14 มิ.ย. 2020 เวลา 00:25 • ปรัชญา
บันทึก การคุยกับแม่และโลกที่เปลี่ยนไป
นานๆทีจะว่างคุยกับแม่ จึงตั้งคำถามกับแม่ในเรื่องของการทำงานของคนในแต่ละรุ่น รวมถึงเรื่องโรคซึมเศร้าที่พบว่าตอนนี้ผู้คนในสังคมรวมถึงคนใกล้ตัวเป็นกันมาก
คนสมัยก่อนรุ่นพ่อแม่ (อายุ 60 อัพ)ทำงานโดยใช้แรงงานเป็นส่วนใหญ่ ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้อยู่รอด เพราะสมัยก่อนคนส่วนใหญ่ไม่มีการศึกษาสูงเหมือนคนรุ่นหลังๆ
รุ่นต่อมา( อายุ 35-50 ปี) เป็นรุ่นของคนที่นิยมรับราชการ และทำงานบริษัท
ส่วนรุ่นเรา ( อายุ 25-35 ปี ) จะเป็นรุ่นที่อยากมีธุรกิจส่วนตัว มีแนวทางของตัวเอง
สำหรับรุ่นเด็กๆ ( อายุน้อยกว่า 25 ปี) จะเป็นยุคของออนไลน์ เกือบเต็มรูปแบบทั้งการใช้ชีวิต การซื้อขายของ และการทำงานหาเงิน
📌คำถาม : "แม่คิดว่า เด็กรุ่นนี้และรุ่นต่อไป เค้าจะมีการทำงานกันยังไง"
คำตอบจากแม่ : คนสมัยก่อน เสื่อผืนหมอนใบเขาขยันทำงาน อดทน รู้แค่ว่าพอพระอาทิตย์ขึ้นก็ต้องออกไปทำงานแล้ว และถ้าพระอาทิตย์ยังไม่ตกก็ยังทำงานต่อไปได้ เค้าเป็นเจ้าสัว ส่งต่อธุรกิจกันมาจนรุ่นหลานรุ่นเหลน คนยุคใหม่ รักสบาย จะทำงานแต่ในห้องแอร์ ขายของออนไลน์ก็รวยเร็วแต่ฉาบฉวย ถ้าเครือข่ายออนไลน์พัง ก็ต้องหยุดกันไปหมด
📌คำถาม : แล้วสมัยก่อนมีคนเป็นโรคซึมเศร้ามั้ย หรือเขาไม่ออกข่าวแบบนี้เลยไม่รู้ แล้วทำไมสมัยนี้มีคนเป็นซึมเศร้าเยอะจัง"
คำตอบ : คนสมัยก่อนเค้าต้องทำมาหากินกันตลอด จับจอบจับเสียม ไม่มีเวลามาคิดฟุ้งซ่านหรอก ออกไปทำงาน กลับมาบ้านก็มานั่งล้อมวงกินข้าวกัน คุยกัน มันก็รู้เรื่อง
🎯 ผมอายุ 30 ปี จำได้ว่าช่วงที่เฟสบุ๊คเข้ามา(ขอนับว่าเป็นช่วงที่สังคมออนไลน์เริ่มขยายตัวเร็วแล้วกันนะครับ) มันเพิ่งจะผ่านมาแค่ 10 ปีนิดๆเอง แต่ทุกอย่างรอบตัวแตกต่างไปจากเดิมมาก
คำตอบของคนที่ผ่านมาหลายยุคสมัย เป็นคำตอบที่ง่ายๆ แต่ก็ตีความได้เยอะเลย ผมไม่รู้ว่าต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้นในโลกและการสื่อสารอีกบ้าง แต่ผมเชื่อว่ามนุษย์ ยังไงก็จะคิดหาทางให้ตัวเองสบายขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว
แต่หลายๆคนที่สร้างตัวเองขึ้นมาอย่างยากลำบากก็มักจะพูดว่า การจะมั่งคั่งร่ำรวยอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามต้องผ่านการทำงานหนักเท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจริงมั้ย เพราะเหมือนว่าคนสมัยใหม่จะรวยกันง่าย รวยกันเร็วเหลือเกิน
😥 ส่วนประเด็นโรคซึมเศร้านั้น คำตอบง่ายๆของแม่ดันไปตรงกับที่นักจิตวิทยาคนนึงเคยพูดไว้ว่า"คนเราขยับร่างกายน้อย สมองและใจจะขยับมาก ซึ่งอาจจะทำให้เราคิดอะไรวน และมักเป็นความคิดลบ"
สำหรับผม คนสมัยก่อนทำงานใช้แรงมากกว่าในสมัยนี้ พอใช้แรงก็คล้ายออกกำลังกาย ฮอร์โมนความสุขคงหลั่งมาบ้างไม่มากก็น้อย และกลับมาบ้านก็เจอหน้าและพูดคุยกับคนในบ้าน ไม่ใช่ในมือถือหรือหน้าจอคอม ซึ่งความทุกข์ต่างๆที่ผ่านการระบายออกมาให้คนอื่นรับฟังมันคงจะดีกว่าการเก็บไว้กับตัวและดูซีรีย์เพื่อให้ลืม สุดท้ายซีรีย์จบ เล่นเกมส์จบ ความทุกข์ก็กลับมา
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนสมัยนี้จะเป็นโรคซึมเศร้ากันมาก เพราะสภาพสังคมหรือแม้กระทั่งครอบครัวที่บีบคั้น การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นก็มีมาก เพราะเราเห็นเปลือกของคนอื่นในโซเชียลทุกวัน
😎 สิ่งที่ทำได้ คือ ถ้ายังไม่เป็นต้องเข้าใจว่ามันก็คือ การไม่สบายแบบหนึ่งเท่านั้น และถ้าบังเอิญคุณเป็น สิ่งที่จะทำให้คุณหายได้ คือ ยอมรับมัน ไปพบแพทย์ กินยาอย่างเคร่งครัด และบอกคนที่คุณรักว่าคุณเป็นโรคนี้ เพื่อให้คุณไม่ต้องผ่านเรื่องนี้ไปคนเดียวและคนอื่นจะได้เข้าใจคุณมากขึ้นครับ ^^
โฆษณา