9 พ.ค. 2020 เวลา 04:08 • ธุรกิจ
☀️ บทสัมภาษณ์พิเศษ “30ปี ของเสี่ยป๋องประสบการณ์ชีวิตแห่งการลงทุน เคียงคู่ตลาดทุนไทย”
ระยะเวลา 30 ปี ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานสำหรับใครบางคน แต่สำหรับ เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง ถือเป็นช่วงเวลา 3 ทศวรรษแห่งการเรียนรู้ในศาสตร์แห่งตลาดทุน และประสบความสำเร็จในวิชาการลงทุน
.
การเรียนรู้วิชาการลงทุนของเสี่ยป๋อง เริ่มต้นด้วยคำว่า”อยากรวย” แม้จะเริ่มด้วยการทำธุรกิจค้าขายต่อยอดจากที่บ้านที่มีอยู่เดิมจากพ่อแม่ ภายหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยเมื่อเกิอบ 30 ปีก่อน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ในชีวิตของ เสี่ยป๋อง อาจจะเนื่องด้วยมีอุปสรรคระหว่างทางทำให้เกิดอาการท้อแท้ และต้องผันมาลงทุนในตลาดหุ้นแทน
.
การเริ่มต้นด้วยเงินแรกจำนวน 5 แสนบาท ตั้งแต่ปี 1994 ดัชนีอยู่ที่ระดับ 700 จุด จนวิ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 1,700 จุด มีกำไรหลายล้านบาท ตอนนั้นตั้งแต่ปี 1994-1996 มีกำไรก็ไม่เลิก ไม่หยุด ไม่ขายหุ้น แถมยังเอาเงินจากที่บ้านมาซื้อเพิ่มอีกหลายสิบล้านบาท จนปี 1997 ดัชนีร่วงลงต่ำกว่า 300 จุด จนในช่วงปลายปี 1998 จึงหยุดเล่นไปปีกว่าๆ จนกลับมาลงทุนอีกครั้งในปี 1999 การกลับมาครั้งนี้มาเล่นแบบfull time
.
“ช่วงเล่นหุ้น 8 ปีแรก ไม่ได้ใช้พื้นฐานในการลงทุน ใช้หูฟัง ใครบอกว่าตัวไหนดี ก็ซื้อ พอมีคนบอกไม่ดีก็ขายทันที ช่วงปี 1996 ทางบ้านเติมเงินมาให้อีกประมาณ 60 ล้านบาท ก็เล่นจนเหลือเงินแค่ 20 ล้านบาทในปี 1997 เพราะช่วงนั้นดัชนีร่วงลงหนักมาก ขายไปตอนดัชนี 500 จุด
.
”ช่วงที่ผ่านมาที่เสียหาย หรือ เรียกง่ายๆว่า เจ๊งหุ้นตอนนั้น ทำให้ต้องกลับมาทบทวนตัวเอง และต้องชนะ โดยพยายามหาวิธีชนะให้ได้ จากนั้นได้รับปากกับที่บ้านว่า จะขอเวลา 3 ปี จะเอาชนะให้ได้ จนเหลือปีสุดท้าย ก็ทำได้ กำไร 500 เปอร์เซ็นต์ จากหลักสิบล้านขึ้นเป็น 200-300 ล้านบาท
.
พอหลังจากที่มีเงินเหลือกลับมา 20 ล้านบาท ก็มานั่งคิดหาวิธี ช่วงนั้นก็ได้เจอผู้ใหญ่แนะนำให้ใช้กราฟ หรือสัญญาณทางเทคนิค ในการลงทุน ซึ่งก็ใช้เวลาเรียนรู้อยู่พอสมควร จนในปี 2003 ก็สามารถฟื้นกลับมาจากการใช้กราฟ ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น หลังจากที่รอดมาได้ก็มาให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบเต็มเวลา เหมือนเข้าทำงานเวลา 7 โมงเช้า เลิกงาน 6 โมงเย็น ทุกวันที่ตลาดหุ้นเปิดทำการ ตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปัจจุบัน
.
“ผมไม่เคยมีวันหยุด ถ้าตลาดหุ้นเปิด แม้ตอนที่อยู่ต่างประเทศ ก็จะต้องตื่นมาดูหุ้นตลอด แม้เวลาฝั่งโน้นจะสลับกับบ้านเราก็ตาม โดยอาศัยการเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ทรงไหนได้เงิน ทรงไหนเสียเงินจะต้องจำไว้หมด พอปี 2003 พอร์ตเริ่มกำลับมากำไรขยายจากหลักสิบล้านบาทเป็น 200 ล้านบาท ช่วงนั้นดัชนีขึ้นจาก 300 จุดไป 800 จุด สรุปใช้เวลาในการเรียนรู้การทำกำไร 11 ปี”
.
หลังจากที่ผมได้ศึกษา “กราฟ” ทำให้พบว่า กราฟเป็นสิ่งที่บันทึกข้อมูลในอดีตทุกอย่างลงไป ทำให้เราเข้าใจว่าแบบนี้คือจะลง แบบนี้คือจะขึ้น การสร้างเงินจากหลักสิบล้านบาทขึ้นเป็นพันล้านบาท ถือเป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพราะผมเคยทำมาแล้ว แต่ปัจจุบันมีโรบอตเข้ามา ทำให้การลงทุนเปลี่ยนไป แต่สุดท้าย สื่งที่โปรแกรมเข้าไปในโรบอต ก็คือ ตัวอย่างในอดีตทั้งหมด เหมือนเรานั่งดูกราฟ เหมือนวิธีเดิมๆ ที่เคยใช้ในอดีต เพียงแต่จะทำให้ดูง่ายขึ้น สะดวกขึ้น
.
ผมต้องบอกเลยว่า ไม่มีเครื่องมือใดที่จะใช้ได้แม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ ยื่งเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องมีการปรับสูตร หรือพลิกแพลงให้เข้ากับสถานการณ์และช่วงเวลานั้น ส่วนตัวผมยังใช้วิธีการเดิมๆ คือการดูกราฟ แต่อาจจะไม่เหมือนสมัย 20 ปีก่อน และมั่นใจว่ากราฟยังสามารถเตือนอะไรได้หลายๆอย่าง และผมก็รอดขาดทุนจากกราฟมาหลายครั้งแล้ว
.
การดู หรือใช้ กราฟ ก็เหมือนการดูงานศิลปะ แต่ละคนจะมองไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับคนมอง และจินตนาการของแต่ละคน แต่ที่สุด คือ มันจะเป็นตัวบันทึกพฤติกรรมของหุ้น A ,B,C ผมจึงใช้กราฟในแบบของผมเอง ซึ่งแต่ละคนก็จะใช้กราฟไม่เหมือนกัน ฉะนั้นต้องหาสูตรที่เข้ากับตัวตนของเราเอง เพื่อสร้างกำไรให้กับตัวเอง การใช้กราฟต้องมีวินัย ถ้ากราฟเสียก็ต้องขายทันที ถ้าไม่ขายก็จะเสียหายหนักได้
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยืนหยัดมาได้นานถึง 30 ปีกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ ความระมัดระวัง ใครเตือนอะไรผมจะฟังหมด เพราะช่วง 8 ปีแรกที่ผมเล่นหุ้น ผมไม่เคยกลัวอะไร มองทุกอย่างด้านบวกไปหมด ซึ่งการที่ระมัดระวัง แต่ในสายตาคนอื่นอาจมองว่า “ขี้กลัว”เกินไป เวลาที่เกิดความเสียหายขึ้นมา มันจะทำให้เรารอด แต่บางครั้งการกลัวเกินไป เวลาที่ควรได้ เราอาจจะได้ไม่เต็มที่ เหมือนกับว่า เวลาเสียหายก็ไม่มาก แต่เวลาที่จะได้ก็ไม่มากเหมือนกัน ซึ่งก็เหมาะกับการที่เรามีพอร์ตที่ใหญ่ขึ้น ยิ่งพอร์ตใหญ่หลักพันล้านบาท เราไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสี่ยงมากเหมือนตอนพอร์ตหลักสิบล้านบาท
.
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นมากกว่าลง หลายคนไม่เคยเจอตอนตลาดหุ้นตกหนักๆ ตลาดขาขึ้นเล่นง่ายใครก็ได้กำไร ขอแค่มีหุ้นติดพอร์ต
.
ประสบการณ์ของเสี่ยป๋องที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาตลอด 30 ปี หรือคิดเป็นช่วงเวลา 2 ใน 3 ของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯที่ได้ครบรอบ 45 ปีนี้ ถือเป็นนักลงทุนตัวอย่าง ที่อุทิศตนให้กับคนรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น จากการเป็นวิทยากรผ่านงานสัมมนาและให้ความรู้ และมุมมอง กับนักลงทุนทั่วไป และกล้าที่จะประกาศให้ทุกคนที่สนใจเล่นหุ้นไปศึกษากราฟ แทนที่จะบอกใบ้หุ้นเป็นรายตัว
.
การให้แบบนี้ คือการเผยเคล็ดลับ หรือความลับ ในการกำเนิดเกิดขึ้น เป็นเสี่ยป๋อง นักลงทุนรายใหญ่ ทุกวันนี้
วัชระ แก้วสว่าง (ป๋อง )
อายุ 47 ปี
เกิดวันที่ 16 เมษายน 2516
ที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
ในวัยเด็กอาศัยอยู่ที่ตำบลจันเสน อำเภอตาคลีจังหวัดนครสวรรค์
.
สมรสกับ นางโสภิศ แก้วสว่าง มีบุตร 3 คน
.
การศึกษา
โรงเรียนวัดจันเสน (ป1-2)
โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ (ป3-ม1)
โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร (ม2-3)
โรงเรียนสาธิตสวนสุนันทา (ม4)
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (ม4-5)
ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาดมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)
ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ(MBA)
จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
.
หลักสูตรพิเศษ
RECU44
Global Business Leadership รุ่น1
Ultra Wealth Group รุ่น 2
Digital transformation for CEO รุ่น1
.
อาชีพ
.
นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2535
กรรมการบริษัท ตั้งเล่งเส็งตาคลี จำกัด
กรรมการบริษัท โรงสีแก้วสว่าง จำกัด
กรรมการบริษัท แก้วสว่างเรสซิเด้นท์ จำกัด
.
งานอดิเรก
.
เป็นวิทยากรรับเชิญ แชร์ประสบการณ์ในการลงทุน ตาม งานสัมมนาต่างๆ ทั้งของ ตลาดหลักทรัพย์ set in the city
Money expo หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ทันหุ้นมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยไม่เคยรับเงินตอบแทน
โฆษณา