Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สมุนไพรไทย TEPTONG
•
ติดตาม
7 พ.ค. 2020 เวลา 04:37 • สุขภาพ
>>> ขิง <<<
ประโยชน์ของขิง ไอเดียการกินการใช้เพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง
สมุนไพรฤทธิ์ร้อน อุดมด้วยประโยชน์หลากหลาย แถมหาได้ง่าย ราคาไม่แพง
ประโยชน์ของขิง ไอเดียการกินการใช้เพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง
[เรื่องควรรู้]
ขิง เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่น และรสเฉพาะตัว แต่สามารถนำมาแปรรูปเป็นของหวาน อาหารคาว หรือเครื่องดื่มได้หลายรูปแบบ สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในขิง มีฤทธิ์ต้านการอาเจียน ช่วยขับลม และลดอาการจุกเสียดได้
ขิง มีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุสำคัญๆ มากมาย เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส จึงมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
สตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ควรระมัดระวังการรับประทานขิง และหากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ขิง มีทั้งประโยชน์ และโทษ หากไม่แน่ใจว่า สุขภาพของคุณเป็นอย่างไร มีอะไรต้องเฝ้าระวังหรือไม่ การสังเกตตนเองและตรวจสุขภาพเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
[สรรพคุณ ประโยชน์ของขิง]
หากเอ่ยถึง “ขิง”(Ginger) เราจะนึกถึงกลิ่นฉุนและรสชาติเผ็ดร้อนเฉพาะตัว เป็นทั้งผัก และสมุนไพรที่นิยมนำมาทำอาหารได้หลายชนิด ((สรรพคุณเด่นๆ)) ที่เรารู้จักกันดี คือช่วยขับลม แต่หลายคนก็ไม่ชอบรสชาติเผ็ดร้อนของมัน ทำให้มักจะเขี่ยทิ้งไปเมื่อเจออาหารที่มาจากขิง จึงพลาดโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากขิงที่มีสรรพคุณเผ็ดร้อน มาดูกันดีกว่า...ว่า นอกจากความเผ็ดร้อนแล้ว ขิงมีสรรพคุณและคุณประโยชน์อะไรอีกบ้าง รับรองว่าจะทำให้คุณหันกลับมารักขิงได้อย่างแน่นอน
[ลักษณะของขิง]
ขิง เป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักและมีการนำมาใช้ประโยชน์ทั้งทางอาหารและยามาอย่างยาวนาน เนื่องจากขิงมีคุณค่าทางอาหาร และโภชนาการสูง ทั้งยังมีสรรพคุณทางยามากนั่นเอง
เหง้าหรือหัว
>> เหง้า << หรือลำต้นใต้ดิน ขิง มีลักษณะขึ้นรวมกันแน่นเป็นกอ โดยลำต้นส่วนที่โผล่พ้นดินขึ้นมาคือลำต้นเทียม ส่วนลำต้นแท้คือ ((เหง้าที่อยู่ใต้ดิน)) เรียกว่า (( แง่ง )) ขิงหรือหัวขิง แง่งขิงจะมีลักษณะเป็นแท่งสั้นๆ มีแง่งย่อยเล็กๆ และจะมีรากฝอยแทงรากออกมา เปลือกแง่งขิงมีสีเหลืองอมขาวนวลๆ เนื้อใยสีเหลือง มีกลิ่นหอม เป็นส่วนของขิงที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ที่สุดส่วนลำต้นเทียมจะมีสีเขียว ลักษณะเป็นปล้องถูกหุ้มด้วยกาบใบ
ลักษณะของขิง
>> ใบ << ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นส่วนหนึ่งของลำต้นเทียม มีสีเขียว ขอบใบเรียบ โคนใบแคบ ปลายใบแหลม มีขนเล็กๆขึ้นตามใบ ใบส่วนยอดจะตั้งตรง ใบที่อยู่ด้านล่างจะโค้งงอลงด้านล่าง เห็นเส้นกลางใบอย่างชัดเจนกาบใบจะห่อหุ้มลำต้นเทียมเอาไว้
>> ดอก << ขิงเป็นพืชที่ไม่ค่อยติดดอก แต่พบบ้างเล็กน้อย โดยดอกจะออกรวมกันเป็นช่อ คล้ายรูปกระบอง แทงดอกออกจากใจกลางเหง้า ก้านดอกสูงประมาณ 15-25 เซนติเมตร ช่อดอกประกอบไปด้วยดอกและกลีบดอกจำนวนมาก เมื่อดอกยังอ่อนกาบดอกจะปิดแน่น และเปิดออกในภายหลัง กลีบดอกอุ้มน้ำ ร่วงไว โคนกลีบม้วน ปลายกลีบผายออก มีเกสรตัวผู้ 6 อัน ในตอนแรกจะมีสีเหลืองอมเขียว เมื่อบานจะเป็นสีแดงสวยงาม
>> ผล << มีลักษณะกลม เปลือกแข็ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม.
[พันธุ์ขิงที่นิยมปลูก]
ลักษณะของต้นขิง
1. พันธุ์ขิงไทย แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ
>> ขิงใหญ่ << แง่งใหญ่ ข้อห่าง เนื้อละเอียดเสี้ยนเนื้อน้อย รสไม่เผ็ดมาก เนื้อในไม่มีสีหรือสีอ่อนจาง ตาขิงกลมมน เหมาะสำหรับทานเป็นขิงอ่อนสดๆ หรือทำเป็นขิงดอง
ขิงเล็ก หรือขิงเผ็ด ลักษณะแง่งเล็กกว่าขิงใหญ่ ข้อถี่สั้น เนื้อมีเสี้ยนค่อนข้างเยอะ มีรสเผ็ดจัดกว่าขิงใหญ่ หากลอกเปลือกออกจะเป็นสีน้ำเงิน หรือน้ำเงินปนอมเขียว ตาขิงแหลม นิยมใช้ทำยาและทำขิงแห้ง แต่ไม่นิยมปลูกขาย
2. ขิงพันธุ์จาไมก้า มีคุณภาพสูง กลิ่นหอม รสชาติอร่อย มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
3. ขิงพันธุ์อินเดีย เป็นขิงที่มีแป้งเยอะและรสเผ็ดจัด มักใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเบียร์
4. ขิงพันธุ์แอฟริกา นำมาจากจาไมก้า แต่เล็กกว่า เปลือกเมื่อตากแห้งจะเหี่ยวย่น สีน้ำตาลเทาเข้ม กลิ่นหอมแรง เนื้อขิงสีน้ำตาลอ่อน มีเส้นใยมาก
5. ขิงพันธุ์จีน แง่งสีขาว เส้นใยน้อยมากหรือไม่มีเลย เหมาะสำหรับทำขิงดองแต่มาเหมาะกับการทำยา
6. ขิงพันธุ์ญี่ปุ่น แง่งมีขนาดเล็ก เปราะ หักง่าย กลิ่นหอมฉุน เส้นใยน้อย เผ็ดจัด
7. ขิงพันธุ์ออสเตรเลีย เป็นขิงที่มีลักษณะพิเศษ คือมีกลิ่นมะนาวมากกว่าขิงสายพันธุ์อื่นๆ
ขิงสด หรือขิงบด
>>> 25 สรรพคุณดีๆ ของ “ขิง” ประโยชน์ในการรักษาโรค <<<
1. ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
2. ขิงมีสรรพคุณช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3. ขิงช่วยให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4. ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสมหะ ทำให้หายใจสะดวก
5. ขิงช่วยแก้อาการวิงเวียน หน้ามืด อาเจียน เมารถ เมาเรือ
6. ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน และเป็นยาระบายอ่อนๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดความอ้วน ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7. ขิงช่วยบำรุงหัวใจ เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
8. ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ และอาหารทะเลได้
9. ประโยชน์ของเนื้อขิงสดๆ ทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10. ขิงช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11. ขิงเป็นสมุนไพรขจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นตัว
12. ขิงมีสรรพคุณแก้ฟันเหลือง ฟันผุ โดยนำขิงแก่มาเคี้ยวสดๆ ช่วยขจัดคราบฟันเหลือง ช่วยบำรุงฟัน แก้ฟันผุได้
13. ขิงมีสรรพคุณลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำ ผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลั้วปากเป็นประจำ จะช่วยจัดการกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างได้ผล
14. ขิงช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงเป็นประจำ แล้วลองสังเกตุว่าอาการปวดจะค่อยๆ ลดลง
15. ขิงช่วยบรรเทาอาการของโรคประสาท การดื่มขิงจะช่วยลดความขุ่นมัวของจิตใจได้
16. ขิงช่วยการไหลเวียนของน้ำนมมารดาให้ดีขึ้น ควรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับหญิงให้นมบุตรเป็นอย่างดี
17. ขิงช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดได้ โดยสรรพคุณของขิงมีส่วนช่วยลดความอยากเสพยาเสพติด
18. ประโยชน์ของขิงช่วยต้านโรคมะเร็ง จากการวิจัยพบว่าสารสำคัญในขิงช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี
19. ขิงช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันสูง และความดันต่ำ ควรฝานขิงสดมาต้มกับน้ำ ดื่มเป็นประจำ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติได้
20. สรรพคุณของขิงช่วยผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับสบาย จึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้มีปัญหานอนไม่หลับ
21. ขิงช่วยบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22. ใบและดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ ป้องกันโรคนิ่วได้
23. ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้
24. เหง้าขิงช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
25. ขิงช่วยแก้สะอึกได้ โดยตำขิงสดให้แหลก คั้นเอาน้ำ แล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน ดื่มแก้สะอึกได้
>>> วิธีทำน้ำขิง <<<
ตัวอย่างน้ำขิง
1. เตรียมส่วนผสมดังนี้ ขิงแก่จัด 1 กิโลกรัม น้ำตาลทราย น้ำสะอาด
2. ปอกเปลือกขิงแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด ทุบพอแตกเพื่อให้น้ำมันหอมละเหยในขิงออกมา
3. นำขิงใส่หม้อ เติมน้ำพอท่วม ต้มจนเดือด เมื่อเดือดแล้วเบาไฟแล้วเคี่ยวต่อจนน้ำต้มขิงเป็นสีเหลือง
4. ยกลงมาพัก สามารถดื่มได้แบบอุ่นร้อนเลยโดยเติมน้ำตาลลงไปเล็กน้อย หรือดื่มแบบเย็นก็ได้โดยใส่น้ำแข็งลงไปเพิ่ม หรือนำไปแช่เย็นแล้วดื่ม
>>> "ขิง" (Ginger) ช่วยลดความอ้วนได้จริงหรือ? <<<
กลิ่น และรส ที่ร้อนแรงของ "ขิง" มีส่วนทำให้การเผาผลาญในร่างกายเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น จึงมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้จริง เพราะนอกจากอุณหภูมิในร่างกายจะร้อนขึ้น ซึ่งช่วยในการเผาผลาญไขมันแล้ว ขิงยังไปกระตุ้นระบบขับถ่าย ทำให้ขับถ่ายได้สะดวกขึ้น ผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอยู่แนะนำให้ดื่มน้ำขิงร้อนหลังมื้ออาหาร จะช่วยสลายพุงได้ อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายหลังมื้ออาหารได้ด้วย เหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่มีอาการปวดท้องเนื่องจากอาหารย่อยยาก
>>> น้ำขิงสมุนไพร สรรพคุณ <<<
ใครที่อยากจะผอม หุ่นสวยด้วยขิง การดื่มน้ำขิงที่ต้มสดๆ จะเป็นวิธีที่ช่วยสลายพุงได้ดีที่สุด อีกทั้งสรรพคุณที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคของขิง ยังทำให้ร่างกายได้ดีท็อกซ์สารพิษไปในตัวด้วย วิธีการทำน้ำขิงนั้นไม่ยากเลยเพียงแค่เตรียมขิงแก่ น้ำเปล่า และอาจเติมน้ำตาลให้มีรสหวานได้ตามความชอบ นำขิงไปล้างให้สะอาด หันเป็นแว่นๆ แล้วนำไปต้มในน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ เคี่ยวจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มๆ เท่านี้ก็จะได้น้ำขิงร้อนๆ ต้มสดใหม่...ดื่มให้เผาผลาญไขมันได้ทุกวันตามที่ต้องการ นอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นยาอายุวัฒนะชั้นดีอีกด้วย
ผิวขาวใส ไร้สิว...ได้ด้วย "ขิง"
ใครว่า "ขิง" บำรุงภายในได้อย่างเดียว ขิงมีประโยชน์กว่านั้นเพราะนอกจากขิงจะช่วยบำรุงร่างกายแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวสะอาด นวลเนียนได้อีกด้วย เนื่องจากขิงมีสรรพคุณที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียทำให้ผิวสะอาดสดใส อีกทั้งยังช่วยสร้างความเนียนนุ่มชุ่มชื่นให้ผิวได้ดีอีกด้วย มาทำความรู้จักกับสูตรขัดผิวให้สวยใสด้วย “ขิง” กันดีกว่า
>>> สูตรขัดผิวด้วย “ขิงผสมนมสด” <<<
ผสมนมสดและขิงสดฝานบางๆ เข้าด้วยกัน ใช้ขัดผิวกายก่อนอาบน้ำจะช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้รอยดำ รอยแผลเป็นหายเร็วขึ้น ช่วยให้ผิวที่หยาบกร้านแลดูนวลเนียนขึ้น
สูตรขัดผิวด้วย “ขิงและผงขมิ้น”
นำขิงสดมาบดละเอียดผสมกับผงขมิ้นขัดผิวก่อนอาบน้ำ ช่วยปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื้น ลดรอยดำ รอยแผลเป็น และฝ้า กระ ให้ผิวกระจ่างใส และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วให้หลุดออกได้ง่ายขึ้น
สูตรขัดผิวด้วย “ขิงและน้ำมันมะพร้าว”
ขิง มีสรรพคุณที่ช่วยรักษาแผลสดได้ แต่นอกจากนี้ยังช่วยสมานแผลที่เกิดจากสิวอักเสบ สิวเป็นหนองได้อีกด้วย นำขิงสดมาฝานบางๆ ขัดที่บริเวณรอยสิว หรือแผลที่เกิดจากการบีบสิว ขัดเบาๆ หลังอาบน้ำและทาน้ำมันมะพร้าวบางๆ ให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วเช็ดออก จะช่วยเยียวยาผิวที่เกิดรอยแผล และรอยแดงจากสิวอักเสบได้ อีกทั้งยังลดอาการคัน และความปวดที่เกิดจากสิวอักเสบได้
ข้อควรระวังในการทานขิง
1. การรับประทานขิงแบบน้ำคั้น ไม่ควรคั้นแล้วดื่มแบบเข้มข้นเกินไปเพราะจะไประงับการบีบตัวของลำไส้ได้
2. ขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ร้อนง่าย เหงื่อออกง่ายหากจะดื่มควรดื่มในปริมาณน้อย
3. การดื่มน้ำขิงมากไปอาจจะทำให้เกิดแผลร้อนในในปากได้
4. ขิงมีสรรพคุณต้านการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นหากใช้ยาละลายลิ่มเลือดอยู่ไม่ควรรับประทานขิง เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการห้อเลือดได้
“ ขิง” ไม่ได้เป็นเพียงสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อการปรับสมดุลร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปวดท้อง วิงเวียนศีรษะได้ด้วย ขิงจึงถือเป็นยาจากธรรมชาติที่ให้ทั้งประโยชน์ และบรรเทาเยียวยาอาการได้ต่างๆ ได้ดี รู้สรรพคุณและประโยชน์ของขิงกันมากอย่างนี้แล้ว...มาดื่มน้ำขิง หรือกินอาหารที่มีขิงเป็นส่วนผสมกันเถอะตรวจสุขภาพแบบต่างๆ ได้ที่นี่)
ขิง (Ginger) เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่โดดเด่นเรื่องรสชาติ และกลิ่น ไม่ว่าจะนำมาแปรรูปทำเป็นเครื่องดื่ม หรือเป็นเมนูของหวาน ต่างก็ล้วนให้สรรพคุณที่ดีต่อร่างกายทั้งสิ้น
บางคนอาจทราบแค่ว่า ขิงช่วยแก้ท้องอืดได้ แต่จริงๆ ยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีกมากมาย
ข้อมูลทั่วไปของขิง
ขิง เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง (Zingiberaceae) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "Zingiber officinale Roscoe" และมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีก เช่น ขิงแกลง ขิงแดง ขิงเผือก สะเอ
ลักษณะของขิง เป็นพืชมีเหง้าใต้ดินเป็นข้อๆ เนื้อในสีขาว หรือเหลืองอ่อน ปลายสุดของข้อจะเป็นที่แทงยอด หรือลำต้นเทียม ลำต้นสูงพ้นพื้นดินขึ้นมา 50-100 เซนติเมตร มีกาบ หรือโคนใบหุ้ม
ลักษณะใบของขิง เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกันเป็นสองแถว ใบรูปหอก ปลายใบสอบเรียวแหลม โคนใบสอบแคบ และจะเป็นกาบหุ้มลำต้นเทียม
ตัวดอกของชิงมีลักษณะเป็นช่อทรงกระบอก แทงขึ้นมาจากเหง้า กลีบดอกสีเหลืองอมเขียว อุ้มน้ำ และหลุดร่วงไว โคนกลีบดอกม้วนห่อ ส่วนปลายกลีบผายกว้างออก ใบประดับสีเขียว มีแต้มแดงตรงโคน ดอกเกสรผู้มี 6 อัน ผลแห้ง แข็ง มี 3 พู
ส่วนที่ใช้เป็นยาและสรรพคุณ
เหง้า สรรพคุณ รักษาอาการแน่นจุกเสียด และอาการอาเจียน
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์
อนุพันธ์ของ Gingerol Shogaol และ Diarylheptanoids มีฤทธิ์ต้านการอาเจียน และช่วยขับลม สารในน้ำมันหอมระเหย เช่น Menthol Cineole มีผลลดอาการจุกเสียดได้
คุณค่าทางโภชนาการของขิง ขิง 100 กรัม ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่ และให้คุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
โปรตีน 0.4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 4.4 กรัม
ไขมัน 0.6 กรัม
เส้นใยอาหาร 0.8 กรัม
เหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
แคลเซียม 18 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 22 มิลลิกรัม
เบต้า-คาโรทีน 10 ไมโครกรัม
วิตามินซี 1 มิลลิกรัม
ไธอะมีน 0.02 มิลลิกรัม
ไนอะซีน 1 มิลลิกรัม
ไลโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
ประโยชน์ของขิง
ขิงอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต เส้นใย และโปรตีน
อีกทั้งทุกส่วนของขิง เช่น ราก เหง้า ต้น แก่น ดอก ใบ และผล ล้วนนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด
ขิงไม่เพียงแต่มีประโยชน์เฉพาะทางด้านการประกอบอาหาร หรือทำให้รสชาติอาหารดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ทางด้านอื่นๆ รวมถึงมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายหลายด้าน ประโยชน์เหล่านั้นมีดังนี้
1. แก้อาการเมารถเมาเรือ
ขิงถือว่า มีกลิ่นที่แรง บวกกับการมีรสชาติที่เผ็ดอมเปรี้ยว จึงช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้ นอกจากนี้ ขิงยังช่วยแก้อาการแพ้ท้องสำหรับสตรีตั้งครรภ์ได้ กรณีที่ตั้งครรภ์ หากรับประทานขิงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย
2. แก้ปัญหาผมขาดร่วง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมขาดร่วง แนะนำให้นำเหง้าขิงสดไปผิงไฟจนอุ่นแล้วนำมาตำให้แหลก จากนั้นนำมาพอกบริเวณที่มีผมขาดร่วงวันละ 2 ครั้ง จนกว่าอาการจะดีขึ้น
อีกวิธีคือ นำน้ำขิงสดคั้นผสมกับน้ำมันมะกอก จากนั้นนำมาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีจึงล้างออก วิธีนี้จะช่วยลดปัญหาผมขาดร่วงได้ดี พร้อมทั้งช่วยให้สุขภาพผมแข็งแรง นุ่มลื่น และไม่ขาดง่าย
3. ช่วยลดอาการท้องอืด
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ขิงช่วยบรรเทาอาการท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อยได้ เพียงแค่จิบน้ำขิง หรือจะรับประทานสดๆ ก็จะช่วยรักษาอาการดังกล่าวได้แล้ว อีกทั้งขิงยังช่วยขับลม ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้อย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วย
4. บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน
เมื่อมีอาการวิงเวียนศีรษะ หรือเกิดอาการเมารถเมาเรือ มักจะใช้ขิงช่วยบรรเทาอาการ มีการศึกษาวิจัยค้นพบว่า ขิงมีส่วนช่วยในการป้องกัน และบรรเทาอาการอาเจียนหลังจากผ่าตัดได้ นอกจากนี้ขิงยังช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ และอาเจียนสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับเคมีบำบัดได้ด้วยเช่นกัน
5. บรรเทาอาการไมเกรน
ขิงสามารถบรรเทาอาการอาการปวดหัวไมเกรนได้ด้วย จากการศึกษาพบว่า การรับประทานขิงในช่วงที่อาการปวดไมเกรนกำลังกำเริบทำให้อาการปวดลดลง เพราะขิงจะช่วยยับยั้งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับอาการอักเสบได้
นอกจากนี้ ขิงยังช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบได้ด้วยเช่นกัน มีการค้นพบว่า ผู้ที่มีอาการโรคข้อเข่าเสื่อม หรือเป็นโรครูมาตอยด์ อาการจะลดลงเมื่อรับประทานขิงผงเป็นประจำทุกวัน
มีการศึกษาในปี 2015 พบว่า ขิงอาจมีประโยชน์ และปลอดภัยกับโรคข้อเข่าเสื่อม แต่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
6. ลดความเสี่ยงของการเกิดความดันโลหิตสูง
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีรสจัด และเป็นสมุนไพรที่มีโซเดียมที่ต่ำมาก ซึ่งอาหารที่มีโซเดียมต่ำจะช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
7. ลดระดับน้ำตาลในเลือด
ขิงมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ควรบริโภคตามคำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากขิงอาจไปทำปฏิกิริยากับยาที่รับประทานอยู่ได้
นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังต้องติดตามผลของระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด หากรับประทานมากเกินไปก็จะทำให้ระดับอินซูลินลดลง และอาจทำให้ร่างกายอยู่ในขีดอันตรายได้
8. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
ขิงมีคุณสมบัติที่ช่วยต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาพบว่า ขิง ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งในรังไข่ตายได้ เพราะสารเคมีในขิงจะไปกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส (Glutathione S-Transferases: GSTs) ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้ คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้
9. รักษากรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน เป็นภาวะที่เกิดจากกรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมายังหลอดอาหาร ส่งผลทำให้หลอดอาหารอักเสบได้ แต่ขิงสามารถช่วยรักษากรดไหลย้อนได้เช่นกัน
วิธีทำง่ายๆ โดยการนำขิงแก่สด 2-3 แง่ง มาทุบให้ละเอียด จากนั้นต้มในน้ำเดือด ปิดไฟ รอให้อุ่น แล้วกรองมาดื่ม หรืออาจจะจิบในระหว่างวันบ่อยๆ จะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้
10. ช่วยรักษาโรคต่างๆ อีกมากมาย
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น ขิงยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย เช่น รักษาแผลน้ำร้อนลวก แก้อาการแพ้อาหารทะเลชนิดที่ผื่นคัน รักษาลมพิษ รักษาแผลเริมบริเวณแผ่นหลัง รักษาอาการปวดข้อ ช่วยฆ่าพยาธิ รักษาโรคนิ่ว
ที่สำคัญขิงยังเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียด้วย
>>> เมนูเพื่อสุขภาพ <<<
อาหารคาวและหวาน
ขิง นำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่ม เพราะถึงแม้จะมีฤทธิ์เผ็ดร้อน แต่ก็ช่วยให้อาหารมีรสชาติดีขึ้นได้มาก ที่สำคัญคือ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี
1. มันต้มขิง
เมนูของหวานที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากมันต้มขิงจะช่วยให้อิ่มท้องและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
วิธีทำไม่ยาก เพียงแค่นำมันมาปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้น (สามารถใช้มันม่วงได้) นำมันไปต้มให้สุก แล้วนำมาต้มกับน้ำเปล่าที่ทุบขิงใส่ไว้ หากใช้ขิงแก่จะเผ็ดมากกว่าการใช้ขิงอ่อน เมื่อน้ำเดือดก็สามารถใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อมได้ตามชอบ
2. เมนูผัดพริกขิง
วัตถุดิบที่เป็นเนื้อสัตว์ทุกชนิด สามารถนำมาผัดพริกขิงได้ สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือรับประทานเจ ก็สามารถใช้โปรตีนเกษตรทดแทนได้
วิธีทำไม่ยาก เพียงแค่เตรียมพริกแกงที่โขลกพร้อมกับขิงไว้แล้ว มาใช้ผัดให้เข้ากัน โรยหน้าด้วยใบมะกรูดซอย และขิงซอยอีกครั้ง ก็ตักเสิร์ฟได้
3. หมู/ไก่ ผัดขิง
เมนูนี้จะออกรสชาติของขิงมากเป็นพิเศษ วิธีทำคือ หั่นหมู/ไก่เป็นชิ้นเล็กๆ ตั้งกระทะแล้วเจียวกระเทียมก่อน จากนั้นใส่เนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ลงไป ใส่ขิงซอย เห็ดหอม เห็ดหูหนู ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรสตามที่ต้องการ ผัดต่อไปให้เนื้อสัตว์สุก และขิงนิ่มลง จากนั้นปิดไฟตักใส่จาน
4. ไข่ต้มขิง
เปลี่ยนเมนูไข่ต้มธรรมดาให้เป็นไข่ต้มสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการต้มไข่ให้สุก ปอกเปลือก แช่ไว้ในน้ำเย็นก่อน จากนั้นให้ต้มน้ำจนเดือด ใส่ซุปก้อนลงไป เตรียมหม้ออีกใบเพื่อต้มน้ำเช่นกัน แต่หม้อนี้จะใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเพื่อเคี่ยวให้เป็นคาราเมล
เมื่อเหนียวและสีเปลี่ยนแล้วให้ใส่น้ำซุปลงไป เติมโชยุเล็กน้อย เอาไข่ต้มลงมาคลุกกับซอสนี้เพื่อให้เปลี่ยนสีสวยงาม
เมื่อไข่ต้มเปลี่ยนสีหมดแล้ว ก็ให้เอาน้ำซุปทั้งหมดเทลงไป เติมขิงซอย แล้วเคี่ยวจนกว่าน้ำจะลดลงเหลือแค่ 1/4 ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5. แปรรูปเป็นเมนูต่างๆ
เรายังสามารถนำขิงมาใช้ในการแปรรูปเป็นเมนูอร่อยได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบัวลอยน้ำขิง ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแช่อิ่ม และน้ำขิงมะนาว
>>> การใช้ขิงเพื่อสุขภาพ <<<
ขิง เป็นสมุนไพรไทยที่สามารถใช้ในการรักษาโรคได้อย่างหลากหลายดังนี้
1. ลดระดับความดันโลหิตในร่างกาย
ลดความดันโลหิตสูงได้ด้วยการรับประทานขิง เพียงแค่ฝานขิงสดบางๆ ต้มกับน้ำดื่มพอประมาณ ดื่มทุกวัน วันละ 1 แก้ว จะช่วยรักษาอาการความดันโลหิตสูงได้
2. บรรเทาอาการไข้สูง
เมื่อมีไข้สูงก็สามารถบรรเทาอาการไข้ด้วยขิงได้เช่นกัน โดยนำขิงสดมาคั้นให้ได้น้ำ 1/2 ถ้วย ผสมกับน้ำอุ่น และน้ำผึ้งเพื่อลดความเผ็ดร้อนลง จิบบ่อยๆ หรือดื่มวันละ 3 ครั้ง ไข้จะค่อย ๆ ลดลง
3. รักษาโรคหวัด
ขิง นำมาใช้เพื่อรักษาอาการไข้หวัด มีเสมหะได้ โดยให้นำขิงสดมาฝนกับน้ำมะนาวให้ได้น้ำข้นๆ ผสมเกลือลงไปเล็กน้อย รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง
4. รักษาอาการศีรษะล้าน
นำเหง้าขิงสดไปผิงไฟให้อุ่นจัด แล้วนำมาตำให้แหลกก่อนจะนำไปพอกบริเวณที่ผมร่วง หรือผมบางเป็นพิเศษ ควรพอกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งติดต่อกัน 1 สัปดาห์จึงจะเห็นผล
ถ้าหากไม่สะดวกจะใช้วิธีนี้ให้คั้นน้ำขิงนำมาผสมกับน้ำมันมะกอกในอัตราเท่าๆ กัน แล้วนำมาใช้นวดศีรษะทิ้งไว้ 30 นาที นอกจากจะช่วยลดปัญหาผมร่วง และหัวล้านแล้ว ยังทำให้เส้นผมแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย
5. บำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียน
อยากมีผิวที่สวยเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ทำได้ง่ายๆ ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอย จากนั้นนำมานวดที่บริเวณต้นขา ก้น รวมทั้งบริเวณที่มีเซลลูไลท์ เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความขรุขระของผิว ทำให้ผิวกลับมาสวยเรียบเนียนเหมือนเดิม
6. ใช้ล้างปากหลังรับประทานอาหาร
จะเห็นได้ว่า อาหารญี่ปุ่นจะมีจานสำหรับใส่ขิงดองเพราะคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานขิงดองล้างปากหลังรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารจานเดิมติดอยู่ในปากจนทำให้เกิดความรู้สึกเลี่ยนจนไม่สามารถรับประทานเมนูต่อไปได้
ที่สำคัญ (( ขิงดอง)) ยังช่วยทำให้เราลิ้มรสอาหารจานต่อไปได้เต็มที่
7. ดับกลิ่นในช่องปาก
อีกหนึ่งคุณประโยชน์ของขิงคือ ช่วยลดกลิ่นปาก โดยนำขิงมาคั้นแล้วผสมกับน้ำอุ่น ผสมเกลือลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำมาบ้วนปาก แค่นี้ก็ช่วยลดกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังช่วยรักษาภาวะน้ำลายมาก และอาเจียนเป็นน้ำใสได้เช่นกัน
8. รักษาอาการปวดฟัน
การรักษาอาการปวดฟันด้วยขิงนั้น ทำได้ง่าย โดยการนำขิงแก่มาทุบละเอียด จากนั้นนำไปคั่วกับสารส้มจนเกรียม บดให้เป็นผง แล้วพอกบริเวณฟัน วิธีนี้ช่วยรักษาอาการปวดให้หายได้เป็นปกติ
9. แก้อาการสะอึก
เมื่อมีอาการสะอึก แนะนำให้นำขิงสดมาตำให้จนแหลกเพื่อคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นนำมาผสมกับน้ำผึ้งแท้เพียงเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วดื่ม สักพักอาการสะอึกจะหายไป
>>> ข้อควรระวังเกี่ยวกับขิงที่ควรรู้ <<<
แม้ว่าขิงจะมีประโยชน์หลากหลาย แต่อย่าลืมว่าขิงมีฤทธิ์เผ็ดร้อน หากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดแผลในปากได้
ขิง มีสรรพคุณต้านการแข็งตัวของเลือด หากคุณมีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเลือด หรือกำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ไม่ควรรับประทานขิงเป็นอันขาด หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
ไม่ควรรับประทานขิงเกินวันละ 4 กรัมต่อวัน เนื่องจากอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์จึงไม่ควรรับประทานขิง อย่างไรก็ตาม บางการศึกษากลับให้ข้อมูลว่า ขิงไม่ส่งผลเสียแต่อย่างใด ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ ควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย