10 พ.ค. 2020 เวลา 02:40
ปลาไหลเผือก
ปลาไหลเผือก ชื่อวิทยาศาสตร์ Eurycoma longifolia Jack จัดอยู่ในวงศ์ปลาไหลเผือก (SIMAROUBACEAE)
#chindamaneeth #chindamanee.com #seankroo #จำหน่ายเศียรครู #เทวรูปทองเหลืองอินเดีย
ดูข้อมูลสมุนไพรเพิ่มเติม>>>www.chindamanee.com
สมุนไพรปลาไหลเผือก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า คะนาง ชะนาง (ตราด), กรุงบาดาล (สุราษฎร์ธานี), ไหลเผือก (ตรัง), ตรึงบาดาล (ปัตตานี), ตุงสอ ตรึงบาดาล เพียก หยิกบ่อถอง แฮพันชั้น (ภาคเหนือ), หยิกบ่อถอง หยิกไม่ถึง เอียนด่อน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), ปลาไหลเผือก ไหลเผือก (ภาคกลาง), เพียก (ภาคใต้), ตุวุวอมิง ตุวเบ๊าะมิง (มาเลย์-นราธิวาส), หมุนขึ้น เป็นต้นส่วนชาวไทยมุสลิมทางภาคใต้จะเรียกต้นปลาไหลเผือกว่า "ตงกัตอาลี" (Tongkat Ali)
สาเหตุที่เรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่า "ปลาไหลเผือก" เนื่องมาจากรากของสมุนไพรชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับ "ปลาไหลเผือก" คือ รากเป็นสีขาว มีลักษณะยาวคล้ายปลาไหลเผือก อีกทั้งยังมีเพียงรากเดียว จึงทำให้บางท้องถิ่นจึงเรียกอีกชื่อว่า "พญารากเดียว"
รากปลาไหลเผือกที่ยิ่งมีอายุหลายปีจะยิ่งมีความยาวมาก ซึ่งบางครั้งอาจยาวได้มากกว่า 2 เมตร ทำให้บางท้องที่เรียกว่า "ตรึงบาดาล" ส่วนทางอีสานจะเรียกมันว่า เอี่ยนด่อน (คำว่า "เอี่ยน" ในภาษาอีสานแปลว่าปลาไหว ส่วนคำว่า "ด่อน" แปลว่าเผือก) แต่ชาวอีสานบางท้องที่จะเรียกว่า "หยิกบ่ถอง" ที่เรียกเช่นนั้นก็เพราะมีเรื่องเล่าตรงกันว่าในสมัยก่อนผู้ที่จะออกรบจะต้องพกปลาไหลเผือก (ที่ผ่านการปลุกเสกแล้ว) ติดตัวไปด้วย เพราะถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และก่อนเข้าสู่สนามรบก็นำมาเคี้ยวกิน จะทำให้มีเรี่ยวแรงและพละกำลังในการรบ ทำให้อยู่ยงคงกะพัน จึงได้ชื่อ หยิกบ่ถอง อีเฒ่าหนังยาน เพราะมีความหมายว่าหนังเหนียว ผิวหนังไม่มีความรู้สึกใด ๆ
www.chindamanee.com/ปลาไหลเผือก
ต้นปลาไหลเผือก จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรง มีความสูงตั้งแต่ 1-10 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล แตกกิ่งก้านน้อย กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาล ก้านใบออกจากลำต้นตรงส่วนปลายของลำต้น เรียงกันหนาแน่นช่วงปลายกิ่ง กิ่งก้านสั้นเป็นกระจุกที่ปลายยอดของลำต้น เป็นไม้ลงราก รากมีลักษณะกลมโตสีเขียวและยาว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด และวิธีการตอนกิ่ง จัดเป็นพรรณไม้กลางแจ้งที่ต้องการน้ำและความชื้นสูง เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกประเภท มักพบขึ้นกระจายทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และป่าเต็งรัง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 700 เมตร
รากปลาไหลเผือก รากมีลักษณะยาวและหยั่งลึกลงไปใต้ดิน กลมโต สีขาวนวล รากยิ่งมีอายุหลายปีก็จะยิ่งยาวมาก โดยอาจมีความยาวได้มากกว่า 2 เมตร รากมีรสขมและเบื่อเมาเล็กน้อย ใช้เป็นยาสมุนไพร
ใบปลาไหลเผือก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวียนจากลำต้น ใบประกอบมีความยาวได้กว่า 35 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8-13 คู่ ออกเรียงตรงข้ามหรือเกือบตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่กลับหรือเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่เรียวยาว ใบย่อยมีขนาดกว้างประมาณ 1-3 เซติเมตรและยาวประมาณ 5-10 เมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีเส้นแขนงใบข้างละประมาณ 8-12 เส้น เส้นใบเห็นได้ไม่ชัดเจน เส้นกลางใบนูนเล็กน้อยด้านบนและนูนเด่นด้านล่าง แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบด้านเรียบเป็นมัน ส่วนด้านล่างใบมีขนอยู่ประปราย ไม่มีก้านใบย่อย ส่วนก้านช่อยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร
ดอกปลาไหลเผือก ออกดอกเป็นช่อแบบแยกแขนง โดยจะออกเป็นกระจุกที่ซอกใบและปลายกิ่ง เป็นช่อพวงใหญ่ มีความยาวได้ถึง 30 เซนติเมตร ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกันหรือเป็นแบบแยกเพศแต่อยู่ต่างต้นกัน ที่ดอกจะมีขนสั้นและขนละเอียดเป็นต่อมกระจาย ทั้งบริเวณก้านช่อดอก ก้านดอก ใบประดับ และกลีบเลี้ยงมีขนขึ้นประปรายและมีขนต่อมเป็นกระจุก ดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปใบหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ และเป็นสีม่วงปนแดง มีขนาดกว้างประมาณ 2 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 4-5 มิลลิเมตร กลีบดอกจะแยกออกจากกันอย่างอิสระ ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ประมาณ 5-6 ก้าน มีความยาวประมาณ 1.5-2.5 มิลลิเมตร อยู่ติดสลับกับกลีบดอก โคนก้านชูอับเรณูมีรยางค์และมีขน ส่วนเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันในดอกเพศเมียจะมีขนาดเล็ก ยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ส่วนดอกเพศเมีย รังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ มี 5-6 คาร์เพล แยกออกจากกัน ในแต่ละอันจะมีช่อง 1 ช่อง มีออวุล 1 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียจะเรียวยาว เชื่อมกันหรือแนบชิดติดเหนือรังไข่ประมาณ 1 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ส่วนยอดเกสรเป็นรูปโล่ มีแฉกประมาณ 5-6 แฉกชี้ขึ้น ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ส่วนใบประดับจะมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ร่วงได้ง่าย ส่วนกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม มีขนาดกว้างประมาณ 1 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร หลอดกลีบเลี้ยงสั้น ที่โคนเชื่อมติดกันเล็กน้อย และก้านยอดยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเดือนมกราคม
ผลปลาไหลเผือก ออกผลเป็นพวง หนึ่งพวงจะมีผลประมาณ 5 ผลย่อย ลักษณะของผลย่อยเป็นรูปทรงกลม ทรงรี หรือเป็นรูปไข่ มีขนาดกว้างประมาณ 0.8-1.2 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร เปลือกนอกบาง กลางผลมีร่องตื้น ๆ ตามยาว ส่วนผนังผลชั้นในมีลักษณะแข็ง ผลเมื่อแก่จะเป็นสีแดงถึงสีม่วงดำ และก้านผลยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดปลาไหลเผือกเป็นรูปรี
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของปลาไหลเผือก
1.รากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ต้านมาลาเรีย ลดไข้ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความวิตกกังวล ออกฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกทางเพศในหนูทดลองตัวผู้ มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ช่วยต้านการก่อเกิดเนื้องอก[2] และมีสารต้านการอักเสบ
2.ฤทธิ์ในการลดระดับความดันเลือด จากการใช้สารสกัดจากรากปลาไหลเผือก ที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50% แล้วนำไปทดลองด้วยวิธีการฉีดเข้าไปในหลอดเลือดของสุนัข พบว่าไม่สามารถลดความดันโลหิตได้
3.ฤทธิ์การต้านแพ้ จากการสกัดสารจากรากสดของต้นปลาไหลเผือกด้วยแอลกอฮอล์ 50% ในความเข้มข้นถึง 0.01 กรัมต่อซีซี แล้วทำการทดลองกับลำไส้ของหนูตะเภาที่ตัดแยกจากลำตัว พบว่าทำให้กล้ามเนื้อเรียบเกิดการคลายตัว และยังสามารถต้านฤทธิ์ของ Histamine ได้อีกด้วย
4.ฤทธิ์ต้านมะเร็งและเชื้อ HIV จากการตรวจสอบเบื้องต้นสำหรับฤทธิ์การต้านมะเร็งพบว่า สารสกัดจากปลาไหลเผือกเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านม นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อเอดส์อีกด้วย
5.มีข้อมูลระบุว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่มีฤทธิ์เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidance)[
6.ฤทธิ์ลดไข้ จากการสกัดสารจากรากแห้งของต้นปลาไหลเผือกด้วยแอลกอฮอล์ 50% แล้วทำการทดลองให้สารสกัดที่ได้ผ่านทางสายยาเข้าช่องท้องของกระต่ายทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วยยีสต์ให้เป็นไข้ พบว่าไม่มีผลต่อการลดไข้เลย
7.ฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย รากพบสารออกฤทธิ์ที่มีรสขมในกลุ่ม quassinoids ได้แก่ eurycomanone, eurycomanol, eurycomalactone ซึ่งทั้งสามชนิดนี้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบของเชื้อมาลาเรียชนิดฟัลซิพารัม (Plasmodium falciparum) ในหลอดทดลองและจากการสกัดสารที่เปลือกรากแห้ง ด้วยแอลกอฮอล์ 50% พบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรียชนิด Plasmodium falciparum ได้ดีเช่นเดียวกับสารที่สกัดด้วยน้ำ
8.ฤทธิ์เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ได้มีการศึกษาทดลองทั้งหนูทดลองสูงอายุ ในหนูที่มีอายุปานกลาง และในหนูหนุ่มที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ พบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกสามารถช่วยปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ เพิ่มความทนทานในการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีและนานกว่าหนูในกลุ่มควบคุม แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษานี้ในคนถึงประสิทธิผลของสมุนไพรชนิดนี้
9.ฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย มีการศึกษาพบว่า สารสกัดจากรากสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย หรือ Testosterone ได้ จนนำไปสู่การจดสิทธิบัตรสารเคมีและวิธีการสกัด โดยมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรงของนักกีฬา
10.ความเป็นพิษ จากการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากรากปลาไหลเผือกด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูทดลองกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,786 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใช้รักษาในคน) และทำการทดลองโดยการฉีดเข้าทางใต้ผิวหนังของหนูทดลองในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่พบว่ามีอาการเป็นพิษ ซึ่งสอดคล้องกับกองวิจัยทางแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่รายงานว่าไม่มีพิษ แต่อีกข้อมูลจากหนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม) ได้ระบุว่าเมื่อใช้ “สารสกัดชนิดหนึ่ง” (ไม่ได้ระบุว่าชนิดไหน) ที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วทำการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังและทางช่องท้องในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม พบว่าเกิดเป็นพิษในหนูถีบจักรทดลอง คือทำให้เกิดอาการชักกระตุก หายใจลึก และทำให้หัวใจหยุดเต้นในท่าบีบตัว
ประโยชน์ของปลาไหลเผือก
1.ในสมัยก่อนมีความเชื่อว่าปลาไหลเผือกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ นักรบในสมัยโบราณนิยมกันนัก เพราะเชื่อว่าจะทำให้หนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน และช่วยบำรุงพละกำลังได้อย่างดีเยี่ยม
2.รากปลาไหลเผือกมีสรรพคุณในการล้างพิษ จึงถูกนำมาใช้เป็นยาล้างพิษยาเสพติด เพื่อช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติด แก้อาการลงแดงจากยาเสพติด โดยจะใช้อยู่ในรูปของตำรับ “ยาสามราก” อันประกอบไปด้วยรากปลาไหลเผือก รากโลดทะนงแดง และต้นฮังฮ้อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรถอนพิษทั้งสิ้น
3.ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำเร็จของผงรากปลาไหลที่บรรจุในแคปซูล (ขนาด 400 มิลลิกรัม) เพื่อการบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งประสิทธิภาพนั้นก็ขึ้นอยู่กับอายุและร่างกายของผู้รับประทาน (แนะนำให้กินก่อนอาหารเช้า และให้กิน 2 วัน หยุด 2 วัน หรือทุก 3 วัน หรือกินวันเว้น)
4.สารสกัดจากสมุนไพรปลาไหลเผือกได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นของสหรัฐอเมริกาอยู่หลายสิทธิบัตร เช่น สิทธิบัตรการปรับระดับฮอร์โมนเพศชายด้วยการใช้ปลาไหลเผือก สิทธิบัตรสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นฮอร์โมนเพศชาย สิทธิบัตรในการเป็นยาทาภายนอกเพื่อเพิ่มระดับของฮอร์โมนเพศชายและฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต สิทธิบัตรในการเป็นส่วนประกอบและวิธีการในการเพิ่มกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็ง เพิ่มสมรรถภาพของนักกีฬา การลดไขมันและนำไปสู่การลดน้ำหนัก สิทธิบัตรในการเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในรูปของแคปซูลและยาเม็ด และสิทธิบัตรในการเป็นส่วนประกอบของสารสกัดจากพืชที่ใช้รักษาอาการหัวล้านในเพศชาย
5.จากการต่อยอดจากผลงานวิจัยจนเกิดการจดสิทธิบัตรอีกหลายฉบับ จึงทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ โดยจะเป็นสินค้าที่อยู่ในรูปของอาหารเสริมและเครื่องดื่มเป็นหลัก ซึ่งจะใช้ปลาไหลเผือกเป็นส่วนประกอบหลัก ในการผลิตสินค้ามากกว่า 100 ชนิด โดยทั้งหมดจะเน้นไปที่คุณสมบัติทางด้านการเสริมสมรรถภาพทางเพศเป็นหลัก และอาจกล่าวได้เป็นไวอากราจากธรรมชาติกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ปลาไหลเผือกยังมีสรรพคุณอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นคำโฆษณาจากสินค้าที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมปลาไหลเผือกทั้งหลายบนเว็บไซต์ (เพียงแต่ผู้เขียนยังหาแหล่งอ้างอิงของสรรพคุณส่วนนี้มายืนยันไม่ได้ จึงไม่ขอยืนยันความถูกต้องของข้อมูลนะครับ แนะนำว่าควรใช้วิจารณญาณประกอบไปด้วยครับ) เช่น ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านความเครียดและลดความกังวล ชะลอความเสื่อมหรือความแก่ชราของร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดอาการเมื่อยล้า แก้อาการอ่อนเพลีย แก้อาการเมาค้าง นอนไม่หลับ มีอาการไอเรื้อรัง รักษาโรคเลือด โรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ ไมเกรน โรคปอด โรคตับ โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร โรคกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ กินของแสลง อาหารเป็นพิษ แก้ตกขาว ประจำเดือนดำ แก้อาการปวดมดลูก ลดสภาวะวัยทองทั้งชายและหญิง สร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย ช่วยเพิ่มจำนวนสเปิร์มในน้ำอสุจิ เพิ่มความแข็งแรงและความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของสเปิร์ม บำรุงสเปิร์มและไขกระดูก ช่วยบำรุงไต แก้น้ำเหลืองไม่ดี แก้ประดงต่าง ๆ แก้งูสวัด แก้สะเก็ดเงิน แก้เส้นเอ็นอักเสบ แก้อาการปวดฟัน ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง ปวดเอว ปวดกระดูก มือเท้าชา ข้อเสื่อมรูมาติก เกาต์ แก้อาการปวดข้อของสตรีในวัยหมดประจำเดือน เป็นอัมพฤกษ์เริ่มแรก เป็นมะเร็งเริ่มแรก โบราณว่าเป็นยาสำหรับใช้รักษาโรคได้ 108 ชนิด และได้ระบุวิธีการใช้รักษาอาการต่าง ๆ ไว้ดังนี้
1. เบาหวาน ความดันโลหิต ให้รับประทานยาแคปซูลครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือให้ใช้รากแห้งนำมาต้มกับน้ำกิน
2. ริดสีดวงจมูกและริดสีดวงทวาร ให้รับประทานยาแคปซูลครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น สำหรับริดสีดวงทวารถ้าหัวโผล่ออกมาก็ให้ทำเป็นยาทาด้วย
3. แก้ปวดฟัน ให้ใช้ยาผงนำมาอุดฟันที่มีอาการปวดแล้วอมไว้ประมาณ 5 นาที อาการปวดจะหายไป
4. แก้หอบหืด ให้ใช้ยาผงบดกับน้ำซาวข้าว ใช้กิน 1 แก้ว หรือใช้ต้มกินเช้าและเย็น
5. โรคกระเพาะอาหาร ให้ชงยาผงบดกับน้ำเปล่า 1 แก้ว ใช้กินก่อนอาหารวันละ 3 แก้ว
6. หากกินของแสลง อาหารเป็นพิษ หรือมีอาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ มีอาการอ่อนเพลีบ เมาค้าง ไอเรื้อรัง ให้ใช้ยาผงชงกับน้ำอุ่นดื่ม 1 แก้ว
7. งูสวัด ให้ใช้ยาผงผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำมาใช้ทารอบแผลอย่างช้า ๆ
8. สะเก็ดเงิน ให้ใช้ยาผงผสมกับมะนาวแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น
9. แก้พิษต่าง ๆ เช่น ตะขาย แมงป่อง ปลาดุก ฝี ผดผื่นคัน ให้ใช้ผงผสมกับน้ำมะนาวนำมาแล้วจะหาย
10. บ้างว่ารสขมจากรากจะสามารถทำให้การหลั่งน้ำลายเพิ่ม กระตุ้นทำให้อยากอาหาร#chindamaneeth #chindamanee.com #seankroo #จำหน่ายเศียรครู #เทวรูปทองเหลืองอินเดีย
ดูข้อมูลสมุนไพรเพิ่มเติม>>>www.chindamanee.com
โฆษณา