7 พ.ค. 2020 เวลา 08:28
งาดำเเละเซซามิน
งาดำ จัดเป็นธัญพืชที่รู้จักกันดีตั้งแต่โบราณกาลไม่น้อยกว่า 4.000 ปีมาแล้ว เป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายและมีคุณค่าทางโภชนา การและประโยชน์สูง เนื่องจากในเมล็ดงาดำมีโปรตีนสูง มีอะมิโนแอซิดที่ จำเป็นต่อร่างกายถึง 2 ชนิด คือ เมไธโอนีน (Methionine) และทริปโตเฟน (Tryptophan ) มีแคลเซียม ธาตุเหล็ก แม็กนีเซียม สังกะสี ไอโอดีน ทองแดง ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม วิตามินบีต่างๆ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น โอเมก้า3 โอเมก้า6 ไฟเบอร์ และสารลิกแนน(Lignans) ซึ่งสารลิกแนนนี้จะมีสารชีวโมเลกุลชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์มากมาย ชื่อว่า “เซซามิน”
โดยเซซามินจะมีคุณสมบัติดังนี้คือ
1. เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนซ์สำคัญในการปกป้องเซลล์ต่างๆของร่างกาย
2. ช่วยลดคอเลสเตอรอลทั้งในด้านการยับยั้งการสังเคราะห์ และการดูดซึมคลอเลสเตอรอล
3. ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบในกรณีของข้ออักเสบและข้อเสื่อม
4. ลดปัญหาปลายประสาทเสื่อมในผู้ป่วยเบาหวาน
5. ช่วยลดความดันโลหิตและเบาหวาน
6. กระตุ้นการทำงานของตับและฟื้นฟูเซลล์ตับ ป้องกันตับจากการถูกทำ ลายโดยสารพิษ
7. ช่วยลดอาการภูมิแพ้
8. ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและการแก้ปัญหากระดูกพรุน
9. ช่วยต้านมะเร็ง
10. มีกลไกช่วยป้องกันอัลไซเมอร์ได้
แต่เนื่องจากการได้รับสารเซซามินจากงาดำ ด้วยการรับประทานงาดำโดยตรงนั้นต้องรับประทานงาดำที่บดละเอียด และทำให้สุก เพราะว่างาดำมีโครงสร้างไฟเบอร์ที่ไม่ละลายเป็นเกราะหุ้มอยู่ จึงย่อยยาก และมิอาจย่อยได้ง่ายจากกระบวนการย่อยตามปกติทั่วไปในร่างกาย อีกทั้งในงาดำประกอบด้วยสารเซซามินจะสลายตัวถ้าโดนความร้อน ดังนั้นการรับประทานงาดำโดยตรงก็จะได้สารเซซามินนน้อยมาก จำเป็นต้องสกัดสารเซซามินออกจากเมล็ดงาดำด้วยกระบวนการพิเศษที่สามารถเก็บรักษาคุณค่าของเซซามินไว้ได้ และนำมาใช้ประโยชน์ซึ่งปัจจุบันมีสารสกัดจากเซซามินออกมาใช้ประโยชน์แล้ว และระบุชัดเจนว่าเป็นสารสกัดจากเมมล์ดงาดำ เพื่อให้ได้ปริมาณที่เพียงพอและนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงของเซซามิน(Sesamin) นั่นเอง
โปรดอ่านเเละกดติดตามกันด้วยนะคะ
ขอบคุณเครดิตภาพ Andreasจาก www.pixabay.com
เเละเครดิตข้อมูล จากเภสัชกรประวิทย์ ตันติสุวิทย์กุล
โฆษณา