10 พ.ค. 2020 เวลา 17:33
วิธีดูแล ลูกนก เป็นถุงลมรั่ว
ลักษณะอาการ คือ มีการพองลมตั้งแต่บริเวณคอ ไปถึงกระเพาะพัก หนักสุดคือพองถึงกลางหลัง ลำตัว จะทำให้ลูกนกหายใจลำบาก
จากรูป คือ ลูกนกหงส์หยก(สายพันธุ์ฮอนแลนด์) โดยตัวผู้เขียนเริ่มเลี้ยงตั้งแต่น้องออกจากไข่ น้องระฆัง (ชื่อลูกนก) ออกจากไข่เอง โดยแม่นกเขี่ยไข่ทิ้ง ไข่ร้าว ตัวผู้เขียนก็นำไข่ใบนั้นมาวางไว้ ไม่ได้สนใจ ผ่านไปสองวัน ได้ยินเสียงลูกนกร้องจึงเดินตามหา ตามกรง (ต้องสังเกตุมีเหตุสุดวิสัยบางครั้งก็มีลูกนกตกหล่นอยู่ใต้ถาดกรง) ปรากฎว่าไม่มี จึงออกเดินหาเสียง จนมาเจอตัวน้องระฆัง ทางผู้เขียนเองก็ไม่กล้านำมาเลี้ยงเอง (เพราะเคสลูกนกแรกเกิดแบบนี้โอกาสรอดน้อยมาก) จึงพาไปให้แม่นกเลี้ยง ทำไงแม่นกก็ไม่ยอมป้อนน้องระฆัง จนผ่านไปสักชม. เห็นท่าไม่ดี จึงตัดสินใจนำมาเลี้ยงเอง
การป้อน เริ่มมื้อแรก คือ ป้อนน้ำอุ่น จากนั้น รอประมาณชั่วโมงครึ่ง (กระเพาะพักเริ่มแฟบแห้ง) จึงเริ่มป้อนอาหาร (อาหารชงเหลวมาก) ป้อนครั้งละ ไม่ถึงหยด แค่เห็นกระเพาะพักเริ่มมีอาหาร ทิ้งช่วงได้ประมาณสี่สิบนาที จึงป้อนใหม่ ค่อยๆ เว้นระห่างเวลาการป้อนไปเป็น หนึ่งชั่วโมง , หนึ่งชั่วโมงครึ่ง
สี่วันแรก น้องปกติมาก กินเก่ง ย่อยดี แต่พอเริ่มเข้าสู่วันที่ห้า ตรงบริเวณคอด้านหลังของน้องระฆัง เริ่มพองลมออกทีละนิด เริ่มเห็นท่าไม่ดี ตอนทุ่มครึ่ง จึงช่วยน้องโดยการป้อนน้ำอุ่นผสมเอ็มไซมช่วยย่อยอาหาร จากนั้นรอ อาการเริ่มดีขึ้น จึงป้อนอาหารทีละนิด น้องเป็นๆ หายๆ แต่มีการพองบวมมากขึ้นเรื่อยๆ
การหาหมอ (สัตวแพทย์เฉพาะทางสำหรับต่างจังหวัดเป็นเรื่องที่หายากมาก) ยิ่งช่วงเวลากลางคืน แต่ทางผู้เขียนก็พยายามติดต่อหมอที่ใกล้ที่สุด (นกเล็ก การเคลื่อนย้าย เปลี่ยนอากาศ ก็ทำให้นกเสียชีวิตได้)
ตั้งแต่น้องเป็นก็เริ่มหาข้อมูลการรักษาทุกอย่างเท่าที่หาได้ จากท่านอื่นๆ ที่มีประสบการณ์
สามวันแรก ที่น้องมีอาการ จะใช้วิธีกดไล่ลมให้ออกทางปาก โดยนำตัวน้องนอนคว่ำ ตรงฝ่ามือ ให้หัวน้องอยู่เลยมือ ตั้งให้น้องอยู่ท่ายืน จากนั้น ค่อยๆ กด บริเวณที่มีลมจากตรงกลางหลังช้าๆ ใช้นิ้วกดเบาๆ สังเกตุน้องจะอ้าปาก ลมค่อยๆ ออก ความบวมค่อยๆ ยุบ รอจนลมหมด จึงป้อนอาหาร
แต่พอเข้าสู่วันที่เจ็ด น้องเริ่มบวมพองมากขึ้นเรื่อยๆ การกดไม่ช่วยแล้ว และน้องจะมีอาการแย่ลงมากขึ้น ในเวลากลางคืน น้องจะหายใจลำบากมาก สุดท้าย จึงทำตามคำแนะนำ (ที่บางท่านบอกให้เลี่ยง) ใช้เข็มเจาะ
การใช้เข็มเจาะ จะใช้เข็มเย็บผ้าเบอร์เล็ก เข็มใหม่ ฆ่าเชื้อโดยแช่แอลกอฮอล์ รอเข็มแห้งสนิท จึงเจาะ (กลัวแอลกอฮอล์จะทำให้น้องเจ็บจนทนไม่ไหว) เลือกบริเวณด้านหลังที่โปร่งพองมากสุด ไม่เห็นเส้นเลือด เจาะโดยจิ้มลงผิวตรงๆ จากนั้นรีบใช้นาโนสเปรย์ (สำหรับใส่แผลสัตว์เลี้ยง นาโนสเปรย์ไม่ทำให้แสบ และไม่เกิดอาการแพ้ เหมาะสำหรับใช้กับสัตว์ที่มีขนาดเล็กมาก เพราะเบตาดีนมีการระคายเคือง แสบ หรือแพ้ สัตว์อาจทนความเจ็บไม่ไหว) ใส่แผลที่เจาะ รอลมออกหมด จึงค่อยๆ ป้อนอาหาร
น้องระฆัง วิกฤตหนัก ต้องเจาะ ถึงสามครั้ง วันเว้นวัน จากนั้นจึงเริ่มดีขึ้น
ส่วนการป้อนอาหารจะต้องเป็น กรณีพิเศษมาก น้องป้อนปริมาณมากไม่ได้ อาหารที่ชงต้องเหลวแต่ไม่จาง ทิ้งช่วงห่างเกิน สี่สิบนาทีไม่ได้ ถ้าเกินตัวน้องจะกลับมาบวม ทำแบบนี้อยู่ประมาณเจ็ดวัน น้องเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มเว้นช่วงการป้อนได้นานขึ้น กินได้ปริมาณมากขึ้น จน กลับมาเหมือนปกติ
แต่ตัวน้อง จะออกเล็กกว่านกในรุ่นที่เกิดพร้อมกันเล็กน้อย
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ (มีหลายสาเหตุ) :
1. เกิดจากตัวลูกเองไม่สมบูรณ์
2. การป้อนอาหารถี่เกิน ป้อนมากเกิน ป้อนข้นเกิน ทำให้ลูกนกย่อยอาหารไม่ทัน เกิดก๊าซเน่าเสีย จนทำให้เป็น
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ
รูปปัจจุบันของน้องระฆังค่ะ
โฆษณา