- โทษว่าเป็นความผิดของเหยื่อ เช่น เด็กมันชอบยั่ว แต่งตัวโป๊ก็ไม่แปลก >>> ส่งผลให้เหยื่อไม่ได้รับความยุติธรรม
- มองว่าการโดนข่มขืนเป็นเรื่องน่าอาย เป็นตราบาป >>> ทำให้เหยื่อไม่กล้าพูด เพราะไม่อยากถูกสังคมตีตรา ส่งเสริมให้มีการข่มขืนต่อไป
- มีการถูกเนื้อต้องตัว พูดจาแทะโลม แต่เหยื่อได้รับการแนะนำให้ปล่อยผ่าน >>> ทำให้การถูกเนื้อต้องตัวตัว และพูดจาแทะโลมดำเนินต่อไป
- มองว่าคนที่ถูกข่มขืน ต้องเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวหรือทำตัวยั่วยวน >>> ส่งผลให้เกิดการโทษเหยื่อ หรือไม่เชื่อเหยื่อ หากไม่ตรงกับความคิดของตน
- มองว่าคนที่ถูกข่มขืน ต้องเป็นคนหน้าตาดี >>> ส่งผลให้ไม่เชื่อเหยื่อ ที่หน้าตาไม่ดีเท่าที่ตนคิด
- มองว่าผู้ที่ข่มขืน ต้องหน้าตาร้าย ด้วยคิดว่าหน้าตาดี ไม่จำเป็นต้องข่มขืน สามารถหาได้ ทำให้ไม่เชื่อ หากผู้กระทำผิดหน้าตาดี
- มองว่าผู้ชายที่ข่มขืน ทำไปตามสัญชาติญาณ เพราะถูกยั่วยวน >>> ทำให้ความผิดของผู้ข่มขืนดูลดน้อยลง และถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ
- มองว่าผู้หญิงเท่านั้นที่ถูกข่มขืน >>> ทำให้ไม่เชื่อในกรณีที่มีผู้ชายถูกข่มขืน ทั้งจากผู้หญิงหรือผู้ชาย
- มองว่าการถูกข่มขืนต้องเกิด ณ ที่ที่หนึ่ง เช่น ต้องอยู่ในป่า อยู่ในที่ลับตาคน >>> ทำให้ไม่เชื่อเรื่องการข่มขืน หากเกิดในที่ที่ตนคิดว่าไม่น่าเกิด เช่น บ้าน โรงเรียน