4 พ.ค. 2020 เวลา 09:32 • ธุรกิจ
“Luxury Brand ท่ามกลางสถานการณ์ Covid-19”
วันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา คือวันแรกที่มีการรายงานผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายแรกในยุโรปและเกิดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส
Bernard Arnault แห่งอาณาจักร LVMH ประเทศฝรั่งเศส รู้ดีว่านี่เป็นเรื่องที่ global และส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย แม้ว่าในช่วงเวลานั้นมีการรายงานผู้ป่วยโควิดในยุโรปแค่ไม่กี่เคสเท่านั้น ในวันที่ 28 มกราคม LVMH ได้มอบเงินถึง 2 ล้านยูโรให้กับ Chinese Red Cross จะว่าไปก็เป็นแสดงพันธมิตรทางการค้า เพราะสัดส่วนรายได้เทียบเป็น % ของรายได้ทั้งหมดในเอเชียมากถึง 30% มากกว่าสหรัฐอเมริกาที่ 24% นอกจากนี้คนเอเชียยังบริโภค Luxury Brand ถึง 1 ใน 3 ของโลกอีกด้วย
Photo from www.lvmh.com
ต้องเล่าก่อนว่าในฝรั่งเศสช่วงนั้น รัฐบาลได้สั่งออกกฎห้ามขาย surgical ตามร้านขายยา จะขายให้ได้แค่บุคลากรการแพทย์ ผู่ป่วยและผู้ที่มีใบรับรองแพทย์เท่านั้น คนทั่วไปจึงไม่สามาถเข้าถึงหน้ากากอนามัยได้ แอดมินซึ่งอาศัยอยู่ปารีส บอกตรงๆว่าช่วงนั้นกลัวมาก เพราะไม่มีใครใส่แมสกันเลย ถ้าใครใส่ก็จะโดนมองแปลกๆ (แต่ตอนนี้คนที่นี่เปลี่ยนแนวคิดแล้วนะคะ ออกไปข้างนอกฝรั่งใส่แมสกันหมดเลยค่ะ)
นอกจากนั้นวันที่ฝรั่งเศสประกาศ Lockdown เมื่อ 16 มีนาคม LVMH ได้ออกมาประกาศว่าจะเริ่มผลิตเจลล้างมือ (Hand Sanitiser) โดยบริษัทในเครือ LVMH อย่าง Dior, Guerlain และ Givenchy ได้เริ่มผลิตเจลล้างมือ โดย perfume sector ของ LVMH มีสต๊อก Ethanol มากพอที่ะสามารถผลิตได้ถึง 50 ตันเลยทีเดียว
และแม้ว่าในเวลานี้ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าจะปิดให้บริการ แต่ LVMH ได้ใช้โรงงานให้เป็นพื้นที่ที่เป็นประโยชน์ ในเวลานี้ในฝรั่งเศสและโรงพยาบาลทั่วโลกต่างขาดแคลนหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่ง Louis Vuitton และ Christian Dior ได้จัดเวิร์คช็อปเพื่อผลิตหน้ากากผ้าให้คนทั่วไปใช้ได้ และยังผลิตเสื้อคลุมทางการแพทย์แจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลต่างๆในฝรั่งเศสด้วย
โรงงาน Dior ได้ใช้โรงงานที่ปกติเอาไว้ผลิตเสื้อผ้าเด็ก ก็ได้เชิญชวนอาสาสมัครผลิตหน้ากากอนามัย โดยในตอนแรก เริ่มแจกเฉพาะคนที่ทำงานในอาชีพที่มีความเสี่ยงก่อน เช่น แคชเชียร์ คนขายของ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องให้บริการประชาชน
แทนที่จะกระตุ้นแต่ยอดขาย การปรับตัวของ LVMH ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในระยะยาว และ Louis Vuitton เคยอยู่รอดท่ามกลางวิกฤตมาแล้ว อย่างในช่วง Subprime Crisis บริษัทเคยทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็นถึงสองหลักเลย หรืออย่างน้อยในแง่นักลงทุนก็คงมองว่าหุ้นตัวนี้มีธรรมมาภิบาล peception ที่คนมีต่อแบรนด์เป็นไปทางที่ดีขึ้น ไม่ได้หวังแค่ดูดเงินจากกระเป๋าลูกค้าอย่างเดียว หลังจากผ่านวิกฤตครั้งนี้ เราอาจจะได้เห็นยุคใหม่ของ Luxury Brand ก็เป็นได้
ฝากติดตามและให้กำลังใจนักเขียนมือใหม่โดยการ Follow
หรืออีกหนึ่งช่องทางทาง Facebook Madame Investing ด้วยนะคะ
โฆษณา