5 พ.ค. 2020 เวลา 03:21 • ธุรกิจ
Rihanna การต่อยอดและขยายความสำเร็จของดารา นักร้อง
นับเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะต้องเจอแบรนด์สินค้าที่มีเจ้าของเป็นผู้มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น ดารา หรือ นักร้อง ตั้งแต่ในไทย เรื่อยไปจนถึง Hollywood อาศัยความมีชื่อเสียงของตัวเองเป็นการเปิดตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ จนสามารถทำยอดขายได้เป็นอย่างดี แต่หากผลิตภัณฑ์นั้นไม่ดีจริง หรือ ไม่ถูกใจกับผู้บริโภค ก็อาจะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านหันมารับงานในวงการบันเทิงต่อไป ในทางกลับกันหากผลิตภัณฑ์นั้นโดนใจและสามารถตีตลาดได้ก็จะสามารถหากินกันไปได้ยาวๆ ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งก็คือ Rihanna เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ จนแฟนเพลงท้อใจ ว่าเมื่อไหร่จะได้ฟัง หรือ ดูคอนเสิร์ตของเธออีกครั้ง กลายเป็นมุขที่ให้ล้อกันได้ทุกวันในsocial network
Rihannaเริ่มประสบความสำเร็จจากการเป็นนักร้องที่มีเพลงฮิตมากมาย เช่นเพลง Umbrella , We found love แน่นอนว่าการเริ่มต้นธุรกิจของเธอนั้นไม่ได้เริ่มเพียงลำพังแต่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Rihanna กับ บริษัท ยักษ์ใหญ่ ธุรกิจแรกของเธอคือ น้ำหอม Reb’I’Fluer ที่ร่วมมือกับบริษัท Secret Body Spray ในปี 2011 ในขณะนั้นผลงานเพลงอัลบั้ม loud ที่มีเพลงอิตอย่าง What's My Name? กำลังดังอย่างสุดขีด ทำให้น้ำหอมของเธอประสบความสำเร็จ ได้ไม่ยากและมีน้ำหอมอีกหลายๆตัวตามมา รวมถึงน้ำหอมผู้ชายอีกด้วย
และในปี 2014 Rihanna ก็ได้ร่วมมือกับ Puma แบรนด์กีฬาชื่อดัง ในการออกแบบเสื้อผ้าและรองเท้าในชื่อ Fenty x Puma หลักจากคอลเลกชันแรกก็สามารถขายหมดได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และตามมาอีกหลายคอนเลกชัน จนเธอได้รับรางวัล Shoe of the Year Award เป็นการการันตีความสำเร็จของเธอ หลักจากนั้นเธอก็ยังไม่หยุดกับกระแสรองเท้า เธอได้ออกถุงเท้าโดยร่วมมือกับ Stance ในคอนเลกชัน “Fenty for Stance by Rihanna.” การต่อยอดออกคอนเลกชันในชื่อ Fenty นี้เองที่ทำให้แบรนด์ Fenty ติดตลาด แล้วกลายเป็นแบรนด์ที่มือชื่อเสียง ที่ไม่ว่าใครได้ยินก็รู้ว่านี้คือแบรนด์ของเธอ Rihanna
บทเรียนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ของเธอประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ก็คือ การร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Puma หรือ stance ที่ทำให้แบรนด์ของเธอสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายมากกว่า ลูกค้าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นแค่แฟนคลับของเธอเท่านั้น ยังรวมถึงแฟนคลับของแบรนด์นั้นเองอีกด้วย และยังมีข้อดีที่ทำให้เกิดแฟนคลับใหม่ๆ ที่จะติดตามผลงานของเธอต่อไปในอนาคตอีกด้วย เรียกได้ว่า ยิ่งทำก็ยิ่งดังยิ่งมีลูกค้าเพิ่มนั้นเอง
หลักจากนั้นในปี2013เธอก็เริ่มเบนเข็มสู่วงการเครื่องสำอางโดยใช้สูตรเดิมคือการ collaborations กับบริษัท Macโดยออกเป็นคอนเลกชัน ลิปสติกกับลิปกอส โดยในปีนี้เองที่ rihanna มีแผนที่จะเปิดแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองขึ้นมา
และในเดือนกันยายนปี 2017 นี้เองที่เธอก็ได้เปิดตัวแบรนด์เครื่องสำอางของเธอ และเป็นที่แน่นอนว่าเธอต้องใช้ชื่อ Fenty อย่างแน่นอน Fenty Beauty เปิดตัวพร้อมกันทั้งสิ้น 17 ประเทศทั่วโลก มีผลิตภัณฑ์มากถึง 91 รายการ หนึ่งในนั้นคือรองพื้นที่มีสีถึง 40 เฉดสี จนกลายเป็นที่ฮือฮาของสาวๆทั่วโลก
เธอยังไม่หยุดแค่นั้น ในปี2018 เธอได้สร้างแบรนด์ชุดชั้นใน SAVAGE X FENTY ออกมาที่เป็นการเปลี่ยนเกมส์ในวงการชุดชั้นในไปอย่างสิ้นเชิงในขณะที่แบรนด์ใหญ่คู่แข่งของเธอต่างนำเสนอภาพของ หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบในชุดชั้นใน เป็นนางฟ้าที่ทำให้เราต่างอยากที่จะเป็นแบบในโฆษณาหรือนางแบบในทีวี แต่แบรนด์ของเธอกับนำเสนอ ภาพที่แตกต่างออกไป เป็นภาพของการเคารพในตัวเองที่ทุกคนสามารถจะสวยได้ภายในรูปแบบของตัวเองไม่จำเป็นที่จะต้อง ผอมสูง ตามกระแสสังคม ภาพโปรโมทของเธอก็จะใช้นางแบบที่มีลักษณะเฉพาะตัวมีความโดดเด่น ตั้งแต่เครื่องสำอางจนถึงชุดชั้นใน
สุดท้ายเหตุผลสำคัญที่ทำให้แบรนด์ Fenty ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรือ ชุดชั้นในประสบความสำเร็จนอกจากคุณภาพและความมีชื่อเสียงของ Rihanna นั้น ก็คือการ รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไรและให้สิ่งนั้นกับผู้บริโภค เธอเริ่มจากสำรวจช่องว่างทางการตลาดและเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดนั้น เช่น การประสบปัญหาการเลือกสีรองพื้นที่พอดีของคนผิวสี เธอจึงออกรองพื้นออกมามากถึง40เฉด สีในการเปิดตัวครั้งแรกของ Fenty beauty หรือการออกคอนซีลเลอร์กว่า50เฉดสี ที่มากกว่าคู่แข่งที่มีแค่สองสามสี เป็นต้น นี้เองที่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้อาณาจักรธุรกิจของเธอยิ่งใหญ่ดั่งที่พวกเราเห็นกันในทุกวันนี้
โฆษณา