8 พ.ค. 2020 เวลา 12:02
Everest ที่ไม่มีอยู่จริงของ ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner)
มนุษย์ผู้ทำลายคำว่า "เป็นไปไม่ได้" ด้วยสติและความเป็นหนึ่งเดียวกับธรมชาติ
3
ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ เกิดวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) เขาคือมนุษย์คนแรกที่พิชิตยอดเขาทุกลูกบนโลกที่สูงกว่า 8,000 เมตร (ซึ่งมี 14 แห่ง) โดยที่ไม่ต้องพึ่งออกซิเจนช่วย โดยสามารถพิชิตเอเวอเรสต์ได้ในปี 1978 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและแพทย์กล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเช่นนั้นได้ มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ
ในอากาศมีออกซิเจนอยู่ 21% และสัดส่วนเช่นนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าเราจะอยู่ในชั้นบรรยากาศ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงก็คือความหนาแน่นและแรงดันอากาศ ซึ่งจะลดลงเรื่อยๆ ขณะที่เราขึ้นสู่ที่สูงขึ้น เช่นยอดเขาเอเวอเรสต์นับเป็นจุดที่สูงที่สุดในโลกและมีความหนาแน่นและแรงดันอากาศต่ำมาก
ภาพแสดงปริมาณออกซิเจนในระดับความสูงต่างๆ
แรงดันอากาศบริเวณนั้นมีเพียง 1 ใน 3 ของระดับน้ำทะเล และในอากาศแต่ละลิตรมีออกซิเจนอยู่ 1 ใน 3 ซึ่งสภาพเหล่านี้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อร่างกาย
ภาพแสดงการทำงานของปอดเมื่ออยู่บนที่สูง
หากเราไม่สามารถหายใจเอาออกซิเจนได้ในปริมาณที่เพียงพอ จะเสี่ยงต่ออาการน้ำท่วมปวด ซึ่งปอดเป็นส่วนสำคัญในการนำออกซิเจนส่งไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อขึ้นสู่ที่สูงนักปีนเขาจะหายใจลึกและถี่มากยิ่งซึ่งทำให้สัดส่วนออกซิเจนต่อคาร์บอนไดในปอดเพิ่มมากขึ้นอันมีผลให้เม็ดเลือดแดงจับออกซิเจนได้มากขึ้น
1
ภาพแสดงการทำงานของสมองและหลอดเลือดเมื่ออยู่บนที่สูง
การหายใจแบบนี้จะทำให้เลือดข้นขึ้นและยากที่จะสูบฉีดไปตามร่างกายทำให้เกิดปัญหาใหม่ คือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเส้นโลหิตตีบและหลอดเลือดในสมองมีปัญหาได้ วิทยาศาสตร์จึงกล่าวว่ามนุษย์ไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตบนพื้นที่สูงขนาดนี้โดยไร้ออกซิเจนเข้าช่วย
1
แต่ที่กล่าวมานั้น....ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ ได้ฆ่ามันลง เมื่อเขาคือ ชายคนแรกที่สามารถทำมันได้สำเร็จ แต่เรื่องที่น่าสนใจไปกว่านั้น มันไม่ใช่แค่การฆ่าทฤษฎีหรือการพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกทั้ง 14 ยอดได้ ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ได้นำพาเราเข้าสู่จิตวิญญาณในตัวบางอย่างที่น่าสนใจ
ในช่วงวัยเด็ก ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ เติบโตขึ้นในหมู่บ้านที่รายล้อมด้วยภูเขาหินอ่อนในเซาท์กิโรล ประเทศออสเตรีย โดยเริ่มปืนเขาตามพ่อตั้งแต่ 5 ขวบ และพิชิตยอดเขาสูง 900 เมตร ในเทือกเขาไกสเลอร์ชปิตเซน
เมสเนอร์ทำงานเป็นครูเรื่อยมาจนเริ่มมาปืนเขาอย่างจริงจังที่เทือกเขาหิมาลัยเป็นครั้งแรกร่วมในคณะสำรวจของเยอรมันเมื่อปี 1970 เพียงครั้งแรกเขาก็สามารถทำการพิชิตยอดเขา นังกาปาร์บัต (Nanga Parbat) ยอดเขาสูงอันดับ 9 ของโลก (ความสูง 8,125 เมตร)
แต่ในความสำเร็จครั้งนั้น กลับแลกมาด้วยชีวิตของน้องชาย คือ กึนเธอร์ เมสเนอร์ (Günther Messner) ที่ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน และได้หายสาปสูญไปในช่วงขาลง ในครั้งนั้น ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ ต้องตัดนิ้วเท้าไปถึงเจ็ดนิ้ว เนื่องจากถูกหิมะกัดและความพยายามในการตามหาน้องชายที่หายสาปสูญไปท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย
1
ภาพเท้าที่กุดไป 7 นิ้วของ Reinhold Messner: https://pantip.com/topic/31448587
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้น เหมือนมีพลังบางอย่างทำให้เขาตัดสินใจปืนเขาต่อไป เพื่อค้นหาบางสิ่ง และจึงกลายเป็นตำนานต่อมา
- ปี ค.ศ. 1972 พิชิตยอดเขา มนัสลู (Manaslu) ยอดเขาสูงอันดับ 8 ของโลก (ความสูง 8,163 เมตร)
- ปี ค.ศ. 1975 ร่วมกับ ปีเตอร์ ฮาเบเลอร์ (Peter Habeler) พิชิตยอดเขา แกเชอร์บรูม 1 (Gasherbrum I หรือ K5) ยอดเขาสูงอันดับ 11 ของโลก (ความสูง 8,068 เมตร) โดยไม่ใช้อุปกรณ์ปีนเขาสูงที่ใช้กันตามปกติ ทั้ง แคมป์ เชือก หมุดยึด และถังออกซิเจน และไม่ใช้ลูกหาบ ได้สำเร็จ
- ปี ค.ศ. 1977 พิชิตยอดเขา เธาลาคีรี (Dhaulagiri) ยอดเขาสูงอันดับ 7 ของโลก (ความสูง 8,167 เมตร) บินทดสอบโดยไม่ปรับความดันอากาศที่ความสูงระดับยอดเขาเอเวอเรสต์ (ประมาณ 9 พันเมตร) ว่าจะสามารถอยู่รอดโดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรองได้หรือไม่
- ปี ค.ศ. 1978 ในเดือนพฤษภาคม ร่วมกับ ปีเตอร์ ฮาเบเลอร์ (Peter Habeler) พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ยอดเขาสูงที่สุดในโลก (ความสูง 8,850 เมตร) โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรอง ไม่ใช้อุปกรณ์ปีนเขาสูงที่ใช้กันตามปกติ ทั้ง แคมป์ เชือก หมุดยึด และไม่ใช้ลูกหาบได้สำเร็จเป็นทีมแรกของโลก
และในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เขาได้หวนย้อนกลับไปที่นังกาปาร์บัต สถานที่น้องชายสาปสูญซ้ำอีกครั้ง และพิชิตยอดเขาได้เพียงลำพังสำเร็จ แต่ระหว่างทางเขาก็ไม่สามารถค้นหาร่างของน้องชายพบ
ภาพผู้เสียชีวิตระหว่างเส้นทางสู่ Everest
- ปี ค.ศ. 1980 ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ กลายเป็นมนุษย์คนแรกของโลก ที่ขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์เพียงลำพัง โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรองได้สำเร็จ ด้วยผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกตามลำพังเพียงสี่วัน เริ่มปืนจากที่ตั้งเบสแคมป์ถึงยอดและกลับลงมาโดยไม่มีการตั้งแคมป์ถาวร ไม่มีผู้ติดตามหรือผู้นำทางและไม่ได้นำออกซิเจนกระป้องไปด้วย
ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ สร้างความแตกต่างและเป็นผู้ฉุดประกายกับแนวคิดให้นักปืนเขาเลิกใช้อุปกรณ์ต่างๆเข้าช่วย เพื่อให้เข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งกับขุนเขา ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ อธิบายการเข้าถึงบางอย่าง ซึ่งมันเป็นปรัชญาที่น่าสนใจ
"ระหว่างการปืนเขา เขาจะจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้า ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องจะพิชิตยอดเขาให้ออกไปจากหัว มีหน้าที่คือเพียงปืนต่อไปและเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้ ในทุกๆจังหวะของการปืนเขาจะทำอย่างเต็มที่ด้วยความรอบคอบมีสติ และมุ่งมั่นปีนขึ้นไปอย่างไม่หยุดหย่อน"
5
ฉะนั้นสิ่งที่ ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ พิชิตกลับไม่ใช่ยอดเขา แต่เขากำลังพิชิตชีวิต เพื่อให้ตนเองมีชีวิตอยู่รอดต่อไปเรื่อยๆ
ในทุกๆย่างก้าวที่ปืนป่ายขึ้นไปเรื่อยๆ Everest จึงไม่มีจริงในหัวของเขา แต่เขาต้องการจะรู้ว่า จะมีชีวิตอยู่ได้ไหม บนพื้นที่ที่เรียกว่า “จุดสูงสุดของโลก”
ไรน์โฮลด์ ได้เป็นตัวอย่างให้นักปืนเขารุ่นใหม่ ดำเนินรอยตามเขาและก็มีอีกหลายคนที่ทำสำเร็จเช่นเขา รวมทั้งใช้เวลาช่วงชีวิตในวัยชราด้วยการสร้างพิพิธภัณฑ์ภูเขาขึ้น 5 แห่ง (Messner Mountain Museum , MMM) ภายใต้แนวคิด "เมื่อมนุษย์เผชิญหน้ากับภูเขา"
(Messner Mountain Museum , MMM)
ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ มีแนวคิดมุ่งมั่นที่จะเอาชนะขีดจำกัดของตนเอง ซึ่งเป็นหลักปรัชญาเบื้องหลังความสำเร็จของเขา
หากลองเปรียบเทียบอุปสรรคในชีวิตของเราไว้ดั่งหุบเขา ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ ได้กล่าวไว้ว่า
"หากเราทำถนนขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ เราจะไม่มีวันได้พบกับภูเขา หากเราเตรียมการทุกอย่างและมีคนนำทางคอยดูแลความปลอดภัย เราก็จะไม่มีวันได้พบกับภูเขา การได้พบและเป็นหนึ่งเดียวกับภูเขาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณ... เผชิญหน้ากับมันด้วยขีดจำกัดของตัวคุณเอง"
และไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ ได้ให้เหตุผลในการปืนเขาที่ทิ้งท้ายไว้เป็นบทเรียนของชีวิตได้ดีเหลือเกิน
“ถ้ามีใครมาอวดคุณ ว่าเมื่อถึงยอดเอเวอร์เรสต์แล้วรู้สึกสุดยอด คนคนนั้นโกหก เพราะมันเป็นที่ที่ไม่เอาไหนเอามากๆ”
แล้วไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ พิชิตยอดเขาไปเพื่ออะไร?
“ถ้าไม่มีการเสี่ยงชีวิต มันก็ไม่ใช่การผจญภัย”
นั่นคือสิ่งที่ไรน์โฮลด์ตอบออกมา
“ถ้าไม่มีการผจญภัย มันก็ไม่ใช่ชีวิต”
“ชีวิตต้องการความกล้า ในเวลาที่เกิดความกลัว”
เรื่องราวชีวิตและปรัชญาของชายคนนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เจาะเวลาหาอดีตนำมาฝากท่านผู้อ่าน เพื่อสร้างพลังให้ท่านได้ไม่มากก็น้อย ขอบพระคุณครับ
❤️กดไลค์ กดแชร์ ติดตามเป็นกำลังใจ❤️
🙏ขอบพระคุณครับ🙏
ขออภัยหากเนื้อหามีการตกหล่นหรือผิดพลาด
อ้างอิง:
หนังสือ: windows on the world ชุดเนปาล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา