7 พ.ค. 2020 เวลา 10:09 • ธุรกิจ
ประวัติ Jho Low ตอนที่ 17 : The Empire Strikes Back
ในบ่ายวันที่อากาศร้อนอบอ้าวในช่วงปลายเดือนมิถุนายน Xavier Justo ในขณะที่กำลังผ่อนคลายอยู่ที่วิลล่าของเขาบนเกาะสมุยในประเทศไทย ทันใดนั้น ตำรวจไทยที่ติดอาวุธครบมือ ได้บุกเข้ามา แล้วทำการเข้าชาร์จเขาอย่างรวดเร็ว และมัดมือของเขาแน่น ตำรวจได้ทำการบุกค้นสำนักงานและนำเอาคอมพิวเตอร์และเอกสารอื่น ๆ และพาตัวเขาบินมากรุงเทพแบบทันที
ประวัติ Jho Low ตอนที่ 17 : The Empire Strikes Back
เขาถูกกล่าวหาในคดีพยายามแบล็กเมล์ และ ขู่กรรโชกทรัพย์ โดยเมื่อเขาได้เดินทางมาที่เรือนจำในกรุงเทพ ก็มีเพื่อนอดีตนักสืบตำรวจชาวอังกฤษ Paul Finnigan ได้เข้ามาเยี่ยม โดยทาง Finnigan ได้เสนอข้อตกลงกับ Justo ให้สารภาพผิด และเขาจะช่วยเหลือให้ออกจากคุกได้ก่อนวันคริสต์มาส
ดูเหมือนทางฝั่ง PetroSaudi นั้นจะเกรงกลัวข้อมูลเหล่านี้ที่จะหลุดออกไป จึงได้ส่งทั้ง Finnigan รวมถึง Mahony มาเสนอข้อตกลงกับ Justo ซึ่งแน่นอนว่าในสภาพตอนนั้น เขาก็ต้องยอมเซ็น “รับสารภาพ” ซึ่งเขาได้ขอโทษ PetroSadui ที่ขโมยเอกสารต่าง ๆ จาก Server ออกมา
เรียกได้ว่าเป็นการร่วมมือกับของทั้ง Najib และ PetroSaudi ที่จะผลักเรื่องราวต่าง ๆ ออกไป และลดความน่าเชื่อถือของ Justo และพยายามลดทอนความหนักแน่นของหลักฐาน email ต่าง ๆ ที่ Justo ได้รับมา
“เราตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมที่น่าเศร้า และโดนใส่ร้ายจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านของมาเลเซีย” PetroSaudi กล่าวในแถลงการณ์
วันรุ่งขึ้นหลังจากการจับกุม New Straits Times หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่สนิทสนมกับ Najib ได้ตีพิมพ์บทความ ที่อ้างถึงบริษัท Protection Group International ซึ่งเป็นบริษัท ที่ทำธุรกิจการรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ ที่ได้กล่าวอ้างถึง หลักฐาน email ที่รั่วไหลออกมานั้น มีการปลอมแปลม ซึ่งเป็นหลักฐานที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งหลังจาก มีการตีพิมพ์เรื่องดังกล่าว Low ก็ได้ส่งต่อเรื่องราวนี้ไปยัง Al Mubarak พันธมิตรของเขาที่ Mubadala อย่างรวดเร็ว เพื่อหลอกพันธมิตรของพวกเขาในอาบูดาบีให้เข้าใจว่า email ที่หลุดออกมาของ PetroSaudi นั้นเป็นของปลอม
Nabji Razak ก็ได้เล่นบทโหดสอดรับทันที ด้วยการไล่รองนายกรัฐมนตรี Muhyiddin และสมาชิกคณะรัฐมนตรีอีกสี่คนออกทันที และได้ทำการระงับการไต่สวนของคณะกรรมการในเรื่อง 1MDB รวมถึงพยายามปฏิเสธเหล่านักวิจารณ์คนอื่น ๆ รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่กำลังใส่ร้ายเขา และสั่งให้กระทรวงมหาดไทย ระงับใบอนุญาต สื่อ The Edge เป็นเวลา 3 เดือน โดยอ้างว่ารายงานเรื่อง 1MDB ของ Edge นั้นอาจนำไปสู่ความขัดแย้งขอบคนในประเทศ
แต่นอกประเทศนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อในเดือนสิงหาคม อัยการสูงสุดของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศว่าจะทำการสอบสวนทางอาญาเกี่ยวกับธุรกรรมของ 1MDB และทำการระงับบัญชีหลายบัญชีที่เกี่ยวข้องที่มีมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อบัญชีจำนวนมากทั้งในสิงคโปร์ และ สวิตเซอร์แลนด์ของ Low ถูกปิดลง เขาจึงได้ทำการเคลื่อนย้ายเงินไปยังที่ที่ไกลที่สุด ทำให้เขาเริ่มต้องพึ่งพาเงินบาทของไทย หรือ ธุรกรรมในเงินหยวนของจีนเพิ่มมากขึ้น
เริ่มมีการประท้วงในเมืองหลวง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ของประเทศมาเลเซีย เมื่อชาวมาเลเซียกว่า 1 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาววัยทำงาน ต่างพากันเดินขบวนล้อมรอบเมืองหลวง และสวมเสื้อยืดสีเหลืองที่มีสโลแกน “Bersih” ซึ่งมีความหมายว่า “สะอาด”
ประชาชนเริ่มออกมาประท้วงใจกลางเมืองหลวงของมาเลเซีย
แม้กระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ ผู้ยังมีอำนาจบางส่วนอยู่ในพรรค UMNO ก็สวมชุดซาฟารีเข้าร่วมการชุมนุมด้วย โดยเรียกร้องให้ Najib ลงจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด เหล่าผู้ประท้วง ต่างมีความกลัวว่า หนี้สินก้อนใหญ่ที่ 1MDB สร้างขึ้นนั้น จะส่งผลกระทบต่อมาเลเซียเป็นเวลาไปอีกหลายปี
แต่ Najib ก็ยังสู้ไม่ถอย เพราะเขามั่นใจในความบริสุทธิของตัวเอง Kevin Morais หนึ่งในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริจของมาเลเซีย ที่เขามาเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นกับ Najib เพราะเป็นคนตรวจสอบโดยตรงของเส้นทางการเงินจาก 1MDB ไปยังบัญชีของ Najib และเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่างข้อกล่าวหาทางอาญาต่อนายกรัฐมนตรี
ซึ่งในสถานะดังกล่าว เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะ Najib นั้นยังอยู่ในอำนาจ และมีอำนาจมากกว่าที่หลายคนคิด ซึ่งเพียงไม่นาน Najib ได้ทำการไล่อัยการสูงสุดของประเทศ Patail ออกจากตำแหน่ง ตำรวจได้เข้าจับกุมเจ้าหน้าที่สองคนจากคณะกรรมการและอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด และตำรวจได้ออกหมายจับ Rewcastle-Brown แต่เธอปลอดภัยเนื่องจากหนีไปลี้ภัยอยู่ที่ สหราชอาณาจักร
และ Morais นั้นได้กลายเป็นเป้าที่ถูกโจมตี ซึ่งเขาได้ถูกสังหารโหดในท้ายที่่สุด ด้วยการถูกมัดศพลงกระสอบ และนำไปใส่ถังน้ำมันและเติมด้วยคอนกรีตเหลวก่อนถูกทิ้งในที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งรถยนต์ที่ Morais ขับมานั้น ก็โดนจุดไฟเผาทิ้ง ก่อนจะถูกนำไปทิ้งในสวนปาล์ม
เรียกได้ว่า การลอบสังหารครั้งนี้อย่างฉับพลันของเหยื่อที่เป็นคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตของมาเลเซีย ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตในครั้งนี้เริ่มกลัว และไม่กล้าที่จะทำการตรวจสอบ เพราะกลัวจะลงเอยแบบ Morais
แต่ถึงแม้ว่าภายในมาเลเซียนั้น Najib จะกุมอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ในต่างประเทศนั้นมันเป็นอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้เลย แม้ฝ่ายบริหารของ Najib นั้นมีความมั่นใจส่วนตัวว่าชาติตะวันตกจะไม่ดำเนินการสอบสวนในเรื่อง 1MDB เนื่องจากการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของ Najib กับประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในยุคของประธานาธิบดี โอบามา
แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้เริ่มเห็นร่องรอยของการสอบสวนที่มาจากองค์กรที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกาอย่าง FBI แม้ความพยายามของ Najib นั้น ได้สั่งให้ทีมงานและทนายของเขาไม่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ และทำให้ชาวต่างชาติไม่สามารถเข้าถึงเอกสารสำคัญของธนาคารในมาเลเซียได้
ตัว Najib เองได้เตรียมตั้งป้อมปราการเพื่อตอบโต้กลับสื่อที่คอยจ้องทำลายเขา กองทุน 1MDB ที่นำโดย Arul Kanda ที่กลายมาเป็นขุนพลคู่ใจคนใหม่ของ Najib ในการตอบโต้ประเด็นดังกล่าว Arul Kanda นั้นมีฝีปากระดับเทพ เพราะเป็นอดีตแชมป์การโต้วาทีระดับมัธยมปลายมาก่อน และได้ออกมากล่าวหาหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่กำลังขุดคุ้ยเรื่องนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสมคบคิดทางการเมืองเพื่อล้ม Najib
Paul Stadlen ชายหนุ่มชาวอังกฤษที่เป็นทีมงานของ Najib ก็ออกมาตอบโต้สื่อจากฝั่งตะวันตกเช่นเดียวกัน
“WSJ ยังคงรายงานการโกหกโดยไม่ระบุชื่อที่เป็นข้อเท็จจริง” เขากล่าว “เป็นสิ่งที่น่าอับอายต่อวงการสื่อสารมวลชน”
แม้จะมีการรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับกองทุน 1MDB ที่มาจาก Sarawak Report อย่างต่อเนื่อง และพยายามเชื่อมโยงกับ Najib , Rosmah และ Al Qubaisi ในรายงานของ Sarawak Report พยายามแสดงให้เห็นว่า Najib เป็นคนตัดสินใจทุกอย่างของ 1MDB ส่วน Jho Low นั้นเป็นเพียงคนที่อยู่เบื้องหลัง และพยายามซ่อนตัวเพื่อปกปิดตัวตนไม่ให้เชื่อมโยงมาที่เขา
FBI ของสหรัฐเริ่มเข้ามาสืบสวนสอบสวนประเด็นดังกล่าว
ซึ่งรวมถึงการรายงานจาก Wall Street Journal (WSJ) สื่อชื่อดังจากฝั่งตะวันตกเช่นเดียวกัน และมันทำให้ Tom Wright ที่เดินทางมาทำข่าวที่ประเทศมาเลเซียซึ่งเดินทางมาพักที่โรงแรม แชงกรีล่าในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ นั้นต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ตำรวจได้บุกจับกุมตัว Wright ถึงโรงแรม แต่โชคดีที่เขาได้ข่าวจากเพื่อร่วมงานก่อนทำให้สามารถหนีออกไปได้ทัน โดยเดินทางข้ามประเทศไปยังชายแดนทางด้านสิงค์โปร์แทน
ไม่นานหลังจากนั้น WSJ ก็ได้รายงานว่า FBI ของสหรัฐได้ตรวจสอบอย่างเป็นทางการในเรื่อง 1MDB และ Najib Razak และในไม่ช้า Mahony ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่สุด จะได้รับหมายศาลจากสหรัฐเพื่อมาให้การเป็นพยาน มัดตัว Najib
Najib เตรียมตอบโต้กลับ ด้วยการจ้าง Boies, Schiller & Flexner ซึ่งร่วมก่อตั้งโดย David Boies ซึ่งเป็นทนายความชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงเพื่อเป็นตัวแทนของพวกเขา โดยทางบริษัทได้ส่งนักกฏหมายมือดีอย่าง Matthew Schwartz ให้กับลูกค้ารายใหม่ของเขา
ต้องบอกว่า Schwartz นั้นเป็นคนที่รู้เรื่องราวของอาชญกรรมทางการเงินเป็นอย่างดี ซึ่งอดีตเคยเป็นทีมงานด้านกฏหมายคนสำคัญที่ประสบความสำเร็จในคดีประวัติศาสตร์ของ Bernie Madoff
มาถึงตอนนี้เราจะเห็นได้ถึง การกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จของ Najib Razak และเขาก็ไม่ยอมที่จะถูกกล่าวหาเพียงฝ่ายเดียว และพร้อมที่จะใช้อำนาจที่มีของเขานั้นทำลายศัตรูในทุกวิถีทาง ซึ่งเดิมพันของเขาในเรื่องนี้นั้นยิ่งใหญ่นัก และเรื่องราว ๆ ต่าง มันเริ่มเดินทางมาไกลเกินกว่าที่เขาจะยอมถอยได้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับเรื่องราวทั้งหมดของ 1MDB , Najib Razak และ Jho Low โปรดอย่าพลาดติดตามต่อตอนหน้าครับผม
อ่านตอนที่ 18 : The Dragon Power
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา