7 พ.ค. 2020 เวลา 13:18
ปัญหาใหญ่ที่ปลายเล็บ....
หากมีใครบอกว่ามีปัญหาที่ปลายเล็บ ทุกคนก็คงจะคิดว่าเรื่องแบบนั้นคือปัญหาเล็กน้อย.....
แต่... สำหรับผมแล้ว ปัญหาที่ปลายเล็บของผมตอนนี้ มันคือปัญหาใหญ่ และใหญ่มาก....
เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนเลย.....
......... เดี๋ยวครับ ........เดี๋ยว.... อย่าเพิ่งพากันคิดว่าผมบ้า ผมยังมีสติเต็มร้อยครับ....
ตามภาพ นี่คือภาพที่ผมถ่ายจากปลายเล็บนิ้วก้อยมือขวา หลังจากที่เมื่อวาน (3/5/2020) ผมได้สังเกตุเห็นแผลใหม่บนเล็บซึ่งเรื่องแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน และผมพิจารณาแล้ว... เรื่องใหญ่แน่ๆ
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมคงต้องอธิบายให้ทุกท่านได้ทราบโดยละเอียดครับ
จากบทแรกๆ ผมได้บอกที่มาของบล็อกนี้ไปแล้วนะครับ นั้นคือผมจะใช้บล็อกนี้เพื่อทำเรื่องปรสิต เผื่อในอนาคตอาจจะมีคนสนใจที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง ซึ่งผมมองเรื่องนี้ว่ามันสำตัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากครับ และผมได้พยายามหาข้อมูลของตัวอันตรายตัวนี้ มารวบรวมใว้ที่นี่ ด้านข้อมูลในส่วนที่ผมได้ประสบกับตัวเองนั้น มันเป็นเรื่องที่แตกต่างจากข้อมูลในเน็ตที่ทุกท่านได้เจอเป็นอันมาก ผมกะว่าจะค่อยๆเปฺิดทีละน้อย จะได้ดูไม่น่ากลัวจนเกินไป
แต่ตอนนี้งานด่วนเข้า ต้องบุกเลยครับ ไม่งั้นผมมีโอกาศตายก่อนเปิดเผยเรื่องนี้ได้ทั้งหมด...
มันก็แค่แผลที่ปลายเล็บ ทำไมผมถึงต้องตีตนไปก่อนใข้ กลัวมากเกินไปหรือเปล่า.... หรือหลายคนก็อาจจะคิดว่าผมบ้าไปแล้ว
ผมก็มีเหตุผลของผมครับ อยากรู้..ก็ต้องอ่านกันให้จบบทความนี้ครับ..
จากบทความก่อนหน้านี้ผมได้บอกกล่าวถึงที่มาของผมให้รับทราบกันบ้างแล้วนะครับ หรือจะตามลิ้งนี้เข้าไปอ่านเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้นได้ครับ..
เรื่องของเรื่องก็คือผมกับเขาอยู่ด้วยกันมานานมาก.... นานพอที่จะบอกได้ว่าเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุดในโลก.....
ความเป็นมาตอนที่เราได้เจอกันคงต้องเล่าในอีกบทครับ เรื่องมันยาว....
มีใครบ้างครับที่จะมีเพื่อนสนิท ที่คอยติดสอยห้อยตามเราไปได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำอะไร เขาก็จะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
จะกินจะนอน จะทุกข์/สุข/เหงา/เศร้า...ฯ ...เขามีส่วนร่วมทุกครั้ง และเขาก็ไม่เคยทิ้งผมไป ถึงผมจะไล่ หรือแสดงอาการรังเกียจเขาขนาดใหนก็ตาม
... หน้าด้าน.. เอ้ย ความอดทนสูงมาก.... ยอมเขาละครับ เมื่อทำยังไงเขาก็ไม่ยอมออกไปจากชีวิตผมซะที เราก็ต้องทนอยู่กันมาแบบนี้ล่ะครับ ถึงเราจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่เราไม่เคยคุยกันแม้แต่คำเดียวซึ่งมันเป็นเรื่องที่แย่มากๆ คิดๆไปถ้าพูดกันรู้เรื่องคงจะดีเนาะ
เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วคุยกันไม่ได้.... มันก็คงต้องมีกิจกรรมอะไรทำกันบ้างครับ อย่างในบางครั้งเขาก็แกล้งผมให้เจ็บป่วยบ้าง
หรือบางทีผมว่างจากงาน ก็หาวิธีกำจัดเขาบ้าง คิดอะไรออกก็ทำไปตามที่คิดได้.. ได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง ว่าไปตามความพร้อมเท่าที่มี ทำไงได้ละครับ ผมมันคนหาเช้ากินดึก... ก็ทนทู้ชี้อยู่กันมาจนถึงวันนี้.....
ที่ผ่านมาเราทะเลาะกันบ่อยมาก แต่ผลที่ได้คือเสมอกันมาตลอด....ยังมีชีวิตรอดครับ
ทีนี้คงสงสัยกันละสิครับ ว่าทำไมผมไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล... หมอเก่งๆเรื่องแบบนี้ในไทยก็มีหลายท่าน ปล่อยให้ตัวเองทรมานแบบนี้ไปทำไม ?..... เปล่านะ.... ผมไม่ใช่คนซาดิส หรือชอบเจ็บตัว เลยทรมานตัวเองเล่น....
เคยไปขอรับการรักษากับทางโรงพยาบาลมาแล้ว... แต่ก็มีเหตุให้ต้องเลิกรักษา ทั้งที่ยังไม่หายป่วยเลยครับ
ตอนที่ไปขอรักษาตัวกับทางโรงพยาบาล......( อันนี้ขอไม่บอกว่าที่ใหนนะครับ แต่หลักฐานตอนเข้ารักษา มีครบครับ)
วันนั้นเพื่อนเล่นงานผมหนักมาก ผมมีใข้สูง มีจุดสีดำเล็กๆ ผุดตามแขนขา.. บางตำแหน่งผิวหนังอักเสบแผลไม่แห้ง
บางตำแหน่งผิวหนังอักเสบเป็นแผ่นแข็งและหนา คุณหมอท่านก็จัดยาให้มาหนึ่งโดส เป็นยาทาหลอดเล็กๆ สองหลอด
และนัดพบหมอในอีกหนึ่งเดือนถัดมาเพื่อตามอาการ ตอนนั้นผมก็ใช้ทั้งยาของทางโรงพยาบาล ควบไปกับการจัดการในแบบของผมเอง วิธีของผมที่ทำกับเพื่อนรักมาตลอดก็คือ หาทางเอาเขาออกจากตัวให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่ใช้ยาทาแล้วปล่อยให้มันหายไปเองเพื่อนร้ายๆแบบนี้ต้องโหดครับ ไม่งั้นเอาไม่อยู่ ต้องรู้ทางกันถึงจะคบกันได้แบบสนุกสนาน...
และเมืีอถึงวันที่คุณหมอท่านนัดมาดูอาการ ผมจึงไม่เหลือร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้เมื่อดูด้วยตาเปล่า
แต่.. แน่นอนว่าเขายังอยู่กับผม หากไม่สังเกตุดีๆไม่มีทางรู้แน่นอน.. คุณหมอจึงวินิจฉัยว่า ผมหายแล้ว
ผมได้พยายามทักท้วง และโน้มน้าวให้คุณหมอรักษาผมต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าคุณหมอท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า อาการที่ผมเป็น ทุกเคสที่ผ่านมาต้องรักษากันเป็นปี... ถกกันสักพักคุณหมอก็บอกให้ผมรอพบอาจารย์หมออีกท่านที่จะรับเคสของผมไปดูแลต่อ.....
จากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ผมหาวิธีจัดการเพื่อนรักตัวร้าย ด้วยตัวเองต่อไป.... เพราะอาจารย์หมอที่รับผมไปรักษาต่อ นั้นเป็นหมอจิตเวช....
ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ ผมถูกส่งตัวให้จิตแพทย์ รักษาต่อจริงๆ ท่านบอกว่าผมมีความกังวลมากเกินไป จึงถูกส่งตัวมาให้ท่านรักษาต่อ...
แต่ในรายงานผมแอบเห็นว่า ผมมีอาการประสาทหลอน เห็นภาพหลอนของพวกปรสิต...
สรุปคือผมถูกมองว่าบ้า... เอาที่สบายใจเลยครับคุณหมอ บ้าก็บ้าครับ.... ผมได้รู้จักตัวเองในวันนั้นแหละครับ ว่าผมนี่ไม่ใช่คนธรมดา...... "ผมคนบ้า"....
มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกคุณหมอมากเลยครับ.... ตอนนี้ผมมีความสามารถพิเศษเรื่องถ่ายภาพ คือผมสามารถถ่ายภาพหลอนได้....เยอะด้วย อยากเห็นก็ทักมา จะพาไปดูตัวจริงยังได้เลยครับ...
ขณะนี้ เท่าที่ศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเอง ทำให้เห็นถึงความพิเศษและอันตรายจากสิ่งมีชีวิตพวกนี้ ซึ่งมันคงจะไม่น่ากลัวเท่าไหร่หากเราจะจัดการมันได้โดยง่าย.. แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ และมันยังอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หากเราปล่อยให้มันเกาะกินเราไปเรื่อยๆ
เพราะมันสามารถแฝงตัวอยู่ในร่างกายของเรา แพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนอยู่ในร่างกายโดยที่เราแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย จนกว่ามันจะมีจำนวนมาก และสุดท้ายเมื่อร่างกายเรารับไม่ไหวล้มป่วยลง นั่นแหละครับจึงทำให้เราหันมาสนใจรักษาอาการตามที่เกิด ซึ่งในบางกรณีย์มันอาจจะสายเกินไป และบางคนถึงแก่ชีวิตก็มีมาแล้ว.....
อย่างในตัวของผมตอนนี้ มีโผล่ขึ้นมาที่เล็บได้นี่ หมายความว่าในร่างกายส่วนอื่นๆของผมพวกมันได้แฝงตัวอยู่จนเต็มพื้นที่แล้ว จึงเริ่มมาเจาะเล็บเพื่ออาศัยดูดกินผมต่อไป....
เมื่อไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเท่าที่ควรจะเป็น ก็คงต้อยอมรับสภาพ
และปล่อยให้มันทำร้ายจนตายไปเท่านั้นเอง
แล้วทำอย่างไรล่ะ ผมถึงจะไม่ตายไปเปล่าๆ....
ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ พยายามบันทึกเรื่องราวที่ผมได้พบ ไว้ในบล็อคนี้เผื่อมันอาจจะมีประโยชน์บ้าง
หรืออาจจะไม่มีผลอะไรเลย แค่ยอดไลค์ก็ยังไม่มี.... แต่ก็ถือว่าผมได้ทำหน้าที่ของผมแล้ว...........
โฆษณา