5 พ.ค. 2020 เวลา 07:17 • ประวัติศาสตร์

Dietrich von Choltitz ผู้บัญชาการคนสุดท้ายของเยอรมันนีแห่งกรุงปารีส

นายพล ดรีทริช ฮูโก แฮร์มัน ฟ็อน ค็อลทิทซ์ ( Dietrich Hugo Hermann von Choltitz )
ผู้บัญชาการคนสุดท้ายของเยอรมันแห่งกรุงปารีส เมื่ออาณาจักรไรซ์ที่ 3 กำลังล่มสลาย เขาเกิดวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894 หลังจากเติมโตจนเข้าสู่วัยหนุ่มเขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยในปี 1907 ตามรอยเท้าพ่อของเขาและได้กลายเป็นนายทหารอาชีพ โดยเริ่มอาชีพทหารตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ยาวมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงสุดท้ายของอาชีพทหารเขาเป็นผู้บังคับบัญชาการกองพลยานเกราะที่ 11 ( The 11th Panzer Division )
เขาเป็นที่จดจำจากบทบาทในฐานะผู้บัญชาการคนสุดท้ายของปารีสที่ถูกพรรคนาซีของเยอรมันยึดครองใน ค.ศ. 1944 หลังจากที่สงครามพลิกกลับ เยอรมันที่เป็นฝ่ายรุกทั่วทั้งยุโรปกลับมาเป็นฝ่ายรับในทุกแนวรบ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 หลังจากวัน D-Day ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้น กองทัพเยอรมันทางตะวันตกเตรียมถอนกำลังออกจากปารีส
วันที่ 23 สิงหาคม 1944 ผู้ที่เป็นผู้บัญชาการในตอนนั้น นายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ ได้รับสายตรงจากท่านผู้นำ อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ว่าให้ถอนกำลังออกจากปารีสและเผามันให้สิ้นซากก่อนที่ฝั่งสัมพันธมิตรจะฝ่าแนวรบมาปลดปล่อยฝรั่งเศสได้สำเร็จ ให้ฝั่งสัมพันธมิตรได้ปารีสที่เป็นเถ่าถ่านไปเท่านั้นแต่นายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ นั้นไม่ปฏิบัติตามและอ้างเฉไฉไปว่าต้องจัดการความวุ่นวายในเมืองและเจรจากับฝ่ายต่อต้านอยู่ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้แต่ฮิตเลอร์ไม่ฟังเหตุผล เอาแต่ถามว่า
"Brennt Paris?" หรือแปลเป็นอังกฤษ "Is Paris burning?"
สองวันหลังจากนั้น นายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ ได้ยอมสงบศึกกับฝ่ายสัมพันธมิตร พร้อมกับทหารที่ประจำการในกรุงปารีสรวม 10,000 นาย และที่สำคัญ นายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของฮิตเลอร์ ได้รักษากรุงปารีสที่สวยงามนี้ไว้ ทำให้ประชากรและทรัพย์สินของเมืองนี้พ้นภัยไฟแห่งสงครามของฮิตเลอร์ราวกับปาฏิหาริย์
ในช่วงท้ายสงครามเมืองสำคัญอย่างลอนดอนเมืองหลวงของอังกฤษและเบอร์ลินเมืองหลวงของเยอรมันต่างก็มีกองซากปรักหักพังหลังจากสงครามทั้งการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินและการยิงปืนใหญ่ขนาดที่ว่าต้องใช้เวลาฟื้นฟูหลายสิบปีแต่กับสมบัติทางประวัติศาสตร์ของปารีสนั้นแทบไม่ถูกแตะต้องเลย หลังจากการยอมแพ้ของฝ่ายอักษะ นายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ ได้รับคำพิพากษาจำคุกเพียง 2 ปี หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว นายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ ก็ได้ละทิ้งการเป็นทหารอาชีพ
โดยเขาได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบจนกระทั้งเดือนพฤจิกายน 1966 นายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ ก็ได้สิ้นชีวิตลง ณ โรงพยาบาลในเมืองบาเดน-บาเดน ( Baden-Baden ) พิธีศพของนายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ มีนายทหารเมืองปารีสเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากโดยท่านได้รับการจดจำจากทหารและชาวเมืองของทั้งสองประเทศว่าเป็นผู้บัญชาการที่กล้าขัดคำสั่งท่านผู้นำและรักษาเมืองปารีสให้พ้นเงื้อมมือไฟความแค้นของ อดอร์ฟ ฮิตเลอร์
ภาพนายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ กำลังเซ็นต์ลงนามยอมแพ้ พร้อมกับทหารเยอรมันอีก 10,000 นาย
เรื่องราวของผู้บัญชาการที่รักษาเมืองปารีสให้พ้นภัยนี้ ได้ถูกจัดทำเป็นหนังสือ และมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 1965 เรื่อง“ Is Paris Burning” โดยได้ René Clement มาเป็นผู้กำกับและได้ Gert Fröbe เป็นนักแสดงในบทบาทของนายพลดรีทริช ฟ็อน ค็อลทิทซ์ หนังนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองปารีสก่อนจะถูกปลดปล่อยโดยฝั่งสัมพันธมิตรและการตัดสินใจรักษาเมืองปารีสไว้ของนายพลดรีทริช
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับชื่อสเสนอภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยได้รับรางวัลไปสองรางวัล ได้แก่ รางวัล Best Art Direction และรางวัล Best Cinematography ซึ่งผู้อ่านที่สนใจสามารถซื้อหนังสือหรือรับชมแบบภาพยนตร์ได้ผ่านทาง amazon ได้ครับ
ภาพโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่อง Is Paris burning เข้าฉายเมื่อปี 1965
ได้อ่านกันแล้วเป็นยังไงบ้างครับสำหรับเรื่องราวของนายพลผู้เห็นอนาคตของประชาชนและเมืองสำคัญกว่าคำสั่งของท่านผู้นำ หากท่านผู้อ่านชอบบทความเรื่องราวแบบนี้สามารถกด subscribe เพื่อติดตามเรื่องราวต่างๆได้ และขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมในการนำเรื่องราวต่างๆมาเขียนให้ผู้อ่านได้อ่านกัน ขอบคุณจากใจครับ
-อ้างอิงข้อมูลโดย-
#เรื่องนี้วินเขียน
โฆษณา