11 พ.ค. 2020 เวลา 12:00
What did we learn from covid crisis 19?
เราเรียนรู้อะไรได้จากวิกฤต โควิด 19 ?
มีใครเคยคิดกันบ้างไหมครับว่า "เราจะต้องมาเผชิญกับวิกฤตเกี่ยวกับ สงคราม ความยากจน ภัยธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน ความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจย่ำแย่ และ โรคระบาด?"
แน่นอนครับเราอาจจะคิดว่าสักวันหนึ่งมันอาจจะเกิดขึ้น แต่เราคิดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นในยุคสมัยของเรา แต่ไม่มีสิ่งใดแน่นอนเสมอไปบนโลกใบนี้
และ เหตุการณ์ในอดีตได้บอกเล่ากับเรามาแล้วผ่านประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น
ไข้หวัดสเปน เมื่อปี 1918
สงครามโลกครั้งที่ 1และ 2
ความยากจนที่เกิดจากสงคราม
แม้กระทั่งภาวะโลกร้อนที่เจอทุกวันนี้
มนุษย์เราล้วนผ่านสิ่งต่างๆมาได้เสมอจนกระทั่งล่าสุด ไวรัสตัวใหม่ที่มีการแพร่กระจายจากประเทศหนึ่ง สู่อีกประเทศจนกระจายหลากหลายไปทั่วโลก จนมาสู่ประเทศของเรา คือ ประเทศไทย
ณ ตอนนี้เรากำลังเผชิญกับวิกฤต covid 19 มีคนติดเชื้อทั่วโลก 4 ,100,000 คน
เสียชีวิต 282,000 คน
รักษาหาย 1,400,000 คน
แล้วเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกและในประเทศของเรา?
อย่างแรก เรื่องความสะอาด
จากการประกาศขององค์การอนามัยโลก (who-World health organization) ได้ประกาศว่า
ไวรัสโคโรน่าเป็นเชื้อไวรัสที่อันตราย ถึงแก่ชีวิตได้อย่างอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้ในการรักษาหรือวัคซีนป้องกันโรค
ดังนั้นสิ่งที่เราควรใส่ใจคือ สุขอนามัย และ ความสะอาด จากที่เราไม่ล้างมือเมื่อออกจากห้องน้ำหรือออกนอกบ้าน หน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคและป้องกันการแพร่กระจาย แต่มา ณ ตอนนี้ทั่วโลก และ คนไทยต่างตระหนักถึงสิ่งนี้กันถ้วนหน้า
เราเริ่มสังเกตเห็น ผู้คนใส่ใจความสะอาดมากขึ้น การป้องกัน และ การทำความสะอาด
แม้จะหมดวิกฤตนี้ไปแต่มนุษย์เราต้องรักษาความสะอาดเสมอเพื่อตัวเราเองและความปลอดภัยของคนรอบข้าง
อย่างที่ 2 คุณค่าของเงินตรา
จากปกติแล้วที่คนส่วนใหญ่ใช้จ่ายอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจ ดื่มเหล้า ทานบุฟเฟต์ ซื้อของตามแฟชั่นโดยไม่มีความจำเป็นเพราะกลัวตกยุค พอเกิดวิกฤตที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น สินค้ามีราคาแพง หน้ากากจากปกติ 20 บาท เป็น50-80บาท แอลกอฮอล์ที่เมื่อก่อนไม่มีคุณค่าที่ราคาเพียง 70-130 บาท จนตอนนี้เป็นขวดละ 250 บาท
จุดลำบากอยู่ที่ตรง "ผู้คนไม่มีเงินเก็บ บางคนถูกไล่ออก เนื่องจากบริษัทแบกภาระไม่ไหว ไม่มีรายรับจากลูกค้า รายจ่ายเงินเดือนจะไปถึงลูกจ้างได้อย่างไร?" ผู้อ่านจะได้เห็นจากข่าวที่มีคนฆ่าตัวตาย บางคนไม่มีงานทำขอตัดหญ้าหน้าบ้านแลกข้าวยังมี
ฉะนั้นแล้ว เงินตราเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกยุคทุกสมัย บางคนอาจพูดว่า"ไม่มีเงินก็หาใหม่ได้" ลองถูกไล่ออก ไม่มีงานทำ ณ วิกฤตตอนนี้โดยไม่มีเงินเก็บสิครับ แล้วจะรู้ว่า
"เงินอาจหาใหม่ได้ แต่ถ้าไม่มีใครให้งาน เงินจะมาได้อย่างไร?"
อย่างที่ 3 เนื้อแท้ของคน
"วิกฤตย่อมสร้างวีรบุรุษ ขณะเดียวกันวิกฤตย่อมเผยเนื้อแท้ของมนุษย์" เคยคิดกันไหมครับว่า คนที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์ปกติ พอเจอ วิกฤตกลับกลายเป็นคนละคน ผมอยากบอกกับผู้อ่านทุกท่านว่า " เป็นเรื่องปกติโดยธรรมชาติของมนุษย์ครับ" เพราะเนื้อแท้ของคนเรามักถูกเปิดเผยออกมา ณ สถานการณ์ที่ไม่ปกติเสมอ
หากสถานการณ์ตึงเครียด? คุณเลือกตอบสนองได้เสมอ แต่มนุษย์เรามักตอบสนองตามสัญชาตญาณของเราหากเจอเหตุการณ์ที่ทำให้อึดอัด เรียกว่า" เผยเนื้อแท้"
ลองสังเกตคนรอบข้างว่านิสัยเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างจากเดิมที่ดี อาจเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็ได้ครับ
อย่างที่ 4 ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ณ เหตุการณ์ที่ไม่ปกติของบ้านเมือง เรามักคาดหวังให้ใครสักคนยื่นมือมาช่วยเราเสมอ แล้วคนส่วนใหญ่หวังว่าใครกัน? "รัฐบาลไงครับ
แต่เราเคยคิดกันไหมครับว่า ทำไมเราต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับใคร หรือ กลุ่มบุคคลด้วย?
เราคาดหวังและกร่นด่าทอรัฐบาลที่ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ หรือ ล่าช้า
ขณะที่เรากร่นด่าสาปแช่งรัฐบาล ณ ตอนนั้นเราสามารถหางานสำหรับคนไม่มีงานทำ ทำงานให้ดีขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและป้องกันการถูกคัดออกงาน หาวิธีหาเงินช่องท่างอื่น สิ่งให้ทำมีมากมายโดยไม่ต้องพึ่งรัฐบาลหรือคนอื่น
"ถ้าไม่พึ่งตัวเอง แล้วจะพึ่งใคร? คนอื่นหรือ?
ช่างน่าขันที่ฝากชีวิตตนไว้กับผู้อื่น โดยเฉพาะ
รัฐบาล"
อย่างที่ 5 ครอบครัวสำคัญเสมอ
เมื่อเกิดวิกฤตขึ้น ใครๆก็ต่างหาที่พักพิงทางใจ
คนสำคัญที่จะคอยอยู่เคียงข้างเรา คนรัก เพื่อน พี่น้อง และสำคัญที่สุดคือ "ครอบครัว" สุขใดเล่าจะเท่ากับอยู่กับคนที่เราสามารถคุยได้ทุกเรื่อง พ่อแม่ พี่น้อง อยู่ด้วยกันทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา
พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด สารพัดกิจกรรมที่เราสามารถจะทำได้ ลองให้เวลากับครอบครัวดูนะครับ แล้วจะพบความสุขอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิต
อย่างที่ 6 งาน
คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ณ ตอนนี้ "งานสำคัญมสหขนาดไหน " สำหรับคนที่ชอบเลือกงาน เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ทำ1-2 เดือนออก ไม่สู้งาน ไม่มีความอดทน นี่จะเป็นความท้าทายใหม่ของคนเหล่านี้ และสำหรับคนที่ทำงานที่อยู่แล้ว คงต้องปรับตัวเองให้เก่งขึ้น ไม่งั้นโดนเด้งแน่นอน ยิ่งช่วงรักษาค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องระวัง
Relax กับภาพล้อเลียนซักหน่อย
อย่างที่ 7 การปรับตัว
หลายๆธุรกิจมีการปรับตัวให้อยู่รอด หากไม่ปรับตัว ธุรกิจอยู่ไม่รอด ลูกจ้างก็ไม่รอดเช่นกัน เรียกได้ว่า ส่งผลกระทบเป็นทอดๆต่อหลายฝ่าย
ธุรกิจการขนส่ง Grab ,Foodpanda ,Get, Lineman ธุรกิจเหล่านี้เริ่มเข้ามามีบทบาทและมีคนนิยมทำงานแบบนี้มากขึ้น
โรงแรมเอง ก็เริ่มมีการทำ Delivery เพื่อชดเชยรายได้จากลูกค้าที่ไม่ได้เข้าพัก
ร้านหมูกระทะ หรือ ชาบู บุฟเฟต์เอง พัฒนาจากนั่งทานที่ร้านไปสู่ส่งถึงบ้าน แถมมีโปรโมชั่นด้วยทีเดียวเชียว เรียกได้ว่ารักษากลุ่มลูกค้า แถมดึงลูกค้าใหม่อีก
อย่างที่ 8 บางครั้งสถานการณ์ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
หลายๆท่านคงจำได้ว่า วิกฤตโควิด ที่เริ่มเข้ามาในประเทศเรานั้น มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นจาก หลัก 10-100 กว่าต่อวัน แล้วผลลัพธ์ละคืออะไร?
ผู้คนแห่ซื้อของตุนกันไว้รวดเร็วมาก มาม่า ทิชชู่
เจลล้างมือ อาหารกระป๋อง ข้าวสารอาหารแห้ง
สารพัดจะกักตุน
แล้วเราเคยคิดกันไหมว่า" ที่แย่นั้น มันแย่จริงๆหรือเราคิดว่าแย่เอง" และผลลัพธ์ได้แสดงออกมาแล้วผ่านการกระทำของบุคคลมากมาย เราไม่สามารถโทษความกลัว ความไม่รู้ของเขาได้ เพราะคนเหล่านี้ขาดการตระหนักรู้ต่อสภาวะความเป็นจริง " Your poison your own mind. and wonder why we sick?" คุณวางยาพิษความคิดตัวเอง แล้วสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงป่วย?
บางครั้งเราเพียงต้องติดตามข่าว หาความรู้จากหลายๆแหล่งเพื่อป้องกันตัวเราไม่ให้ทำผิดพลาด
เพราะผลลัพธ์ที่ตามมา ย่อมเข้าตัวเองเสมอ
คุณจะโทษใครในเมื่อ คุณตัดสินใจทำเอง?
อย่างที่ 9 ความประมาทเป็นหนทางพาไปสู่ความตายได้อย่างแน่นอน
ปกติแล้ว อุบัติเหตทางรถยนต์ทำให้คนตายต่อปี
1,350,000 คน
สถิตินี้บอกอะไรเรา?
ความประมาทไงครับ คนตายเพราะประมาทต่อปีมีเยอะมาก ทั้งๆที่มีวิธีป้องกันตัวเอง
แล้วกับโควิดละ? บางคนไม่คิดป้องกัน ใส่หน้ากากทั้งๆที่มี บางคนหาแต่หาไม่ได้ และ บางคนไม่มีใส่ แล้วยังไม่ป้องกันตัวเองอีก
แน่นอนครับ อย่างหลังย่อมนำไปสู่การติดเชื้อ แพร่ต่อคนอื่น และ อย่างแย่ที่สุดคือ ความตาย
ฉะนั้นจงดูแลตัวเองเพื่อเป็นการเซฟคนรอบข้างไปในตัวและป้องกันเราไม่ให้ติดเชื้ออีกด้วย
อย่างที่ 10 ต้องเก่งกว่า Ai
ปฏิเสธไม่ได้ว่า จักรกล และปัญญาประดิษฐ์ เริ่มเข้ามามีบทบาทต่ออุตสหกรรมโรงงาน และ ชีวิตประจำวันมากขึ้น อาชีพที่หุ่นยนต์สามารถทำแทนเราได้ เริ่มชัดเจนในช่วงนี้ และ เรากำลังจะตกงานเพราะไม่ใช่เพียงโควิดอย่างเดียว แต่จากการที่เราไม่มีความสามารถต่อโลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วนี้นั่นเอง
วันนี้คุณอาจเก่งที่สุด แต่ในอีก 1 ปีข้างหน้า สิ่งที่คุณเก่งจะกลายเป็นสิ่งที่ธรรมดาเพราะมีคนตามคุณท่าน และอีก 1 ปี จะกลายเป็นทักษะธรรมดา
ผ่านไปเรื่อยๆกลายเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์สามารถทำแทนได้
"โลกหมุนไปข้างหน้าเสมอ ถ้าเราไม่พัฒนาตนเองย่อมถูกทิ้งไว้ข้างหลังแน่นอน"
"แรงงานโดยมนุษย์ในวันนี้ วันหน้าหุ่นยนต์จะมาแทนนะครับ"
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับบทเรียนทั้ง 10 ข้อที่เราเรียนรู้ได้ในช่วงวิกฤตโควิด ผมหวังว่ามนุษย์ทุกคนจะสามารถผ่านมันไปได้ และ เรียนรู้จากวิกฤตนี้ บางท่านอาจมีบทเรียนอีกแบบ มาแชร์กันได้ครับ
ถ้าชอบกด Like
ถ้าใช่กด Share
และอย่าลืมกดติดตาม Follow ความรู้ดีๆได้ทุกวัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา