4 พ.ค. 2020 เวลา 05:58 • กีฬา
หลุยส์ ซาฮา กองหน้าอับโชค Part 2/2
--- สวมเสื้อยูไนเต็ด ---
ในช่วงตลาดซื้อขายกลางฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังหากองหน้ารายใหม่เข้ามาแบ่งเบาภาระของรุด ฟาน นิสเตอร์รอย เพื่อไล่ล่าถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังดิเอโก้ ฟอร์ลัน ดาวยิงชาวอุรุกวัย โชว์ผลงานการทำประตูได้ไม่ค่อยดีนัก ชื่อและผลงานของหลุยส์ ซาฮา ได้ถูกหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง หลังจากติดตามผลงานเขามาสักระยะหนึ่ง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่แห่งรั้ว Old Trafford ตัดสินใจเซ็นต์สัญญาเขา ด้วยมูลค่า 12.8 ล้านปอนด์ และให้เสื้อเบอร์ 9 ต่อจากแอนดี้ โคล
“เราต้องการให้เขาเซ็นต์สัญญาระยะยาวกับเรา เขายังหนุ่ม (25 ปี) เขาจะกลายเป็นสุดยอดนักเตะได้”
“สามปีที่แล้ว เขาเล่นได้ดีมากตอนแข่งกับทีมเราใน FA cup นั้นทำให้เราเริ่มสนใจเขา”
“เมื่อฟูแล่มก้าวขึ้นมาในพรีเมียร์ลีก ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อเขามาในตอนนั้น”
“เรายังเฝ้าดูเขาต่อไปและปีนี้เราตัดสินใจยื่นข้อเสนอให้ฟูแล่ม”
“หลุยส์เล่นได้ดีทั้งสองเท้า รวดเร็ว ดุดันและเล่นลูกกลางอากาศได้ดี เขาเป็นนักเตะที่สุดยอดของเรา” เซอร์อเล็กซ์ กล่าวถึงหลุยส์ ในงานแถลงข่าว
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้สวมยูนิฟอร์มของยูไนเต็ด”
“ผมพยายามจะเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้นเสมอ และผมเชื่อว่าผมจะเก่งขึ้นมากเมื่อได้เล่นที่นี่”
“ผมต้องการทำเหมือนที่เธียร์รี่ อองรี ทำที่อาร์เซน่อล”
“อองรี่ เป็นนักเตะที่ผมชื่นชมและต้องการเจริญรอยตามเขา” ซาฮา เปิดใจผ่านเว็ปไซต์สโมสร
หลุยส์ ซาฮา ใช้เวลาเพียง 18 นาที ในเกมส์แรกที่ลงสนาม ตอบแทนความไว้ใจของเซอร์อเล็กซ์ ด้วยการยิงประตูขึ้นนำเซาแธมป์ตัน ช่วยให้ทีมเบียดเอาชนะทีมนักบุญไปได้ 3 ต่อ 2 และแมทช์ต่อมาที่กูดิสัน พาร์ค เขายิงสองประตู ช่วยให้ทีมเก็บสามแต้มกลับบ้านได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเป็นผู้ยิงประตูตีเสมออาร์เซน่อล ในนาทีที่ 86 ได้ถึงถิ่นไฮบิวรี่ ชิงหนึ่งคะแนนออกจากถิ่นไอ้ปืนใหญ่ จบฤดูกาล ซาฮาลงสนามทั้งสิ้น 12 นัดในลีค ยิงได้ 7 ประตู ด้วยผลงานระดับนี้ทำให้เขากลายมาเป็นขวัญใจแฟนบอลผีแดงได้ตั้งแต่ขวบปีแรกที่รับใช้สโมสร
ด้วยผลงานที่น่าประทับใจในระดับสโมสร ซาฮา ถูกเรียกติดธงตราไก่เป็นครั้งแรกในนัดกระชับมิตรกับทีมชาติเบลเยี่ยม และเป็นอีกครั้งที่เขายิงประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม เป็นประตูตอกย้ำชัยชนะให้ทัพตราไก่เอาชนะไปได้ 2 ต่อ 0 จากนั้นเขาได้รับเลือกเป็น 1 ใน 23 ขุนพลลุยศึกฟุตบอลยูโร 2004 ที่โปรตุเกส แม้จะไม่สามารถช่วยให้ทัพตราไก่เถลิงแชมป์ยุโรปได้ แต่ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีในฐานะน้องใหม่ในฐานะขุนพลทัพตราไก่
หลังเสร็จภารกิจรับใช้ชาติ ปิดฉากฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่กราฟชีวิตของซาฮาพุ่งขึ้นสุดขีด ทั้งผลงานกับสโมสร ได้ย้ายทีมมาอยู่กับทีมใหญ่ที่ได้ลุ้นแชมป์แทบทุกปี ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น แถมยังติดทีมชาติสู้ศึกบอลยูโรอีก แต่ก็เหมือนกับว่าปีนั้นจะเป็นปีที่พีคที่สุดของเขาแล้ว
--- โชคไม่เข้าข้าง ---
ฤดูกาล 2004-2005 เริ่มต้นได้เพียงไม่กี่แมทช์ ซาฮาถูกเรียกตัวให้ไปรับใช้ชาติในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรป โดยฝรั่งเศสต้องออกไปเยือนหมู่เกาะแฟโร ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เขาถูกเลือกให้ลงเป็นตัวจริง เคียงข้างกับเธียร์รี่ อองรี่ แน่นอนว่าฝรั่งเศสเป็นต่ออยู่หลายขุม คงเป็นอีกหนึ่งเกมส์ที่สบาย ๆ ของซาฮา แต่เทพีแห่งโชคชะตากลับทำให้วันนี้กลายเป็นฝันร้ายของเขาซะอย่างนั้น
ซาฮา ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าและถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 9 ทำให้เขาพลาดการลงสนามประมาณ 1 เดือน หลังกลับมาจากอาการบาดเจ็บ เขาลงเล่นรับใช้สโมสรได้ 7 นัด และถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติอีกครั้ง แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เขาได้รับบาดเจ็บซ้ำที่เดิม ต้องพักรักษาตัวต่ออีก 2 เดือน
เขากลับมาฟิตสมบูรณ์ในช่วงกลางเดือนมกราคม พร้อมกับยิงประตูให้ยูไนเต็ดขึ้นนำแอสตัน วิลล่า 2-1 จบเกมส์เขาช่วยให้ผีแดงเอาชนะไปได้ 3 ต่อ 1 เขากลับมาเป็นกำลังสำคัญให้ทีมได้อีกครั้ง แต่อาการบาดเจ็บก็ยังตามหลอกหลอนเขาไม่จบสิ้น ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2005 อาการบาดเจ็บพลากเขาจากพื้นหญ้าอีกครั้ง ครั้งนี้เขาต้องนอนโรงหมออีกประมาณ 4 สัปดาห์ และกลับมาช่วยทีมได้ในช่วงต้นเดือนเมษายน
กลับมาได้ไม่นาน เขาก็กลับไปพบแพทย์อีกครั้ง ด้วยอาการบาดเจ็บที่แฮมสตริงเหมือนช่วงที่เขาค้าแข้งอยู่กับทีมเจ้าสัวน้อย ซ้ำร้ายยังต้องเข้ารับการผ่าตัดที่เข่าขวาเพิ่มเติม ทำให้เขาพลาดการแข่งขันในช่วงสามเดือนแรกของฤดูกาลหน้าทันที เรียกได้ว่าเข้าออกโรงหมอจนแทบจะสนิทกับพยาบาลก็ว่าได้
รอบนี้ทีมแพทย์และสตาฟโค้ชให้เวลาเขาได้พักฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขาเริ่มกลับมาลงสนามในฐานะตัวสำรองในเดือนพฤศจิกายน เกมส์แชมป์เปี้ยนลีกที่แมนฯยู เปิดบ้านรับการมาเยือนของบียาร์เรอัล และออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงในเกมส์ลีกคัพรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในสัปดาห์ถัดมา
เมื่อโอกาสมาถึงเขาก็ไม่รอช้า จัดการทะลวงตาข่ายให้ทีมขึ้นนำเวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-0 นับเป็นประตูแรกในรอบ 10 เดือนของซาฮา เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดผีแดงเอาชนะไปได้ 3-1 จากนั้นเค้าค่อย ๆ สะสมความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จากการลงสนามในฐานะตัวสำรองทั้งในบอลลีกและบอลถ้วยยุโรป แต่ในถ้วยลีกคัพเขาได้โอกาสลงสัมผัสเกมส์ในฐานะตัวจริง และเขาก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
ซาฮา จัดการยิง 2 ประตู ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย พาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ ด้วยการเอาชนะเบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1 ต่อ 3
รอบรองชนะเลิศ เขายิงให้ทีมขึ้นนำเบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1-0 แต่จบเกมส์เสมอกัน 1-1 ต้องแข่งใหม่ที่ Old Trafford
ในเกมส์รีแมทช์ ซาฮายิงประตูเอาชนะแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2 ต่อ 1 ส่งทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ
ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในถ้วยลีกคัพ ซาฮาเบียดรุด ฟาน นิสเตอร์รอย ให้ตกเป็นตัวสำรองในเกมส์พรีเมียร์ลีกที่ต้องออกไปเยือนกุหลาบไฟ เบล็คเบิร์น โรเวอร์ส โดยเขาได้ยืนล่าตาข่ายร่วมกับเวย์น รูนี่ย์ แม้ซาฮาจะยิงประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 37 แต่เบล็คเบิร์นฯ กลับทำเซอร์ไพรส์แฟนผีทั่วโลก ด้วยการเอาชนะผีแดงไปได้ 4-3
มาถึงเกมส์ชิงชนะเลิศของรายการลีกคัพ แมนฯ ยูไนเต็ด โคจรมาพบกับวีแกน แอธเลติก ซาฮาลงสนามเป็นตัวจริง เป็นดาวซัลโวของทีมในรายการนี้ เขายิงให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ในนาทีที่ 55 จบเกมส์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์ 4 ต่อ 0
หมดฤดูกาล 2005-2006 ซาฮาลงสนามรับใช้สโมสรรวมทุกรายการทั้งสิ้น 30 เกมส์ ยิงได้ 15 ประตู นับว่าเป็นผลงานที่ดีกว่ากองหน้าหลายคนที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอด้วยซ้ำ
--- เจ็บจนเกินทน ---
ซัมเมอร์ปี 2006 เขาติดธงตราไก่รับใช้ชาติในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี กุนซือเรย์มงด์ โดเมเน็ค ติดตั้งแผน 4-5-1 โดยเลือกใช้เธียร์รี่ อองรี่ ผูกสัมปทานในแดนหน้า ทำให้ซาฮาต้องเริ่มต้นบนม้านั่งสำรอง ฝรั่งเศสผ่านเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับบราซิล แชมป์เก่า ผ่านไป 85 นาที ขณะที่ฝรั่งเศสนำอยู่ 1-0 ซาฮาได้ลงสนามแทนเธียร์รี่ อองรี หลังจากโหม่งบอลออกข้างไปเพียงหนึ่งครั้ง เขาก็ถูกจับล้ำหน้าในนาทีที่ 87 จังหวะนี้เหมือนจะไม่มีอะไร แต่เขาดันไปเขี่ยบอลทิ้ง ดึงเวลาเล็กน้อย ทำให้กรรมการชักใบเหลืองให้เขาทันที จบเกมส์ฝรั่งเศสผ่านบราซิลไปได้
รอบรองชนะเลิศฝรั่งเศส พบ โปรตุเกส ยังกับพระเจ้าฉายหนังม้วนเดิม ฝรั่งเศส นำอยู่ 1-0 อองรี ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 85 หลุยส์ ซาฮา ลงมาแทนได้เพียงสองนาที เขาทำฟาล์วแบบไม่จำเป็นใส่ผู้เล่นโปรตุเกสในนาทีที่ 87 รับใบเหลือง ทำให้เขาสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ อดเล่นนัดชิงชนะเลิศ ไม่แม้กระทั่งได้ลงเป็นตัวสำรอง ความผิดพลาดนี้ทำให้เขาผิดหวังไม่น้อย แต่เขาก็ดึงตัวเองกลับมาพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้น
เริ่มต้นฤดูกาล 2006-2007 ซาฮาสลัดอาการบาดเจ็บออกไปและฟาน นิสเตอร์รอย ย้ายข้ามฝากไปรีล มาดริด ทำให้ซาฮาได้โอกาสเป็นตัวหลักของทีมอย่างต่อเนื่อง ผ่านไป 15 เกมส์ในลีก เขาตะบันไป 8 ประตู มีทั้งลูกยิงสำคัญพาทีมคว้าสามแต้มออกมาจากถิ่นอีวู้ดปาร์ค ยิงให้ทีมแบ่งแต้มกับเชลซี ช่วยยิงประตูเบิกร่องให้ทีมเฉือนชนะโบโร่ 2-1 ทุกอย่างเป็นไปได้สวย ช่วงเดือนธันวาคม เขาได้รับการต่อสัญญากับทีมออกไปจนถึงปี 2010
หลังเซ็นต์สัญญา ฟอร์มการเล่นของเขาดูจะดรอปลงไป ครึ่งฤดูกาลหลังเขายิงประตูได้เพียงหนึ่งประตูในบอลถ้วย FA cup หลังจากเกมส์นั้น ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยดีนักกับปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้เขาได้ลงสนามเพียงสามนัด ในเกมส์ที่เหลือของฤดูกาล โดยได้ลงเป็นตัวสำรองทั้งหมด
เริ่มมีกระแสข่าวว่าเขาไม่พร้อมจะลงเล่น ไม่กล้าเล่นเพราะกลัวอาการบาดเจ็บ บางก็ว่าปัญหาอาการบาดเจ็บมันกัดกินความมั่นใจของเขาไปสะหมดสิ้น ความศรัทธาที่แฟนผีแดงมีให้ต่อซาฮาดูจะลงน้อยถอยลงทุกวัน จนกระทั่งเริ่มต้นซีซั่น 2007-2008
เกมส์แรกในพรีเมียร์ลีกของซาฮาล่วงเลยมาถึงเกมส์นัดที่ 5 ที่ผีแดงเปิดบ้านรับซันเดอร์แลนด์ เขาลงเป็นตัวสำรองในต้นครึ่งหลัง และเป็นยิงประตูชัยกลบเสียงวิจารณ์ให้ทีมเอาชนะไปได้ 1-0 จากนั้นยิงประตูปิดกล่องให้ยูไนเต็ดชนะเชลซี อีกทั้งยังแทงบอลทะลุช่องให้เอฟร่าหลุดไปเปิดให้ CR7 ยิงโล่งในเกมส์ที่เจอกับอาร์เซน่อล
“ที่ยูไนเต็ด ผมโชคร้ายหลายครั้ง” หลุยส์ ซาฮา ให้สัมภาษณ์
“การเล่นแต่ละครั้งทำร้ายร่างกายของผม ทั้งการสปีดและเปลี่ยนทิศทางด้วยความรวดเร็ว”
“ผมได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้าย ผมพยายามเปลี่ยนวิธีการวิ่ง แต่ผมก็มาเจ็บเข่าขวาอีก”
“แต่ผมไม่เคยปฏิเสธการลงสนาม ผมคิดถึงพื้นหญ้าทุกครั้งที่ผมไม่ได้ลงเล่น”
แต่การมาของคาร์ลอส เตเวซ ด้วยสัญญายืมตัว ทำให้รูนี่ย์ เตเวซ และโรนัลโด้ กลายเป็นหนึ่งในสามประสานที่ลงตัวที่สุดในยุโรป เวลาส่วนใหญ่ของซาฮาจึงทำได้เพียงนั่งมองเพื่อนจากม้านั่งสำรอง จนในช่วงปลายฤดูกาลอาการบาดเจ็บแฮมสตริงได้ทำให้เขาต้องย้ายเข้าโรงหมออีกครั้ง
เขาพยายามอย่างหนักที่จะกลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อให้ได้มีโอกาสลงเล่นในเกมส์นัดชิงยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ที่กรุงมอลโคว์ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เขาพลาดเกมส์นัดชิง
“ผมได้รับบาดเจ็บ ผมพลาดนัดชิงฟุตบอลโลก 2006 ผมพลาดเกมส์ที่น่าอัศจรรย์บางเกมส์ แต่การพลาดลงเล่นนัดชิงครั้งนี้ มันฆ่าผมจริง ๆ” ซาฮา บรรยายความเจ็บปวดในภายหลัง
เขาเดินทางไปให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมข้างสนาม หลังเกมส์เขารู้ทันทีว่าเวลาที่โรงละครแห่งความฝันของเขาได้หมดลงแล้ว ด้วยอาการบาดเจ็บที่เข่า เขาไม่สามารถลงเล่น 30 แมทช์ต่อฤดูกาลได้เหมือนคนอื่น
“ผมกลายเป็นคนเคร่งศาสนา หลังจากที่พลาดนัดชิง UCL”
“ผมคิดว่า ทำไมพระเจ้าให้โอกาสผมที่จะได้ลงเล่นนัดชิง แต่ก็พลากมันไปจากผม”
“มันเป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้ให้ฟุตบอล ผมรับมันไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกเจ็บปวดไปอีก 2-3 สัปดาห์” ซาฮา กล่าว
หลังจบฤดูกาลนั้น เขาได้พูดคุยกับเซอร์อเล็กซ์ และบอกว่าเขาต้องการย้ายออกจากทีม ในซัมเมอร์นั้นเขาเซ็นต์สัญญาแบบจ่ายเมื่อลงเล่นกับทีมเอฟเวอร์ตัน โดยไม่เปิดเผยค่าตัว ปิดฉากชีวิตการค้าแข่งในยูนิฟอร์มผีแดงกว่า 4 ปีครึ่ง ลงสนาม 124 นัด ยิงได้ 42 ประตู รวมทุกรายการ
ช่วงเวลาที่เขาลงเล่นให้เอฟเวอร์ตัน อาการบาดเจ็บยังคงตามติดเป็นเงาตามตัว ในเวลาสามปีครึ่งในถิ่นกูดิสัน พาร์ค เขาลงสนาม 115 นัด ยิงได้ 35 ประตู จากนั้นเขาถูกยืมตัวไปเล่นให้ไก่เดือยทอง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน และย้ายข้ามฟากไปแขวนสตั๊ดกับทีมลาซิโอ้ ในปี 2013
“เขาเป็นนักจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม”
“เขาถูกรบกวนด้วยอาการบาดเจ็บ ถ้าเขาได้ลงเล่นสัก 10 นัด โดยไร้อาการบาดเจ็บ คุณสามารถยกเขาไปเทียบกับกองหน้าได้ทุกคน” ขงเบ้งลูกหนัง อาร์แซน เวนเกอร์
“เขาเป็นคู่แข่งที่รับมือยากที่สุดของผม”
“เขาแข็งแกร่ง ดุดัน รวดเร็ว เล่นบอลได้ดีทั้งสองเท้า และเล่นลูกกลางอากาศได้ยอดเยี่ยม”
“ถ้ามีใครจะสร้างต้นแบบหมายเลข 9 ขึ้นมา ผมจะมองไปที่ หลุยส์ ซาฮา” ตำนานกองหลังผีแดง ริโอ เฟอร์ดินาน
“ผมเคยเจอกับเขาทั้งในเกมส์เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ และตอนเขาอยู่กับยูไนเต็ด”
“ผมคิดว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่เคลื่อนที่ได้ดีที่สุดในลีก บางครั้งมันทำให้ผมทึ่งเลยหละ” เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังกัปตันทีมลิเวอร์พูล
หลายคนยกย่อง หลุยส์ ซาฮา ให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีพร้อมทุกอย่างสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดกองหน้าคนหนึ่งของโลก เขามีสองเท้าที่ทรงประสิทธิภาพ มันสมอง ความแข็งแกร่ง ความรวดเร็ว จิตใจที่แกร่งกล้า
แต่เหมือนโชคชะตาได้ส่งอาการบาดเจ็บให้มาเป็นเพื่อนร่วมทางของเขาด้วย มันบั่นทอนพลังงานทั้งทางกายและใจเขาอย่างสาหัส จนเกินรับไหว
หากเขาไม่ได้รับอาการบาดเจ็บ ผมคิดว่าหลายคนก็คงอยากเห็นเหมือนกันว่าเขาจะไปได้ไกลที่สุดแค่ไหน
ถ้าชอบเรื่องเล่านี้ Comment มาคุยกันครับ อย่าลืมกด Like กด Share เป็นกำลังใจสำหรับเรื่องเล่าเรื่องต่อไปด้วยนะครับ
- หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนะครับ -
โฆษณา