6 พ.ค. 2020 เวลา 08:15 • ความคิดเห็น
เมื่ออเมริกาออกกฎห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ แต่ผลที่ได้กลับทำให้ชาติเสียหายหนัก
ประเทศสหรัฐอเมริกา 🇺🇸 ได้เรียนรู้บทเรียนครั้งใหญ่ตั้งแต่ 100 ปีก่อนแล้วว่า “การคลั่งศีลธรรม” มันส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในปีค.ศ. 1865 ฝ่ายเหนือที่นำโดยอับราฮัม ลินคอล์น เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ ถือเป็นอันปิดฉากการใช้แรงงานทาสไปอย่างสวยงาม
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกากลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลก ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เติบโตเฟื่องฟู ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่กระนั้น . . มันก็ยังมีปัญหาสังคมอยู่เนือง ๆ เช่น การใช้ความรุนแรง & อาชญากรรม
มีกลุ่มคนที่แสวงหาความ “สมบูรณ์แบบ” ให้แก่ประเทศ พวกเขามองว่า ไหน ๆ เราก็กำจัดบาปแห่งทาสไปได้แล้ว เราควรมาขจัดบาปแห่งน้ำเมาไปด้วยเลยสิ เพราะมันคือสิ่งเลวทรามทางสังคม
ถ้าทุกคนเลิกดื่มสุราไปโดยสิ้นเชิง ก็จะช่วยลดปัญหาอาชญากร, ปัญหาคอร์รัปชัน, ปัญหาสังคม, ลดภาระภาษีที่ต้องนำไปจ่ายกับเรือนจำ, รวมถึงช่วยให้ชาวอเมริกันมีสุขภาพที่ดี
1
เกิดการเคลื่อนไหวที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เคร่งศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ ออกมาเรียกร้องให้ยุติการดื่มสุรา และทำโฆษณาชวนเชื่อให้ชาวอเมริกันตระหนักว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเป็นสิ่ง “ชั่วร้าย” ก่อให้เกิดโทษต่อสุขภาพและบุคลิกภาพของผู้ดื่ม รวมถึงส่งผลกระทบกับครอบครัวอีกด้วย
ในปีค.ศ. 1920 สหรัฐฯ ประกาศใช้กฎหมาย Prohibition ห้ามจำหน่าย, นำเข้า, และครอบครองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยมีการบัญญัติไว้ในบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเลยด้วย
(**) อนุญาตให้โบสถ์ใช้ไวน์ในการประกอบพิธีทางศาสนา และให้ร้านขายยาสามารถขายวิสกี้เพื่อใช้รักษาได้ทุกอย่าง เช่น อาการไข้ หรือ ปวดฟัน
เจ้าหน้าที่เทเหล้าเถื่อนทิ้งที่เมืองแซนตาแอน
จับกุมเรือสินค้าที่ขนส่งเหล้ารัมได้
ถังเบียร์จำนวนมากถูกทำลาย
ทว่า . . กฎหมายที่มีจุดตั้งต้นที่ดี กลับจบลงด้วยความล้มเหลวครั้งใหญ่
การทำให้เหล้ากลายเป็น “สิ่งต้องห้าม” ทำให้เกิดองค์กรใต้ดินขึ้นมามากมาย แก๊งพ่อค้ามืดมีอิทธิพลและทำกำไรบานเบอะจากการค้าเหล้าเถื่อน อาชญกรรมพุ่งพรวด ปัญหาคอร์รัปชั่นหนักว่าเดิม
แถมรัฐบาลยังเก็บภาษีได้น้อยลง แล้วต้องนำเงินภาษีไปใช้รับมือกับความเสียหายร้ายแรงที่ตามมา
ขณะเดียวกัน กลุ่มนักบวชหัวใสก็ค้ากำไรด้วยการแอบขายเหล้าให้กับแก๊งมาเฟียและคนทั่วไป
ส่วนร้านขายยา 'วอลกรีนส์' ก็ขยับขยายสาขาจากเดิมที่มี 20 แห่ง กลายเป็น 500 แห่งทั่วประเทศ
มีบาร์ลับ (ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ลับเท่าไหร่หรอก) ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ซึ่งหลายร้านก็มีเจ้าหน้าที่รัฐเองนั่นแหละที่เป็นเจ้าของ
ชาวอเมริกันจำนวนมากหันไปพึ่งสารเสพติดอย่างอื่นแทน เช่น กัญชา, ยาสูบ ซึ่งติดง่ายกว่าเหล้าเสียอีก
อาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม มีการปล้นมากขึ้น เนื่องจากกฎหมายห้ามจำหน่ายสุรานั้นทำให้หลายคนตกงาน ส่งผลให้รัฐต้องเพิ่มงบตำรวจ
นักโทษในเรือนจำที่ควรจะน้อยลง กลับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นว่าต้องนำเงินภาษีไปขยายเรือนจำอีก
มีหลายพันชีวิตที่ต้องสังเวยจากการดื่มเหล้าเถื่อน แถมรัฐบาลต้องสูญงบประมาณมหาศาลไปกับการประกาศใช้กฎหมายงดจำหน่ายสุรา
ท้ายที่สุด . . ก็มีการยกเลิกกฎนี้ไปในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1933
ประธานาธิบดีแฟรงกลิน รูสเวลต์ ถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า
“สิ่งที่ชาวอเมริกันต้องการในตอนนี้ก็คือเหล้า”
,,
ก็นับว่าเป็นเวลาเกือบ 14 ปี ที่ “การทดลองด้านศีลธรรม” ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
แปะลิงก์จ้าาาาาาาา 🤩
โฆษณา