6 พ.ค. 2020 เวลา 11:39 • ไลฟ์สไตล์
วิกฤต2020 จงสร้างเป้าหมายรายวัน แล้วทำให้มันสำเร็จ!!
by Boom Japan Salaryman
จากมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆในบริษัทญี่ปุ่น
จนกลายมาเป็น "Japan Salaryman" ที่มียอดผู้ติดตามกว่าแสนคน
และยังสามารถทำควบคู่กับงานประจำไปได้อีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่ผมซึบซับจากประเทศญี่ปุ่นที่ไปทำงานมาหลายๆปี
คนญี่ปุ่นจะมีนิสัยอย่างนึงที่ชอบมอง Worse Case ในทุกสถานการณ์
คนญี่ปุ่นมักจะชอบมอง Worse Case ว่าสิ่งที่แย่ที่สุดในเรื่องนั้นมันจะเป็นอะไร แล้วเขาจะคอยหาแผนรองรับเรื่องนั้นๆ จะมีแผนA แผนB ต่างๆสำรองไว้
ยกตัวอย่าง
อย่างเช่นล่าสุดที่กำลังจะเกิดสถานการณ์เคอร์ฟิวในประเทศไทย
จากที่หัวหน้าของผมมีตั๋วสายการบินของไทยอยู่แล้ว
แต่เขากลับให้ผมไปช่วยเช็คสายการบินของญี่ปุ่นให้หน่อย
ว่าราคาเท่าไหร่ อะไรยังไง แล้วจองเพื่อเลย
ปรากฎว่าถัดไป 2-3ชม.ต่อมาสายการบินไทยที่จองไว้แล้วขอยกการจอง
ซึ่งมันตรงกับแผนสำรองของหัวหน้าพอดี
อย่างเช่นเรื่องนี้คนญี่ปุ่นก็มักจะวางแผนสำรองไว้เสมอเพื่อฉุกเฉิน
ผมว่าเราก็ควรจะมีสำรองไว้ในทุกสถานการณ์เช่นกัน
อีกหนึ่งนิสัยของคนญี่ปุ่นคือการสื่อสารและข้อมูลที่ชัดเจน
คนญี่ปุ่นจะไม่สื่อสารออกไปมั่วๆโดยที่ไม่มีข้อมูลครับ
เขาจะหาข้อมูลเพื่อให้แน่ใจแล้วถึงจะสื่อสารออกไปให้คนเห็นภาพ
อย่างตอนถ้ำหลวง ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกประเทศนึงที่มีการสื่อสารที่ดีมากและเห็นภาพมากที่สุดประเทศนึง
ตอนนี้บริษัทญี่ปุ่นจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไงบ้างในเรื่องงาน?
ที่บริษัทญี่ปุ่น เขาจะมีการประชุม มาวางแผนรองรับ ไว้เต็มไปหมดเลยครับ
แผนA แผนB แผนC เพื่อที่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นบริษัทของเขาจะสามารถดำเนินงานต่อได้
โดยที่ไม่มีผลกระทบอะไร
อันนี้ไม่ใช่แค่กับวิกฤตไวรัสนะครับ ในทุกๆสถานการณ์ก็เช่นกัน
ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างตอนที่ประเทศไทยน้ำท่วม
คนที่โดนน้ำท่วมก็ไม่สามารถทำงานได้
ลูกค้าก็จะย้ายไปหาบริษัทที่สามารถทำงานต่อไปได้
แต่ถ้ากลับกันตรงนี้ เราวางแผนเตรียมรับมือ
แม้น้ำท่วมก็ทำงาน ความไว้วางใจของลูกค้าก็จะอยู่ที่เราเหมือนเดิม
ยิ่งจบจากวิกฤตไปแล้วเขาก็ยังจะใช้บริการเราอยู่
เพราะความเชื่อใจที่มีแผนรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
CR:Claudio Guglieri
สิ่งที่พนักงานบริษัทจำเป็นต้องรู้หลังจาก Work form home คือ
ผู้บริหารจะเริ่มเห็นมากขึ้นว่า
ถ้าไม่มีพนักงานคนนี้อยู่ในบริษัทงานก็สามารถเดินต่อไปได้
โดยเฉพาะบริษัทที่สลับวันแบ่งทีมกันมาทำงาน
ซึ่งตรงนี้ใครที่เป็นพนักงานบริษัทควรมี่จะปรับตัวมากขึ้น
ทำให้ตัวเองเก่งขึ้น หาทักษะสกิลอะไรเพิ่ม ทำตัวให้โดดเด่นขึ้นมา
หาอะไรที่สามารถทำเพิ่มได้ ให้รู้สึกว่าตัวเราเองมีคุณค่ากับบริษัท
ในช่วงวิกฤตจะเป็นช่วงที่หลายๆคนได้โชว์ศักยภาพของตัวเองให้บริษัทเห็น ว่าเรามีคุณค่ามากแค่ไหนต่อบริษัท
เพราะเราก็ไม่มีทางรู้ในอนาคตแน่นอนว่า
หลังจากวิกฤตครั้งนี้บริษัทจะคัดคนออกไหม
เพราะหลายๆบริษัทเริ่มเห็นโอกาสว่า
ถึงแม้มีคนที่น้อยลงบริษัทก็เดินต่อไปได้ แถมยังลดต้นทุนพนักงานอีกด้วย
CR:Fikri Rasyid
จงสร้างเป้าหมายรายวัน แล้วทำมันให้สำเร็จ โดยการทำ To do list
ลอง list ขึ้นมาในกระดาษว่าวันนี้เรามีงานอะไรต้องทำบ้าง
list เท่าที่คุณนึกขึ้นได้ แล้วถ้าคุณทำเสร็จให้ขีดค่า list ที่ทำเสร็จแล้ว
สิ่งนี้จะทำให้คุณภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
คุณจะรู้สึกเห็นคุณค่าของตัวเองในทุกๆวัน
เราสามารถ list อะไรก็ได้เลยครับ
อาจจะเป็นการออกำลังกายก็ได้ครับ
สิ่งนี้จะทำให้คุณเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
และเพิ่มวินัยในตัวคุณเองด้วย ลองไปทำกันดูนะครับ
CR:Marcos Paulo Prado
Case Study1
Q:ถ้าอยากเริ่มหางานเสริม ควบคู่ไปกับงานประจำ จะเริ่มยังไงดี?
A:ถ้าอยากจะหารายได้เสริม เราก็ต้องมีสกิลบางอย่างที่สามารถเอาไปหารายได้ สกิลการทำขนม สกิลทำอาหาร สกิลวาดรูป
แถมช่วงนี้เป็นโอกาสให้เรามีเวลาว่างได้ลองอะไรหลายๆอย่างด้วย
บางทีเราอาจจะลอง หยิบกระดาษมา1 แผ่น แล้วลอง List สกิล
หรือสิ่งที่อยากลองทำของเราออกมาดูว่ามีอะไรบ้าง
แล้วให้เริ่มลองๆทำเลยครับ ถ้าไม่รู้จะเริ่มทำอะไรจริงๆ
ลองหาทางออนไลน์ดูก็ได้ครับ อาจจะเริ่มดูจากยูทูป
แล้วลองๆทำตามดูได้เลยครับ ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร
เพราะถือว่าอย่างน้อยเราก็ได้เริ่มลองทำอะไรสักอย่างแล้ว
Case Study2
Q:ถ้าในวันนี้จะเริ่มต้นทำอะไรใหม่เพื่อสร้างอาชีพจะเริ่มทำอะไรเพื่อสร้าง
อาชีพ โดยใช้ต้นทุนที่น้อยที่สุด หรือแทบไม่ใช้เลย?
A:อย่างแรกอาจจะต้องเริ่มหาตัวเองมาก่อนว่าตัวเองถนัดอะไร ชอบอะไร
จริงๆทุกทักษะในสมัยนี้เราก็สามารถเรียนรู้มันได้หมดครับ
อยู่ที่ว่าเราสนใจเรื่องอะไร
เราต้องไปหาเอาครับ ว่าอะไรที่สามารถตอบโจทย์ผู้คนได้
ทำให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นอาชีพได้แน่นอนครับ
อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมากมายด้วยซ้ำ
มันอยู่ที่ว่าเราตั้งใจหาความรู้กับมันไหม แค่นั้นเองครับ
ถ้าวันนี้ต้องเริ่มต้นใหม่จาก0 จะเริ่มทำอะไรบ้าง ทำอาชีพอะไร?
ถ้าเริ่มจาก 0 ผมว่าอย่างแรกผมจะเริ่มหาตัวเองก่อนว่าสิ่งที่ผมชอบ
สิ่งที่ผมถนัดคืออะไร บางทีอาจจะไม่จำเป็นที่เราต้องเก่งมากก็ได้
แค่เราฝึกมันไปเรื่อยๆ แล้วมันจะค่อยๆดีขึ้นเอง
อย่างผมตอนแรกผมก็ไม่ได้ถนัดเขียน
แต่ผมก็ฝึกมาเรื่อยๆเพราะรู้สึกว่ามันให้คุณค่ากับผู้คนได้
ถ้าให้กลับไปเริ่มใหม่ ผมก็คงเป็นนักเขียนครับ
เพราะเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้ต้นทุน
แล้วก็สามารถแบ่งปันเรื่องราวดีๆให้กับผู้คนได้
มันอาจจะไม่ใช่ช่องทางที่หารายได้ได้เร็ว
แต่ผมว่ามันก็เป็นอีกช่องทางนึงที่สามารถหารายได้
ได้แต่ก็ต้องใช้วินัยนิยเข้าไปด้วย
จริงไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือวินัยที่จะลงมือทำ
นิสัยอะไรที่คิดว่าทำให้ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้
สำหรับผมนิสัยที่คิดว่าทำให้ประสบความสำเร็จมีอยู่ด้วยกัน2ข้อครับ
1.มีเป้าหมายที่ชัดเจน
เราต้องตั้งเป้าหมายและมีเป้าหมายที่ชัดเจนครับ
อย่างตอนผมอยู่มหาวิทยาลัย
ผมก็ตั้งเป้าว่าอยากจะพูดภาษาญี่ปุ่นให้ได้เหมือนคนญี่ปุ่นเลย
แล้วที่มหาลัยตอนนั้นก็มีให้สอบเขียนคันจิวันละ 25ตัว
ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมาก
ผมตั้งเป้าไว้ว่าผมจะเอาให้เต็มให้ได้ ช่วงนั้นผมก็ฝึกอย่างหนักเลยครับ
อ่านดูภาษาญี่ปุ่น เจอคนญี่ปุ่นก็เข้าไปคุย
ทำให้ผมสามารถทำได้อย่างทุกวันนี้
2.มีวินัยที่สม่ำเสมอ
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรมีเลยคือความมีวินัยในตัวเอง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆครับ
ตอนแรกที่ผมเริ่มทำเพจ ผมเขียนทำมันทุกวันนะครับ ไม่เว้นแม้แต่วันเดียว
เพราะมันจะทำให้เราเกิดวินัยในตัวเอง
อย่างตอนที่สมัครเข้าบริษัทญี่ปุ่นก็เช่นกันครับ
จริงๆมันยากมากครับ ผมต้องเขียนใบสมัครส่งไปกว่า 70ฉบับ
กว่าจะได้เข้าบริษัทของญี่ปุ่น
ผมถึงได้บอกว่าความมีวินัยและความพยายามเป็นสิ่งที่สำคัญมากจริงๆครับ ที่เราต้องฝึกกัน
การที่จะเริ่มต้นทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือวินัยครับ
การที่คุณมีวินัยในตัวเองไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
จะช่วยทำให้คุณประสบความสำเร็จกับสิ่งนั้นแน่นอนครับ
Japan Salaryman
ถ้าชอบ ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติตามได้ที่นี้เลยนะครับ
#welldone Selfmade

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา