FOCUS : จีนเริ่มปรับใช้ Digital Yuan !! พร้อมเปิดเผยเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะเพิ่มบทบาทเข้ามาสู่ระบบการเงินโลก แทนการใช้เงินดอลลาร์
ประเทศจีน จะเริ่มปรับใช้ช่องทางการชำระเงินแบบใหม่ใน 4 เมืองหลักของประเทศภายในสัปดาห์หน้านี้ !! ซึ่งสกุลเงินที่ว่านี้ก็คือ "ดิจิทัลหยวน" หรือที่รู้จักกันในชื่อ e-RMB นั่นเอง
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางของจีนได้เร่งพัฒนาเงินสกุล "ดิจิทัลหยวน" อย่างจริงจัง และยังตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้สกุลเงินดังกล่าวกลายเป็นระบบการเงิน Digital หลักแห่งแรกของโลก ที่มีประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรองรับอย่างเป็นทางการ
สำนักข่าว China Daily ซึ่งเป็นสื่ออย่างเป็นทางการของรัฐบาลจีนกล่าวว่า ในปัจจุบัน ประเทศจีนได้มีการปรับเปลี่ยนระบบสกุลเงินภายในประเทศใน 4 เมืองหลัก ๆ แล้วดังนี้
(1.) Shenzhen (เซินเจิ้น)
(2.) Suzhou (ซูโจว)
(3.) Chengdu (เฉิงตู)
(4.) Xiong An (สงอัน)
โดยลูกจ้างที่เป็นข้าราชการ และลูกจ้างบริษัทเอกชน ในทั้ง 4 เมืองจะได้รับเงินเดือนของพวกเขาผ่านระบบดิจิทัลหยวน เริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป
สำนักข่าว Sina News กล่าวว่า สกุลเงินนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการขนส่งสำหรับเมือง Suzhou แต่สำหรับเมือง Xiong An นั้นเป้าหมายจะพุ่งไปที่อุตสาหกรรมด้านอาหารและการค้าปลีก
นอกจากนี้ รายงานบางแห่งยังกล่าวอีกว่าบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง McDonald's ได้ตกลงที่จะเข้าร่วมทดสอบโครงการนี้ โดยสำนักข่าวแห่งอื่น ๆ ได้ติดต่อไปหา McDonald's แล้วแต่ยังไม่ได้มีการแถลงข่าวออกมาแต่อย่างใด
ตัวอย่าง Platform อื่น ๆ ที่ได้เข้าร่วมกับสกุลนี้แล้วก็เช่น Alipay ซึ่ง Alibaba เป็นเจ้าของอยู่ และ WeChat Pay ซึ่ง Tencent เป็นเจ้าของอยู่
โดย Digital Yuan นี้จะมีธนาคารกลางของจีนเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งแตกต่างจาก Bitcoin และ Cryptocurrency อื่น ๆ ที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อผู้ถือครอง และมีการกระจายอำนาจในการควบคุม
และสิ่งที่ World Maker คิดว่าน่าสนใจมาก ๆ สำหรับ Digital Yuan ก็คือ
Xu Yuan รองศาสตราจารย์ที่สถาบันวิจัยและการพัฒนาแห่งชาติของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวกับนักข่าวของ CCTV ว่า "รูปแบบการทำธุรกรรมของ Digital Yuan นั้นจะเป็นแบบ Offline ซึ่งจะทำให้ แม้แต่ธนาคารกลางของจีน ก็จะไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตามเวลาจริง"
นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ๆ !! นั่นเพราะหากใช้งานได้จริง มันจะมีความปลอดภัยอยู่ในระดับ Top Security Level เลยทีเดียว และที่สำคัญคือมันจะไม่จำเป็นต้องเพิ่งระบบ Internet ใด ๆ สำหรับการรับ-โอนเงิน !!! (สหรัฐฯ มีหนาวแน่ครับเรื่องนี้)
China daily ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า "เงินดิจิทัลหยวนของประเทศจีน จะกลายเป็นช่องทางเลือกที่ใช้แทนระบบเงินดอลลาร์ และจะตัดผลกระทบจากการคว่ำบาตร หรือมาตรการกีดกันต่าง ๆ ในระดับประเทศ และระดับบริษัท"
"ยิ่งไปกว่านั้น มันจะกลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบการเงินทั่วโลกในอนาคต ซึ่งสามารถลดผลกระทบจากการกีดขวางทางการเมือง"
โดยสรุปแล้วก็คือ จีนมองผลกระทบต่อเงินดอลลาร์ สำหรับการกำเนิดของเงินดิจิทัลหยวนไว้ 3 ขั้นตอนดังนี้
(1.) Demand ของเงินดอลลาร์ทั่วโลกจะลดลง เนื่องจากดิจิทัลหยวนจะกลายเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่นักลงทุนทั่วโลก
(2.) ค่าเงินดอลลาร์จะลดลงอย่างมาก จาก Demand ที่ลดลงเรื่อย ๆ เสริมกับนโยบายทางการเงินตลอด 20 ปีที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนให้คนเป็นหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา
(3.) อำนาจในการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะลดลง เนื่องจาก Demand และค่าเงินที่ลดลง รวมถึงการเข้ามามีบทบาทในระบบการเงินโลกมากขึ้นของดิจิทัลหยวน จะทำให้ขั้วอำนาจ และการตัดสินใจเรื่องสำคัญ รวมถึงระบบการชำระเงินของโลก ไม่ต้องขึ้นอยู่กับสหรัฐฯ อีกต่อไป
ทั้งนี้ สำนักข่าว China Daily ยังชี้ให้เห็นสิ่งที่น่าสนใจ (ซึ่ง World Maker พูดถึงอยู่บ่อย ๆ) อีกอย่างหนึ่งก็คือ
ขณะที่การว่างงานของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นสูงกว่า 9 เท่าของวิกฤตทางการเงินโลกเมื่อปี 2008 และจำนวนผู้ติดเชื้อ รวมถึงผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในขณะนี้ มีจำนวนมากที่สุดในโลก มิหนำซ้ำ ประเทศก็ยังอยู่ในมาตรการ Lockdowns รวมถึงราคาน้ำมันที่ล่มสลายไปจนถึงจุดติดลบ
"แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นตลอด 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา"
ซึ่งเรื่องนี้ China Daily ให้ความเห็นว่ามันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในภาค Real Sectors ของเศรษฐกิจโลกเลย
"บางทีตลาดหุ้นอเมริกาควรตื่นขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจให้มากกว่านี้" China Daily กล่าว
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
- 114
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
