11 พ.ค. 2020 เวลา 04:00 • ธุรกิจ
Iron Man หนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกที่เกือบทำ Marvel เจ๊งไปซะแล้ว!!
รู้รึป่าว มาร์เวลเคยตกที่นั่งลำบากจนยื่นล้มละลายในปี 1996 และต้องต่อสู้กัดฟันกับสภาวะการเงินที่ยากลำบากเป็น 10 ปี ก่อนที่จะมีจักรวาลมาร์เวลหรือ MCU (Marvel Cinematic Universe) ที่ยิ่งใหญ่และมีมูลค่าหลายพันล้านอย่างทุกวันนี้
ในการที่จะให้ธุรกิจอยู่รอด มาร์เวลต้องจำใจขายลิขสิทธิ์ตัวละครที่โด่งดังที่สุดอย่าง สไปเดอร์แมน, เอ็กซ์เมน, และ แฟนตาสติก โฟร์ ให้กับค่าย 20th Century Fox อย่างไม่มีทางเลือก หลังจากนั้นไม่นาน หนังเรื่อง ‘Spider-Man (2002)’ จากโซนี่ก็ประสบความสำเร็จเป็นพลุแตกจนมีการสร้างภาคต่อถึง 2 ภาคภายในเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น ซึ่งมาร์เวลที่ขายลิขสิทธิ์ไปแล้ว ก็เลยไม่ได้ส่วนแบ่งจากรายได้ของหนังเรื่องนี้เลยซักกะบาท พวกเค้าจึงตัดสินใจว่า เอาวะ ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ขอทุ่มให้กับการสร้างหนัง และไปกู้เงินมาลงทุนเกือบ 15,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
3
แต่ทำไมพวกเค้าถึงได้เลือกไอรอนแมนเป็นหนังเรื่องแรก แน่นอนว่า ด้วยการเดิมพันที่สูงจากหนังเรื่องนี้ว่าจะปังหรือจะพัง มาร์เวลก็ไม่ได้ตัดสินใจเลือกเอาเองเฉย ๆ แต่ทำวิจัยเป็นจริงเป็นจังด้วยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง หรือ Focus Group จากกลุ่มเด็ก ๆ ด้วยการโชว์รูปซุปเปอร์ฮีโร่หลากหลายตัวละครให้เด็ก ๆ ดู พร้อมกับบอกชื่อ พลังพิเศษ อาวุธ และให้พวกเค้าเลือกว่าชอบซุปเปอร์ฮีโร่ตัวไหนมากที่สุด ซึ่งไอรอนแมนนั้นทำคะแนนนำไปอย่างถล่มทลาย อีกหนึ่งเหตุผลที่มาร์เวลเลือกกลุ่มเด็ก ๆ ก็เพราะถ้าหากว่าหนังเรื่องนี้มันไม่สร้างรายได้เท่าที่ควร ก็ยังสามารถที่จะทำรายได้ชดเชยจากการขายของเล่นนั่นเอง
ภาพจาก : Iron Man (2008)
เรียกได้ว่าหากไอรอนแมนไม่ประสบความสำเร็จและทำเงินไปได้กว่าเกือบ 2 หมื่นล้านทั่วโลก คงจะเหมือนธานอสดีดนิ้วให้มาร์เวลกลายเป็นฝุ่น ปลิวหายไปจากจักรวาลนี้ จึงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของจักรวาลหนังมาร์เวลราคาหลายพันล้าน ส่วนหนึ่งจะมาจากกลุ่มเด็ก ๆ ที่นั่งเลือกของเล่นอย่างสนุกสนาน ความจริงแล้วการที่คนมากมายชื่นชอบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ อาจจะเป็นเพราะทุกครั้งที่ดูหนังก็มีความรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
แล้วทุกคนหละคะชื่นชอบฮีโร่คนไหนกัน เขียนคอมเม้นมาแชร์กันได้นะคะ :)
โฆษณา