13 พ.ค. 2020 เวลา 10:21 • ไลฟ์สไตล์
โปรดอ่านต่อหน้าต่อไป
ในเรื่องของชีวิตนั้น การเปลี่ยนผ่านของช่วงเวลานั้นคือสิ่งที่คุณต้องเผชิญ แล้วคุณไม่มีทางหลีกหนีมันพ้น ไม่ว่าก่อนหน้านั้น คุณจะมีความสุขจนล้น จะทุกข์ระทมจนคุณอยากจะลบเลือนมันออกจากช่วงชีวิตไปให้พ้นๆเสีย
แล้วผมก็เป็นคนนึงที่รู้สึกปลื้มปริ่มหัวใจในช่วงเวลาตลอด 20กว่าปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นช่วง ประถม มัธยม หรือแม้กระทั่งมหาลัย
แต่แล้วเมื่อถึงช่วงการเปลี่ยนผ่านในช่วงวัยอย่างเช่นจบการศึกษา ในช่วงก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ภาพเก่าๆในอดีตที่มีทั้งสุขและทุกข์ต่างย้อนเข้ามา แล้วฉายมันออกทางสายตา ดั่งโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายภาพความสนุกสนาน
ในงานรวมรุ่น และสิ่งนั้น มักทำให้ฉันเกิดความรู้สึกที่ว่า “จะเป็นไปได้มั้ย” ที่เราจะขอต่อเวลาแห่งความสุขเหล่านี้ ให้มันยืดออกไปดั่งเช่น การทดเวลาบาดเจ็บ
และมัน “จะเป็นไปได้มั้ย” ที่จะทำให้เราไม่ลืมเลือนความสุขเหล่านั้น ที่มันจะผ่านพ้นไปตามกาลเวลา เพราะลึกๆแล้วนิยายส่วนใหญ่ มักจะมีวันจบบริบูรณ์
แล้วถ้าเป็นนิยายชีวิตล่ะมันจะมีวันจบบริบูรณ์เหมือนนิยายทั่วไปมั้ย?
ผมคิดว่ามันอาจจะมี ในมุมมองที่ว่า เมื่อเรานั้นเดินทางมาถึงจุดอิ่มตัวที่สุด หรือแม้แต่จุดสุดท้ายของชีวิตของเรา แต่สิ่งเหล่านี้มันก้อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป
ตราบใดที่คนเรานั้นยังคงมีความเมตตา และสร้างคุณค่าให้กับสิ่งรอบกายให้เป็นความทรงจำของกันและกัน สิ่งนั้นก็อาจจะช่วยต่อเวลาการจบบริบูรณ์ของนิยายชีวิตเราได้ออกไป
แต่ถึงยังไง หัวใจสำคัญมันก็ยังอยู่ที่ระหว่างการเขียนนิยายชีวิตนั้น เราจะขีดเขียนมันออกมาเป็นเช่นไร ให้นิยายนั้นถึงแม้จะจบบริบูรณ์ไป แต่ยังคงเป็นที่จดจำของใครหลายคนๆ
และในระหว่างที่นิยายกำลังดำเนินต่อไป มันจะเป็นยังไง นั้นไม่สำคัญ แล้วยอมรับเรื่องราวที่มาว่า สุดท้ายนั้น มันจะกลายเป็นความทรงจำ เมื่อเวลานั้นมาถึง
เพราะฉะนั้นได้โปรด “อ่านต่อหน้าต่อไป”
โปรดอ่านต่อหน้าต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา