ้น อะไรน่าลงทุนกว่ากัน ? 🧐
เราลองไปถามความเห็นของ 2 นักลงทุนระดับตำนานอย่าง Ray Dalio และ Warren Buffet กันดูครับ เป็นที่น่าสนใจมากๆที่ถึงแม้ทั้งคู่จะประสบความสําเร็จจากการลงทุนมามากเท่าไหร่ แต่มุมมองในเรื่องของ #ราคาทอง ของทั้งคู่นั้นกลับแตกต่างกันเหลือเกิน !
1
📈 Warren Buffet กล่าวไว้ว่า
“You could take all the gold that’s ever been mined, and it would fill a cube 67 feet in each direction. For what it’s worth, you could buy all of the farmland in the United States and 10 Exxon Mobils Company and have $1 trillion of walking-around money. Or you could have a big cube of metal. Which would you take? Which is going to produce more value?”
หรือแปลความหมายได้ว่า "ถ้าคุณเอาทองคำในโลกทั้งหมดมาหลอมรวมกัน มันจะมีขนาดเป็นก้อนลูกบาศก์ขนาดด้านละ 67 ฟุต และมันจะมีค่าเท่ากับเงินประมาณ 7 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งคุณสามารถนำเอาไปซื้อพื้นที่ไร่ทั้งหมดในประเทศสหรัฐได้ และยังซื้อบริษัท Exxon Mobil ได้อีก 10 บริษัท แถมยังเหลือเงินสดทอนติดกระเป๋ากลับมาอีก 1 ล้านล้านเหรียญ คุณลองเลือกดูละกันว่าอย่างไหนจะสามารถทำเงินให้คุณได้มากกว่ากัน"
1
ทางบัฟเฟตต์นั้นเชื่อว่าธุรกิจที่ดีนั้นย่อมทำกำไรได้สูงเกินกว่ามูลค่าของทองที่เพิ่มขึ้นเสมอ และเขาก็จะเลือกธุรกิจที่ดีแทนการถือก้อนทองคำทุกๆครั้งหากเขามีสิทธิเลือกได้
📉 Ray Dalio กล่าวไว้ว่า
"If you dont own gold...there is no sensible reason other than you dont know history or you dont know the economics of it..."
หรือแปลความหมายได้ว่า "ถ้าคุณเป็นนักลงทุนและไม่ถือทองคำ มันคงไม่มีคำอธิบายอะไรนอกจากว่าคุณไม่รู้ทั้งประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ของโลกเรา"
ทางดาลิโอนั้นเชื่อว่าการถือทองคำในพอร์ตลงทุนนั้นไม่ใช่เพียงจะช่วยทั้งลดความเสี่ยงแต่ยังช่วยเร่งผลตอบแทนของพอร์ตลงทุนคุณได้ด้วยในระยะยาว และเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่แนะนำให้ถือทองคำในพอร์ตเสมอ
📌 ใครผิดหรือใครถูกในเรื่องนี้ ?
จริงๆแล้วคงไม่มีใครผิดหรือใครถูกครับ ทั้งคู่นั้นเป็นนักลงทุนระดับตำนาน แต่สิ่งที่แตกต่างกันที่หลายคนอาจจะไม่ทราบคือ #วิธีในการลงทุนของทั้งคู่
Ray นั้นเน้นการลงทุนระยะยาวแบบไม่ต้องปรับพอร์ตบ่อยๆไม่ว่าจะเจอวิกฤตหรือไม่ก็ตาม เพราะฉะนั้นหากเราจะไม่มีการปรับพอร์ตบ่อยๆ การถือทองคำนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างมากมาย ประกอบกับช่วยเร่งผลตอบแทนในช่วงที่เงินเฟ้อนั้นสูงได้ด้วย
1
ในทางตรงกันข้ามรูปแบบในการลงทุนของ Buffet นั้นคือการเน้นถือธุรกิจที่ดี ซึ่ง Buffet พูดถูกที่หากธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่ดีและมีการเติบโตสูง ยังไงก็ตามมูลค่าที่ธุรกิจนั้นจะสร้างได้ย่อมจะสูงกว่าการขึ้นของราคาทองแน่นอน แต่ในช่วงที่ราคาหุ้นนั้นสูงไปแล้วหรือวิกฤตกำลังจะมาทาง Buffet อาจจะเลือกที่จะขายหุ้นและถือเงินสดรอแทนการบริหารความเสี่ยงพอร์ตด้วยการถือทองแทน
ทำให้ #แผนการลงทุนของทั้งคู่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
📌 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Ray พยายามพูดเหน็บ Buffet ในการไม่ถือทองคำ
นักลงทุน VI อย่าง Warren Buffet เคยบอกเสมอว่า "Cash is King" (เงินสดคือราชา) แต่ Ray Dalio กลับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "Cash is Trash" (เงินสดคือขยะ) หรือเรียกได้ว่าเป็นมุมมองที่ตรงกันข้ามกับ Buffet เลย !
1
ต้องเล่าว่าในมุมมองของ Ray นั้นคือ เงินสดกำลังด้วยค่าลงอยู่เสมอทุกๆวันเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น เพราะเงินสดนั้นไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจและกำลังเฟ้อขึ้นทุกวัน ทำให้ Ray นั้นไม่นิยมถือเงินสดเยอะและเป็นการเหน็บปู่ Buffet ที่กำลังถือเงินสดเยอะเต็มมืออยู่ในขณะนี้
1
แต่ในมุมมองของ Buffet นั้น เขามองว่าเงินสดคือราชา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดอาจเกิดวิกฤต ราคาหุ้นอาจตกครั้งใหญ่ เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะได้ใช้เงินสดที่รอพร้อมอยู่แล้วเหล่านี้เร่งเข้าซื้อกิจการต่างๆ หากมองด้วยมุมแบบนี้นั้นการถือเงินสดไว้นั้นก็ไม่ได้ผิด
เพราะฉะนั้นมุมมองของทั้งคู่นั้นจึงแตกต่างกันเพราะการปรับรูปแบบพอร์ต คนนึงนั้นเน้นการลงทุนในแบบระยะยาวแบบไม่ต้องปรับพอร์ต และอีกคนต้องคอยปรับพอร์ตในยามวิกฤตเสมอเท่านั้นเอง
📌 ทางเราเคยบทความเต็มๆอธิบายในเรื่องนี้ว่า: ทำไมเงินสดในมือเราถึงด้อยค่าลงทุกวัน ? Cash is King or Trash ? ลองอ่านได้ใน Link ตรงคอมเม้นท์นะครับ
1
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ 😊
#OilTradingKP
โฆษณา