ยิ่งไปกว่านั้นตลาดเกมมือถือเองก็บูมอยู่ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว โดยนับตั้งแต่ปี 2009 (พ.ศ.2552) เป็นต้นมา หลังจากเกม Angry Bird ได้ถูกปล่อยให้เล่นในระบบ iOS มันก็ได้สร้างปรากฏการณ์เกมบนสมาร์ทโฟนขึ้นเนื่องจากระบบการเล่นที่มีความแปลกใหม่, มีความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบการเล่น และในขณะเดียวกันเกมก็สามารถเล่นได้โดยง่ายแม้แต่เด็กๆก็สามารถเข้าใจและเล่นได้ และในขณะเดียวกันเกมก็มีความลุ่มลึกและมีความท้าท้ายที่ยากจะเล่นให้เทพได้ภายในครั้งเดียว ซึ่งตัวระบบการเล่นของเกมนี้จะให้ผู้เล่นควบคุมนกโดยใช้หนังสติ๊กยิงพวกมันให้ลอยไปตกกระแทกทำลายสิ่งกีดขวางต่างๆเพื่อให้สิ่งของเหล่านั้นได้พังทลายลงมากำจัดหมูทุกตัวที่อยู่ในด่านเมื่อกำจัดหมูได้หมดทุกตัวก็ถือว่าเป็นอันจบด่าน ซึ่งความสนุกของเกมนี้อยู่ที่พลังความสามารถที่แตกต่างของนกในแต่ละตัวที่มีความเหมาะสมในการทำลายสิ่งกีดขวางที่แตกต่างในแต่ละสถานการณ์ เช่นนกสีฟ้ามีความสามารถในการแยกร่าง 3 ร่าง ทำให้มันเหมาะกับการเจาะทำลายป้อมปราการที่ทำมาจากแก้วได้เป็นอย่างดี และในขณะเดียวกันก็มีความท้าทายตรงที่เราจะต้องใช้นกให้น้อยที่สุดเพื่อกำจัดหมูทุกตัวซึ่งยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งได้คะแนนสูงมากเท่านั้น ส่งผลให้เกมนี้เป็นที่นิยมและเป็นที่น่าหลงใหลเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เด็กๆรุ่นใหม่จำนวนมากเนื่องจากคาแรคเตอร์ความน่ารักและความเท่ของเหล่านกขี้โมโหพวกนี้ จนทำให้พวกมันได้ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดออกมาเป็นสินค้า Merchandise จำนวนมากมายและถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์Animation ฉายทางโทรทัศน์ถึง 6 ซีรี่ย์และฉายโรงหนัง จำนวน 2 ภาค นับได้ว่าเกมนี้ได้เป็นผู้เปิดประตูโลกของเกมในสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาได้มีเกมมือถือที่มีระบบการเล่นที่มีความแปลกใหม่ที่สนุกสนานและเข้าใจง่ายแถมยังมีความท้าท้ายอีกด้วย ซึ่งเกมเหล่านั้นได้เข้ามาบุกตลาดเป็นจำนวนมากได้แก่เกม Minecraft ,Candy crush ,Temple run , Subway Surfers , Cookie run และ Line Let’s get rich เป็นต้น