10 พ.ค. 2020 เวลา 01:00 • การศึกษา
นิทานเรื่อง: เจ้าของเรือ
"พ่อจ๋า พ่อว่าพ่อเป็นเจ้าของเรือ แต่พ่อต้องล้างเรือเช็ดถูเรือต้องชะโลมน้ำมันให้มันบ่อยๆ พ่อต้องเก็บรักษาแจวพายและเครื่องใช้ในเรือทุกๆอย่างแล้วพ่อก็แจว เมื่อพาพวกเราไปนั่งเรือเล่นพร้อมกับเพื่อนบ้านของเราทุกคนพ่อเหนื่อยเกือบตายทีพวกนั้นทำไมนั่งสบายไม่ช่วยพ่อแจว ไม่ช่วยพ่อเช็ดล้างเรือบ้างเล่าพ่อจ๋า? " หนูจ้อยถามพ่อทำตาแดงๆ
"ก็พ่อเป็น เจ้าของเรือ นี่ลูกเอ๋ย"
"ใครเป็นเจ้าของอะไร ก็ต้องเหนื่อยเกือบตาย ใครไม่เป็นเจ้าของก็สบาย พ่อเห็นว่า มันจะยุติธรรมหรือ?"
"ธรรมเนียม มันเป็นอย่างนั้นเอง ใครเป็นเจ้าของ ก็ต้องทนเหนื่อย ทนหนักใจ"
"แล้วพ่อจะขืน เป็นเจ้าของเรือ ไปทำไม ให้เขาเสีย แล้วขอนั่งกะเขา เป็นครั้งคราว เหมือนที่เขานั่งเรือเรา อย่างสนุกสนาน มิดีกว่าหรือ?"
"ก็ พ่อ อยากจะเป็น เจ้าของเรือสักลำหนึ่ง นี่ลูกเอ๋ย"
"ขออย่าให้ ฉันต้องเป็น เจ้าของเรือ ร่วมกับพ่อ ฉันจะ ไม่ยอมเป็น เจ้าของ อะไรๆ เลย แม้แต่ ตัวของฉันเอง!"
"แล้วลูก จะอยู่ได้อย่างไร?"
"อยู่อย่าง ไม่ต้อง ทนเหนื่อย เหมือนพ่อ และตรงกันข้าม จากพ่อ ทุกประการ!"
ดังนั้น หนูจ้อยจึงกลายเป็นเณรจ้อยไปเพราะเขาไม่อยากเป็นเจ้าของสิ่งใดแต่อยากเป็นอยู่ชนิดที่เขาเห็นว่าตรงกันข้ามจากพ่อทุกประการ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:
ถ้าใครไม่เป็นเจ้าของสิ่งใดกลับจะได้กิน " ไข่แดง " ของสิ่งนั้น(เหมือนคนที่มาพลอยนั่งเรือเล่นกับพ่อ)
ส่วนใครที่เป็นเจ้าของสิ่งใดเขาจะกินได้เพียง " ไข่ขาว " ของสิ่งนั้น ซึ่งบางทีถึงกับอาจจะต้องกินเปลือกไข่ หรือมูลโสโครกที่ติดอยู่กับเปลือกไข่เข้าไปด้วยกัน
ดังนี้แล้วใครจะอยู่ในสภาพที่น่าสงสารกว่าใครในระหว่าง พ่อ-ลูก สองคนนี้เพื่อตอบปัญหาเกี่ยวกับตัวเราโดยตรงสืบไป
โฆษณา