9 พ.ค. 2020 เวลา 04:31 • ธุรกิจ
ถามทันที กับ อิก เรื่องการลงทุน
คุณ โจ ลูกอีสาน
วีไอต้องปรับmind set อย่างไรในการลงทุน
วิกฤตCovid รอบนี้ อ โจ บอกว่า วิกฤตทุกครั้งก็เหมือนกัน ดัชนีลงมาจากต้นปีเกือบ 30%
ปีที่แล้ว ดัชนีลงมา 10% ถ้าเรานับจากnew high 1850 ลงมาเกือบ 40%
แต่ถ้านับจากต้นปี 28%
ผมผ่านต้มยำกุ้ง หนักกว่านี้เยอะ ถึงแม้subprimeก็หนักกว่า
แต่คราวนี้ นอกจากวิกฤตหุ้น และต้องระวังไม่ให้ติดโรคด้วย
หุ้นลงมาแต่ไม่เยอะมาก ในความเห็นต้องลงระดับ 50%
หุ้นที่ อ โจ ถือ ก็ถูกกระทบ แต่ไม่ถือสิ จะเสียโอกาส อีก 2 ปี หุ้นมีโอกาสกลับไปที่เดิม
ตอนนี้หุ้นลง ของลดราคา เราต้องซื้อ แต่คนส่วนใหญ่ก็ทำใจซื้อไม่ได้
นายตลาด เล่นได้สมบทบาทมาก ทำให้เรา รู้สึกอิน ว่าโลกจะแตก คนจะตายเยอะ
คนลงทุนแบบวีไอ ต้องเข้าใจ อย่าไปอิน แยกตัวเองออกไปให้ได้ คิดอย่างมีเหตุผลก็จะ
ทำให้อยู่รอดได้
การขายในช่วงตลาดหุ้นดี เราก็รวย และ ควรซื้อหุ้นตอนที่ตลาดpanic
แต่ปรากฏว่า คนส่วนใหญ่ทำตรงข้าม เวลาหุ้นราคาแพงไม่ขาย แต่ขายตอนราคาถูกๆ
ก็แสดงว่าเจ๊ง จริงต้องซื้อถูก ขายแพง เป็นหลักการง่ายๆ แต่เวลาทำมันยาก
สิ่งเหล่านี้ต้องเรียนรู้ และ ใช้ประสบการณ์
ต้มยำกุ้ง ผมโดนไม่เต็ม และ subprimeนี้โดนเต็มๆ
ตอนนี้ เริ่มชินกับมัน และ ไม่คล้อยตามตลาด
อารมณ์คราวนี้ยังไม่แย่มาก พูดเสมอๆว่าลงทุนในหุ้นระยะยาว
มีโอกาส100%ที่เจอวิกฤตที่มีเหตุผลไม่เหมือนกัน
ถ้าเราเตรียมตัว และ เตรียมพอร์ตให้แข็งแกร่ง เลือกหุ้นที่ดี
ไม่ใช้หุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง และ ถือน้อยตัว หรือ ใช้margin
ทำให้เราตายได้
เราเตรียมตัวเนิ่นๆก่อนวิกฤต เตรียมพอร์ตให้มีความเสี่ยงต่ำๆ
ถาม Covid ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน รวมถึง WFH ,disrupt ธุรกิจต่างๆ
เป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวไหม
อ โจ ตอบว่า Covidเป็นตัวเร่งมากกว่า ที่พูดมาเป็น Mega trend
Covid เป็นตัวเร่งมากขึ้น อ โจ ค่อนข้าง low tech แต่ตอนนี้ ฝึกซื้อonline ใช้ app ทำธุรกรรมการเงิน
หลังจากผ่าน Covid บางบริษัทอาจไม่กลับไปดีเหมือนเดิม
การค้าonline จะกระทบต่อร้านค้าที่เช่าพื้นที่ในห้าง วิกฤตผ่านไป บริษัทเหล่านี้จะไม่เหมือนเดิม
เราต้องระวังบริษัทเหล่านี้
ถาม ร้านอาหาร หลัง covid ภาพจะเปลี่ยนแปลงไหม
ตอบ คงขึ้นกับแต่ละบริษัท ธุรกิจร้านchainในไทย จะเติบโตในรูปแบบใหม่ๆ
หรือ ออกต่างประเทศ หรือ take over
ตลาดเมืองไทย chain อาหาร ค่อนข้างเฉพาะตัว อาจไม่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ
ตอนนี้ทุกchain ที่อยู่ในห้างก็โดนกระทบ แต่ละร้านก็มีความสามารถในการdeliveryไม่เหมือนกัน
ส่วนธุรกิจขนม ตอนนี้จำเป็นไหม บางคนตกงาน ไม่มีเงินเดือน จะยากที่ไปกินก็ยากหน่อย
รวมถึงร้านอาหารที่ราคาค่อนข้างแพง ก็โดนกระทบมากหน่อย
แต่ธุรกิจห้องแถวยังมีโอกาสมากกว่า
วิกฤตcovid คนต้องผ่านไปได้ แต่ขึ้นกับว่า ช้า หรือเร็ว
หลักการเลือกบริษัท
1.ต้องเป็นบริษัทที่รอดตาย
วิกฤตไม่ได้มาบ่อยๆ จงเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส หุ้นหลายตัวลงมาจนน่าสนใจ
2.เป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องมี แข็งแกร่ง มีเงินสดพอสมควร อยู่ได้ 5-6 เดือน
ถ้าราคาหุ้นลงมาแรง ก็น่าสนใจ
ถ้าเรามีเงิน พยายามหาเงินมาเยอะ และ เพิ่มขนาดพอร์ต ซื้อหุ้นในราคาที่ถูก
ถ้าไม่มีเงินสด ตอนนั้นที่เจอวิกฤตใหม่ ก็ไปshort TFEX ไว้ ดัชนีลงมา
ได้เงินมาซื้อหุ้น แต่ไม่ขายหุ้นที่ถือ
หุ้นบางตัวที่ลงน้อยมาก ก็ใช้โอกาสswitching ไปในหุ้นที่ลงมามากๆ
ถ้ามีหุ้นต่างประเทศที่ไม่ลง ก็โอนเงินส่วนนี้มาซื้อหุ้นประเทศไทย
หรือ อาจใช้margin 10-20%มาซื้อหุ้น
โลภในตอนที่คนอื่นกลัว และ กลัวในตอนที่คนอื่นโลภ ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์
กองทุนตราสารหนี้ ก็เป็นอีกส่วนที่มาซื้อหุ้นได้
วิกฤตไม่ได้มาบ่อยๆ จงเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส หุ้นหลายตัวลงมาจนน่าสนใจ
ถาม หนึ่งในเหตุผลที่ หุ้นที่เป็นสินค้าจำเป็นอยากให้ขยายความ
ตอบ สนามบิน หลังcovid ก็เปิดใหมได้
หรือสายการบิน ก็หลายสายการบินที่รอดได้ และ เปิดบินใหม่ได้
แต่ขึ้นกับว่า เราวิเคราะห์ได้เป็นสายการบินใด
คุณอิก เสริมว่า มีสายการบินนึงสีแดง บอกว่า มีโอกาสไปtake over สายการบินอื่น
แต่คุณอิก พูดอีกว่า วอร์เรน ซื้อสายการบิน เมื่อสามปีก่อน และมีถัวเมื่อต้นปีนี้
ปรากฏว่า ตอนนี้ขายหุ้นไปแล้ว
อ โจ บอกว่า ถ้าเราไม่ตาย เราก็โอกาสกลับมาได้
ทีมงานของคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์มีหลายคน อาจจะเป็นทีมงานตัดสินใจซื้อและขายก็ได้
คุณสมบัตินักลงทุน อย่ายึดติด มีความยืดหยุ่น
ถ้าเห็นว่ายืดเยื้อ มีโอกาสขาดทุน ก็ขายไปก่อน
ผมก็อยากขาย แต่ขายไม่ได้ เลยใช้วิธีshort tfex ซึ่งช่วยได้นิดหน่อย
ถาม กรณ๊ Worst case จีน ใช้เวลา 3 เดือน ในการควบคุม แต่ ศก ร้านรวง ก็เปิดได้น้อย
แต่ประเทศอื่น ยังไม่ถึงจุดที่จีนทำได้ ถ้านานถึง 6-12 เดือน ธุรกิจไหนจะอยู่ไม่ได้
ตอบ ถ้ามีการปิดเมือง ธุรกิจที่ขายสินค้าไม่จำเป็น หรือ บริษัทที่งบการเงินไม่แข็งแกร่งจะไปก่อน
ถ้าเหตุการณ์ยืดเยื้อ หุ้นที่จะเหนื่อยคือหุ้นโรงแรม
ถามว่าเป็นธุรกิจที่จำเป็นไหม ก็ไม่จำเป็นมาก เจอดอกเบี้ยตอนไปซื้อรร ก็อันตราย
แต่ความเห็นส่วนตัว ประเทศอื่นน่าจะทำได้ภายใน3เดือน
สุดท้าย ทุกประเทศก็ใช้วิธีการแบบจีน ก็เลยคิดว่าไม่ยืดเยื้อ
ไวรัสอาจทอดยาวออกไป แต่ ศก ต้องเดินหน้าต่อไปครับ
ตลาดหุ้นเป็น indicator ชี้นำไวสุด จะรอให้เหตุการณ์จบก่อนค่อยซื้อหุ้นอาจไม่ทัน
ดัชนีที่ลงไป969 จุด อาจเป็นจุดต่ำสุดแล้วก็ได้ ตอนนี้ก็เด้งขึ้นมา 17%แล้วครับ
หุ้นบางตัว เช่น PTTEP จาก 51 ไป 79 บาทแล้ว ขึ้นเกือบ 50%
ดังนั้นการรอให้ทุกอย่างชัดเจน ค่อยซื้อ ก็ไม่ทัน
ผมไม่กลัว ว่าซื้อแล้วจะลงอีก
วิธีการ ถ้าหุ้นลงมาเยอะ ช่วง Circuit Breaker ผมชอบมาก
ผมก็จะซื้อหุ้นที่ทำการบ้าน หุ้นไหนลงลึกเกินไป ก็จะทยอยซื้อหุ้นเหล่านี้
ถ้าวันนี้หุ้นถูก ต่อให้ลงอีก ก็ไม่เป็นไร หุ้นที่ซื้อในวันนี้ ในอนาคตกำไรแน่
คนที่ตั้งใจซื้อหุ้นตอน Bottom คนเหล่านี้ผมไม่เคยเห็นคนรวยด้วยวิธีนี้
ผมลงทุนมา 20กว่าปี ผมเคยซื้อหุ้นตัวเดียวที่ราคาต่ำสุด ซึ่งยากมาก
ดังนั้นถ้าราคาหุ้นถูกแล้ว ก็ซื้อได้แล้ว ไม่ต้องสนใจว่าหุ้นจะลงไปอีกไหม
แต่ถ้าเกิดรอแล้วรอเล่า ตลาดหุ้นมันไวมาก ดีไม่ดี ตอนนี้คุณตกรถไปแล้วก็ได้
ถามว่า เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า หุ้นที่ซื้อไปแล้ว ร่วงต่อและเข้าไปซื้ออีก จะเป็นวิธีการที่ดี
ถ้าวิเคราะห์นี้ไม่ดี อาจร่วงต่อได้
ตอบ ผมเชื่อว่าหุ้นที่ล้มหายไม่เยอะ อย่าลืมว่าบริษัทเหมือนคน มีการปรับตัว ลดรายจ่าย ประนอมหนี้
โอกาสล้มหายตายจากไม่เยอะ โอกาสลงทุนแล้วกิจการเป็น 0 มีน้อย
แต่ลงทุนบริษัทไหนละ ที่มี upside สูง และไม่เจ๊ง
แน่นอนสิ่งที่มองเป็นเกมได้เลย normal profit เป็นเท่าไหร่ ถ้าราคาหุ้นลงมาเยอะ
ถ้ากำไรกลับมาเท่าเดิม PE 5 เท่าก็น่าปลอดภัย
ถามวิธีการ Valuation ตอนปกติกับตอนนี้ต่างกันอย่างไร
ตอบ เราไม่สามารถใช้valuationในตอนนี้ เราไม่สามารถเอากำไรที่ผิดปกติมาประเมินมูลค่าได้
ดังนั้นเราควรประเมินมูลค่าในตอนที่วิกฤตผ่านไป
ตย เช่น บริษัทเคยมีกำไรพันล้าน แต่ตอนนี้ขาดทุน พันล้าน ไม่สามารถเอาขาดทุนมาทำกำไรได้
ตอนนี้ ผมลงทุนหุ้นต่างประเทศ 11-12%
ระยะยาวพยายามมีหุ้นต่างประเทศ 20-30% และ พยายามลงทุน ETF แทนการลงหุ้นรายตัว
เลือกประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขัน เช่น สหรัฐ จีน เวียดนาม เยอรมัน
1
ถาม เรื่องความสามารถในการแข่งขัน พูดถึงไทย ที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
และ ธุรกิจที่เป็นธุรกิจตะวันตกดิน
ตอบ อันนี้พูดยาก ประเทศเรา ไม่ใช่เทคโนโลยี บริการอย่างเดียวก็ไม่ได้
อิตาลี พึ่งพาท่องเที่ยวอย่างเดีย เจอโรคระบาด ก็เสียชีวิตเยอะ
เราต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมบริการที่อิงกับการท่องเที่ยว
แต่ GDP อิงกับการท่องเที่ยว 30% แต่เมื่อเจอกับโรคระบาด การท่องเที่ยวก็ถูกกระทบ
แต่ก็เชื่อว่า การท่องเที่ยวน่าจะเป็นตัวผลักดันGDPค่อนข้างดี จ้างงานเยอะ ไม่ต้องลงทุนมากมาย
แต่เราก็ต้องมีอุตสาหกรรมการผลิดบ้าง เรามีกำลังซื้อค่อนข้างเยอะ
อุตสาหกรรมการผลิตรถ คิดเป็น 10% EV เข้ามาก็จะกระทบ
ภาครัฐก็ไม่อยากส่งเสริมEV เพราะกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถ
จีนเป็นผู้นำ แต่ถ้าไม่ให้เข้ามา ก็นำเข้าอย่างเดียว
ส่วนอุตสาหกรรมภาคการเกษตร มีสัดส่วนลดลงเรื่อยๆ เหลือ 7-8% ของ GDP
แต่ใช้แรงงานมหาศาล ผมไม่แน่ใจว่าคุ้มหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามก็ต้องมีภาคการเกษตร
ถาม รอบนี้ดัชนีลงต่ำสุดเท่าไหร่
ตอบ ทุกคนก็อยากรู้ แต่ถ้าเรารู้เราจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เกิดขึ้นเมื่อไหร่
แต่คิดเล่นๆว่า ดัชนีไหนน่าจะเหมาะสมจาก PB ปกติ 1.8 เท่า ตอนนี้ 1.2
อดีต ต้มยำกุ้ง 0.6 เท่า ส่วน Subprime 0.9 เท่า
ครั้งนี้เชื่อว่า PB ลงไป 1 เท่าค่อนข้างปลอดภัย เทียบเท่ากับดัชนี 800 จุด
จะซื้อหุ้นเต็มที่เท่าที่หาเงินได้ ซึ่งคิดว่าลงไป 20% ถือว่าเยอะเหมือนกัน
ถาม หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปันผล10%น่าสนใจไหม
ตอบ วิธีคิดว่า PEต่ำ ตัวเลขที่เห็น เกิดขึ้นแล้ว ส่วนอนาคตละ ไม่น่าจะดีจะถือหุ้นต่อหรือเปล่า
ราคาหุ้นตอบสนองอนาคตไปแล้ว sectorนี้ เป็นวัฐจักร ซึ่งรุ่งเรืองมาสิบปีแล้ว มันดีเกินจริง
ยอดขาย 100 ลบ กำไร 10 ลบ ตอนนี้ครอบครัวลูกน้อย ทำไมต้องไปซื้อบ้านใหม่ที่อยู่ไกล
ทำไมไม่อยู่บ้านพ่อแม่ละ ซึ่งอยู่ในทำเลที่ดีใกล้เมือง
บ้านเดี่ยว ยอดขายในอนาคตจะขายน้อยลง
คอนโดมิเนียม เป็น sectorใหม่มาพร้อมกับรถไฟฟ้า มีแรงซื้อเข้ามา ณ วันนี้แรงซื้อเหล่านี้
Absorbไปพอสมควร รวมถึง สายรถไฟฟ้าเพิ่มอีกหลายสาย ทำให้ยอดขายไม่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นสรุปว่า sectorนี้อยู่ในวัฐจักรขาลง
ถ้าเราไปซื้อหุ้นที่ PE ต่ำ แต่ถ้ากำไรที่เคยดี กลับเป็นกำไรลดลง Yield ลดลง
หุ้นที่ทำให้ผมขาดทุนมากสุด คือ หุ้นวัฐจักร ประมาณ 90%
เพราะเราไปซื้อตอนที่ดี ช่วงที่กำไรดี แต่ปรากฏว่ากำไรดีแค่ชั่วคราว ไม่ยั่งยืน
ปรากฏว่ามันไม่ใช่ ทำให้เราติดหุ้น
กำไรจะกลับมาอีก 10-20 ปี เช่นอุตสาหกรรมเรือ ก็ 8 ปีแล้ว พลาดแล้วจะเหนื่อย
ถาม กลยุทธ์ การshort มองอย่างไร ถึงเป็นจุดshort ตรงจุดไหนเป็นจุดปิดสถานะ
ตอบ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวัง เชื่อเสมอว่าวิกฤตเกิดขึ้นแน่ๆ
เหตุผลนึงคิดว่าอาจจะเกิดจากโรคระบาด
ตอนเจอที่อู๋ฮั่น ก็เริ่มระมัดระวัง มีประสบการณ์จากโรคSars
ผมเลยเอาเงินส่วนนึงไป Short ดัชนี เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ส่วนการปิดposition ตอนนี้ผมปิดหมดแล้ว เพราะตลาดหุ้นรับความเสี่ยงได้ระดับนึง ได้กำไร 30%
ถ้าดัชนีลงไปอีกก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็ทยอยช้อนหุ้นไปเรื่อยๆ
ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมจะshort ดัชนีไว้อีก
ถาม เรื่องการจัดพอร์ตอย่างไร ถือเงินสดเยอะไหม
ตอบ ถ้าดัชนีดี ราคาหุ้นสูง อาจมีเงินสดไว้บ้าง
ตอนดัชนีต่ำ ก็มีเงินสดน้อย โดยรวมก็ซื้อเต็มที่แล้ว
ส่วนmarginกำลังพิจารณา
อยากแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาส หลังเหตุการณ์ควรมั่งคั่งกว่าเดิม
แต่ไม่ได้มีmargin เกิน 15%
การจัดพอร์ตก็เหมือนเดิม ตอนนี้มีหุ้น 70ตัว หุ้นนอกตลาด 3-4 ตัว
ถ้ามีupsideสูงก็ซื้อ
แนะนำว่าถ้าเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท ก็ถือไม่เกิน 10 หุ้น
ถาม กลุ่มที่ปล่อยสินเชื่อ NPL น่ากลัวไหม
ตอบ กลุ่มนี้ราคาลงมาเยอะ บางตัว PE ถูกมาก
ผลกระทบต่อกลุ่มนี้ เยอะมาก ทำให้ราคาหุ้นลงมาเยอะ
พยายามเลือกบริษัทที่รอดตาย หนี้น้อยหน่อย
ส่วนทุนเยอะหน่อย อย่ามองแง่ร้ายเกินไป
ลูกค้ากระจายค่อนข้างสูง
ลูกค้าไม่ถึงครึ่งตกงาน และ สามารถใช้หนี้ได้
บริษัทมีการผ่อนปรน ยืดหนี้ไป
ต้องเลือกให้ถูก
ถาม กลุ่มค้าปลีก ดูเหมือนได้ประโยชน์จากการซื้อสินค้ามาเก็บที่บ้าน
และกลุ่มโรงไฟฟ้า
ตอบ ค้าปลีก โดยรวมน่าจะโดนกระทบ ซึ่งไม่ใช่มีเฉพาะอาหารอย่างเดียว
คนส่วนใหญ่ซื้ออาหารที่เป็นbasic โดยรวม ค้าปลีกไม่น่าจะได้ประโยชน์มาก
คนเริ่มชินซื้อonline จะกระทบเพิ่มขึ้นอีกไหม
กลุ่มโรงไฟฟ้า แทบเป็นกลุ่มเดียวที่ได้ผลกระทบน้อยมากๆ เช่น ค่าFT
แต่ภาครัฐยังรับซื้อ PEถ้าสมเหตุผลก็น่าสนใจ
แต่บางตัว ถูกไล่ราคาไปเยอะ แต่PEค่อนข้างแพง ตัวใหญ่ยังแพง
ตัวกลางๆพอเลือกได้
ประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายครั้ง ทำให้ อ โจ มีภูมิต้านทาน
Covid มีการลุ้นว่าเสียชีวิตเท่าไหร่ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็หายไปเหมือนช่วงน้ำท่วม
สัจจธรรมของตลาดหุ้น มีขึ้น ก็มีลง ดังนั้น หุ้นก็มีโอกาสขึ้นมาได้
ตราบใดที่ยังไม่ขายหุ้น ก็ยังไม่พัง ราคาที่อยู่หน้าจอ เป็นราคามายา
ถ้าเราไม่ทำอะไร ก็ไม่กระทบ แต่ถ้าเราขาย ก็พัง
สุดท้ายราคาหุ้นก็จะกลับมาสู่ปกติ
เราต้องเรียนรู้จากการอ่านประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้น หุ้นลงได้ ก็ขึ้นได้
อย่าไปจมกับวันที่แย่ซึ่งไม่มีความสุข มองอนาคตที่กลับไป จะหล่อเลี้ยงเรา
หาเงินมาเพิ่มด้วยวิธีสุจริต เพื่อซื้อหุ้นที่ดีเพิ่มเติม
แต่เตือนการใช้margin ต้องระวัง ที่ตายเพราะซวยซ้ำซวยซ้อน ลงแล้วลงอีก
ดังนั้น ทางเลือกสุดท้ายที่ใช้margin ใช้ระดับที่เหมาะสม
โฆษณา