4 พ.ค. 2020 เวลา 07:50 • ไลฟ์สไตล์
วิกฤติขยะพลาสติกเอเชีย หลังโควิด-19 หยุดอุตสาหกรรทรีไซเคิล
ผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 คือ ไวรัสชนิดนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วโลกไปจากปัญหามลภาวะจากขยะพลาสติกได้อย่างสิ้นเชิง
ช่วงนี้ที่ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดในประเทศต่างๆทั่วโลก และรัฐบาลของทุกประเทศต่างใช้มาตรการล็อกดาวน์ ที่รวมถึงคุมเข้มด้านการประกอบกิจกรรมทางธุรกิจ หรือเศรษฐกิจรูปแบบต่างๆ ทำให้อุตสาหกรรมรีไซเคิลในเอเชียพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะถูกสั่งปิดกิจการชั่วคราว ผลพวงที่ตามมาคือขยะพลาสติกปริมาณมากในประเทศต่างๆทั่วเอเชียที่ยังไม่ได้ถูกนำไปกำจัด
จริงๆ แล้วปัญหาขยะพลาสติกล้นโลกเริ่มรุนแรงขึ้นถึงระดับวิกฤติตั้งแต่ 'เซอร์คิวเลท แคปิตัล' ประกาศปิดกองทุน 'โอเชียน ฟันด์' เมื่อเดือน ธ.ค.ปี 2562
โดยในแต่ละปีมีขยะพลาสติกถูกทิ้งลงมหาสมุทรในปริมาณ 8 ล้านตัน และ60%ของปริมาณนี้เป็นขยะพลาสติกจากเอเชีย และเมื่อแรงกดดันทางสังคมดำเนินมาถึงจุดสูงสุด บรรดาบริษัทที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของโลกทั่้งหลายก็ถูกกดดันให้ออกมาร่วมแก้ปัญหาระดับวิกฤตินี้
เซอร์คิวเลท ซึ่งมีฐานดำเนินงานอยู่ในสิงคโปร์ ระดมทุนได้ 106 ล้านดอลลาร์จากบริษัทต่างๆ รวมถึง เป็ปซี่โค ดานอน และดาว เคมิคัลส์ เพื่อลงทุนในธุรกิจประเภทต่างๆทั่วภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เสนอทางออกในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกล้นโลก ซึ่ง 4 เดือนต่อมา ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้กองทุนโอเชียน ฟันด์ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือบรรดาบริษัทรีไซเคิลรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแทน
“แผนธุรกิจ รวมทั้งการลงทุนของเรา อยู่บนพื้นฐานก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อเกิดการระบาดขึ้น ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิลในเอเชีย เนื่องจากเมื่อมีมาตรการล็อกดาวน์ ธุรกิจขนาดเล็กก็ต้องเลิกกิจการชั่วคราว ทำให้ไม่มีขยะพลาสติกส่งให้บริษัทรีไซเคิล ส่วนการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาลงก็อาจทำให้มีการผลิตพลาสติกราคาถูกในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดการแข่งขันของวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ลง”โฆษกบริษัทเซอร์คิวเลท กล่าว
ขณะที่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเองก็อาจทำให้บรรดาผู้ประกอบการและผู้บริโภคมีความอ่อนไหวมากขึ้นในประเด็นด้านราคาและอาจจะทำให้มีการรีไซเคิลพลาสติกน้อยลง
ที่กล่าวมาทั้งหมดคือขยะพลาสติกทั่วไปแต่หากเป็นขยะพลาสติกที่มาจากแวดวงการแพทย์ การเก็บและกำจัดก็ต้องมีวิธีที่ละเอียดอ่อนและแยกส่วนออกไป ไม่ใช่แบบเดียวกับขยะพลาสติกทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย(เอดีบี)เคยเสนอแนะไว้ว่า หากมีการกำจัดขยะทางการแพทย์อย่างเหมาะสมก็จะช่วยรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง
รัฐบาลหลายประเทศให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดขยะทางการแพทย์ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก เนื่องจากขยะทางการแพทย์เป็นขยะที่อันตรายที่สุดในบรรดาขยะทุกประเภท
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้มีการจัดการก่อนที่นำไปกำจัด และมีวัสดุจำนวนมากที่ไม่สามารถไปฝังกลบหรือกำจัดตามมาตรฐานเทศบาลที่นำไปป้อนโรงไฟฟ้า เนื่องจากต้องใช้อุณหภูมิที่สูงและใช้เวลานานในการทำลายเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมากับวัสดุอุปกรณ์
โฆษณา