เรื่องของเรื่องก็คือผมกับเขาอยู่ด้วยกันมานานมาก.... นานพอที่จะบอกได้ว่าเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุดในโลก.....
ความเป็นมาตอนที่เราได้เจอกันคงต้องเล่าในอีกบทครับ เรื่องมันยาว....
มีใครบ้างครับที่จะมีเพื่อนสนิท ที่คอยติดสอยห้อยตามเราไปได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำอะไร เขาก็จะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
จะกินจะนอน จะทุกข์/สุข/เหงา/เศร้า...ฯ ...เขามีส่วนร่วมทุกครั้ง และเขาก็ไม่เคยทิ้งผมไป ถึงผมจะไล่ หรือแสดงอาการรังเกียจเขาขนาดใหนก็ตาม
... หน้าด้าน.. เอ้ย ความอดทนสูงมาก.... ยอมเขาละครับ เมื่อทำยังไงเขาก็ไม่ยอมออกไปจากชีวิตผมซะที เราก็ต้องทนอยู่กันมาแบบนี้ล่ะครับ ถึงเราจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่เราไม่เคยคุยกันแม้แต่คำเดียวซึ่งมันเป็นเรื่องที่แย่มากๆ คิดๆไปถ้าพูดกันรู้เรื่องคงจะดีเนาะ
เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วคุยกันไม่ได้.... มันก็คงต้องมีกิจกรรมอะไรทำกันบ้างครับ อย่างในบางครั้งเขาก็แกล้งผมให้เจ็บป่วยบ้าง
หรือบางทีผมว่างจากงาน ก็หาวิธีกำจัดเขาบ้าง คิดอะไรออกก็ทำไปตามที่คิดได้.. ได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง ว่าไปตามความพร้อมเท่าที่มี ทำไงได้ละครับ ผมมันคนหาเช้ากินดึก... ก็ทนทู้ชี้อยู่กันมาจนถึงวันนี้.....
ที่ผ่านมาเราทะเลาะกันบ่อยมาก แต่ผลที่ได้คือเสมอกันมาตลอด....ยังมีชีวิตรอดครับ
ทีนี้คงสงสัยกันละสิครับ ว่าทำไมผมไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล... หมอเก่งๆเรื่องแบบนี้ในไทยก็มีหลายท่าน ปล่อยให้ตัวเองทรมานแบบนี้ไปทำไม ?..... เปล่านะ.... ผมไม่ใช่คนซาดิส หรือชอบเจ็บตัว เลยทรมานตัวเองเล่น....
เคยไปขอรับการรักษากับทางโรงพยาบาลมาแล้ว... แต่ก็มีเหตุให้ต้องเลิกรักษา ทั้งที่ยังไม่หายป่วยเลยครับ
ตอนที่ไปขอรักษาตัวกับทางโรงพยาบาล......( อันนี้ขอไม่บอกว่าที่ใหนนะครับ แต่หลักฐานตอนเข้ารักษา มีครบครับ)
วันนั้นเพื่อนเล่นงานผมหนักมาก ผมมีใข้สูง มีจุดสีดำเล็กๆ ผุดตามแขนขา.. บางตำแหน่งผิวหนังอักเสบแผลไม่แห้ง
บางตำแหน่งผิวหนังอักเสบเป็นแผ่นแข็งและหนา คุณหมอท่านก็จัดยาให้มาหนึ่งโดส เป็นยาทาหลอดเล็กๆ สองหลอด
และนัดพบหมอในอีกหนึ่งเดือนถัดมาเพื่อตามอาการ ตอนนั้นผมก็ใช้ทั้งยาของทางโรงพยาบาล ควบไปกับการจัดการในแบบของผมเอง วิธีของผมที่ทำกับเพื่อนรักมาตลอดก็คือ หาทางเอาเขาออกจากตัวให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่ใช้ยาทาแล้วปล่อยให้มันหายไปเองเพื่อนร้ายๆแบบนี้ต้องโหดครับ ไม่งั้นเอาไม่อยู่ ต้องรู้ทางกันถึงจะคบกันได้แบบสนุกสนาน...
และเมืีอถึงวันที่คุณหมอท่านนัดมาดูอาการ ผมจึงไม่เหลือร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้เมื่อดูด้วยตาเปล่า
แต่.. แน่นอนว่าเขายังอยู่กับผม หากไม่สังเกตุดีๆไม่มีทางรู้แน่นอน.. คุณหมอจึงวินิจฉัยว่า ผมหายแล้ว
ผมได้พยายามทักท้วง และโน้มน้าวให้คุณหมอรักษาผมต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าคุณหมอท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า อาการที่ผมเป็น ทุกเคสที่ผ่านมาต้องรักษากันเป็นปี... ถกกันสักพักคุณหมอก็บอกให้ผมรอพบอาจารย์หมออีกท่านที่จะรับเคสของผมไปดูแลต่อ.....
จากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ผมหาวิธีจัดการเพื่อนรักตัวร้าย ด้วยตัวเองต่อไป.... เพราะอาจารย์หมอที่รับผมไปรักษาต่อ นั้นเป็นหมอจิตเวช....
ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ ผมถูกส่งตัวให้จิตแพทย์ รักษาต่อจริงๆ ท่านบอกว่าผมมีความกังวลมากเกินไป จึงถูกส่งตัวมาให้ท่านรักษาต่อ...
แต่ในรายงานผมแอบเห็นว่า ผมมีอาการประสาทหลอน เห็นภาพหลอนของพวกปรสิต...
สรุปคือผมถูกมองว่าบ้า... เอาที่สบายใจเลยครับคุณหมอ บ้าก็บ้าครับ.... ผมได้รู้จักตัวเองในวันนั้นแหละครับ ว่าผมนี่ไม่ใช่คนธรมดา...... "ผมคนบ้า"....
มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกคุณหมอมากเลยครับ.... ตอนนี้ผมมีความสามารถพิเศษเรื่องถ่ายภาพ คือผมสามารถถ่ายภาพหลอนได้....เยอะด้วย อยากเห็นก็ทักมา จะพาไปดูตัวจริงยังได้เลยครับ...