9 พ.ค. 2020 เวลา 07:49
ลงทุนกับสินค้าแบรนด์เนมมีแต่ได้กับได้ ! หากซื้อเป็น !
.
ถ้าพูดถึง “สินค้าฟุ่มเฟือย” สิ่งแรกที่คนทั่วไปนึกถึงคงหนีไม่พ้น
“สินค้าแบรนด์เนม” แต่รู้ไหมว่า คนรวยส่วนใหญ่มักมองสินค้าฟุ่มเฟือย
เป็นโอกาสที่จะทำให้พวกเขามีทั้งเงิน และของแบรนด์เนมไว้ใช้ไม่ขาดมือ
.
สิ่งที่พวกเขามักมองหานั้นคือ สินค้าแบรนด์เนมที่สามารถลงทุนได้ ได้แก่
.
-สินค้าที่มีความต้องการอยู่ตลอด
เช่น กระเป๋า นาฬิกา เพราะมีตลาดรองรับอยู่จำนวนมาก และมีความทนทานสูง ซึ่งต้องเลือกลงทุนกับแบรนด์ High-End ที่ไม่เคยจัดโปรโมชั่นลดราคาแม้แต่ครั้งเดียวอย่าง Louis Vuitton, Chanel (เฉพาะรุ่น), Hermes, Rolex, Patek Philippe ทำให้คุณค่าของสินค้ายังคงอยู่ ส่งผลให้ราคาสินค้าแบรนด์เนมพวกนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต
.
ยกตัวอย่าง กระเป๋า Chanel Jumbo Classic Flap ที่เปิดตัวมาในปี 1955
ด้วยราคา 250 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8,000 บาท ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 6,700 ดอลลาร์ หรือประมาณ 215,000 บาท
(ขึ้นอยู่กับสภาพกระเป๋า และปัจจัยอื่น ๆ ด้วย)
.
-สินค้าที่มีจำนวนจำกัด (Limited Edition)
ยิ่งสินค้ามีน้อยกว่าความต้องการของตลาดมากเท่าไร คนพร้อมจ่ายในราคาที่สูงกว่าเพื่อให้ได้สินค้านั้นมาครอบครองก็มากเท่านั้น
.
ยกตัวอย่างกระเป๋า Birkin Bag ของ Hermes ที่ถูกผลิตมาในจำนวนจำกัด
ทำให้มีราคาขายตั้งแต่ 600,000 บาท ไปจนถึง 10,000,000 บาท !!!!
.
และนี่คงเป็นที่มาของคำว่า “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” เพราะนอกจากของ
แบรนด์เนมจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ และเครดิตที่ดีให้แก่พวกเขาแล้ว
มันยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเองอีกด้วย
.
คงถึงเวลาที่เราต้องย้อนกลับมาดูแล้วว่า “สินค้าแบรนด์เนม” ทุกชิ้นเป็น
“สินค้าฟุ่มเฟือย” ทั้งหมดจริงหรือ?
___
#TheLuxuryProjects
#LuxuryProjects
โฆษณา