Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หัตถบำบัดแผนโบราณ
•
ติดตาม
12 พ.ค. 2020 เวลา 01:28 • การศึกษา
ลมที่เกิดในเส้นสิกขินี และ ลมเกิดในช่องครรภ์
3
ชวนมาฝึกคิด ในแผนนวดเล่าเรื่องเส้นสิกคินีไว้เป็นเรื่องขับของเสีย ออกจากทวารเบา หมายถึงกระเพาะปัสสาวะ ที่มีไว้พักน้ำมูตรก่อนที่จะขับออกสู่ร่างกาย ในส่วนนี้ใช้ลมที่ชี่อว่า สุนทรวาต และเมื่อใดก็ตาม ลมสุนทรวาตไม่ทำงานก็จะเกิดปัญหาเรื่อง ปัสสาวะขัด ปวดเบ่งเวลาจะปัสสาวะ หรือปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ ให้หยอดย้อย
เกิดเป็นทุราวสา ๑๒ ตามคัมภีร์แพทย์แผนโบราณ
มีอาการปัสสาวะออกมาเป็นสีต่างๆ เจ็บปวดหัวหน่าว ปวดเมื่อตมร่างกาย แสบร้อนตามทางเดินปัสสาวะ มีไข้สะบัดร้อน สะบัดหนาว ครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย ไม่มีกำลัง เส้นเอ็นตึง อาการไข้มีบ้างบางเวลา แต่ไม่มีปวดท้องปัสสาวะไม่มีเม็ดกรวด เม็ดทราบ ปัสสาวะไม่ขัด หมอโบราณกล่าวว่าเป็นน้ำปัสสาวะพิการ หรือน้ำมูตรที่ชั่วร้าย ไตทำหน้าที่ไม่ดี จึงทำให้เกิดน้ำปัสสาวะผิดปกติเป็น 4 อย่าง ดังนี้
1
ปัสสาวะออกมาเป็นสีขาว ขุ่นข้นดั่งน้ำข้าวเช็ด
ตัวยาประกอบด้วย
การบูร เทียนดำ ลูกเอ็น อำพันทอง แห้วหมู ขิงแห้ง หนักสิ่งละเท่าๆ กัน
วิธีทำ
บดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อน กาแฟ ละลายน้ำผึ้งกินวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร
ปัสสาวะออกเป็นสีเหลือดังน้ำขมิ้น
ตัวยาประกอบด้วย
ลูกสมอไทย มหาหิงคุ์ รากเจตมูลเพลิงแดง สารส้ม สุพรรณถัน (กำมะถัน) หนักสิ่งละ 1 สลึง เทียนดำหนัก 1 บาท ดอกคำไทยหนัก 2 บาท
วิธีทำ
บดเป็นผง กินครั้งละ1ช้อนกาแฟ ละลาน้ำมะนาวกินวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร
ปัสสาวะออกมาแดงดังน้ำฝางต้ม
ตัวยาประกอบด้วย
หัวแห้วหมู รากมะตูม เทียนดำ รากเสนียด ใบสะเดา รากอังกาบ ลูกเอ็น โกศสอ เกลือสินเธาว์ หนักสิ่งละเท่าๆ กัน
วิธีทำ
บดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนกาแฟ ละลายกับน้ำอ้อยแดง กินวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร
ปัสสาวะออกมาสีดำดังน้ำคราม
ตัวยาประกอบด้วย
รากหญ้านาง เถาวัลย์เปรียง รากกระทุงหมาบ้า ฝาง หัวแห้วหมู หัวหญ้าชันกาด แก่นขี้เหล็ก รากตะไคร้ หางนาค แก่นขี้เหล็ก รากตะไคร้ หางนาค ขมิ้นอ้อน ไพล รากพุงดอ รากหวายขม หนักสิ่งละเท่าๆ กัน
วิธีทำ
เอาตัวยาใส่หม้อต้มเคี่ยวให้น้ำงวด กินครั้งละ 3-4 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร
1
อีกส่วนเป็นเรื่อง ทางช่องครรภ์
- เป็นทางผ่านของประจำเดือนในหญิง เป็นที่ผ่านตอนคลอดของทารก ในส่วนนี้โบราณเรียก ต่อมโลหิตระดู หรือ มดลูก
ถ้าเป็นเรื่อง ประจำเดือนผิดปกติไป ต้องไปดูคัมภีร์ มหาโชตรัติ
ถ้าการคลอดบุตรเป็นเรื่องของ มดลูก ก็อ่าน คัมภีร์ปฐมจินดา ในส่วนนี้มีลมเฉพาะ จะพัดในขณะที่ทารกจะเกิดตกฟาก เราเรียกลมกัมมัชวาต
- เป็นช่องสังวาส เนื่องจากมนุษย์ยังต้องสืบพันธิ์ดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ จึงต้องมีความใคร่ตามกฏธรรมชาติด้วยไฟราคะ ชื่อ ไฟ ปริทัยหัคคี ทำให้เร่าร้อนดั่งสุมไว้ด้วยเพลิงราคะ เมื่อปรารถนาเกินความพอดีก็ป่วยไปในส่วนของ ปะระเมหะ ทำให้เกิดโรคจากการสังวาสนี้ได้ทั้งหญิงและชายคือ
ช้ำรั่ว ( เฉพาะสตรี) มี 4 จำพวก ดังนี้
1. เกิดเพราะสตรีคลอดบุตรแล้ว อยู่ไฟไม่ได้
เนื่องจากมดลูกไม่เข้าอู่หรือปวดขึ้นกลับ อยู่นาน จนกลาย เป็นหนองและโลหิต ราว 2 ถึง 3 เดือน ก็มีโลหิตจางๆ ไหลออกมา ปนกับน้ำเหลือง อันมีพิษไหล ถึงไหนก็มีผื่นขึ้น ทำให้ขอบทวารเป็นหัวขาวๆ แล้วแตกเปื่อยลามไป
อาการ ทำให้ปวดแสบปวดร้อน คันในช่องคลอดและขอบทวารเบา และปวดเสียวในมดลูก ปัสสาวะหยดย้อย
1
2. เกิดเพราะเสพเมถุนมากเกินประมาณ
กระทำให้ ปากทวารเปื่อยเน่า ได้รับความชอกช้ำ ภายในถึงปากมดลูก จึงเกิดเป็นน้ำหนอง น้ำเหลืองเน่าร้าย ไหลหยดย้อย ลุกลามกัดเนื้ออ่อนภายใน
3. เกิดเพราะเป็นฝีที่มดลูก
มีลักษณะบวม ปัสสาวะเป็นน้ำเหลือง บางครั้งเป็นเหมือนน้ำคาวปลา
อาการ ให้เจ็บปวดที่มดลูกเป็นกำลัง ขัดเสียวที่หัวเหน่า ปัสสาวะปวดแสบหยดย้อย อีกจำพวกหนึ่งเกิดกับสตรีรุ่นสาว ที่ยังไม่มีระดูประจำเดือน ร่วมเมถุนกับบุรุษ ถูกข่มขืนจากชายโดยหักหาญ ถึงโลหิตออกจากช่องทวาร มีอาการเจ็บปวดแสบจนกลายเป็นแผลเน่าเปื่อย ขัดปัสสาวะ และหยดย้อย
4. เกิดเพราะสตรีชอบประกอบเมถุนกามส่ำส่อนเป็นเนืองนิจ
จึงเกิดโรคตามนามสมมุติว่า อุปทุม อาการร้ายแรงนัก ให้มีน้ำเหลืองน้ำหนองไหลออกมา ปัสสาวะกระปริดกระปรอย
อาการ ให้ปวดแสบร้อนภายในช่องคลอด และช่องทวารเบา ปัสสาวะหยดย้อย เจ็บ ขัดถึง บริเวณหัวเหน่า
ฝ่ายชาย
ไม่มีช่องครรภ์ แต่ช่องทวารเบาใช้ร่วมกับช่องกำเนิด จึงมีลมที่ทำหน้าที่ 2แบบ ถ้าลมขับปัสสาวะเรียกสุนทรวาต ถ้าลมขับอสุจิเรียก สุมรมันติเกิดเป็นคราวๆเท่านั้น มาดูอาการโรคที่เกิดในชายกันบ้าง
1
อุปทม ( อุปทังสโรค) แบ่งออกได้ 4 จำพวก ดังนี้
1. อุปทม เกิดเพราะการอักเสบ เนื่องด้วยเสพเมถุนกับสตรีที่ยังไม่มีระดู
เหตุไปข่มขืน กระทำชำเรา ด้วยความกำหนัด สตรีเพศพรหมจารี บุรุษข่มเหงเอาด้วยกำหนัดยินดี ซึ่งสตรีเป็นเพศพรหมจารี นั้น มิรู้รสกำหนัดยินดี
ด้วยเปรียบประดุจดังช้างสารตัวใหญ่เข้าไปอยู่ในโพรงอันแคบแล้วจะได้คิดว่าเจ็บปวดนั้นหามิได้ ครั้นออกจากช่องคลอดแล้ว กระทำให้เจ็บปวดต่างๆ คือ ให้องค์กำเนิดช้ำนัก เดาะ เป็นหนอง เป็นโลหิตไหลออกมาตามช่องทวารเบาของตนเอง ได้รับความเจ็บปวดเวทนายิ่งนัก คือ ให้แสบร้อน ปัสสาวะไม่สะดวก ให้ลำช่องปัสสาวะบวมขึ้น แล้วก็เป็นหนองไหลออกตามช่องทวารเบา
2. อุปทม เกิดเพราะเสพเมถุนกับหญิงแพศยาเป็นกาลกิณีสำส่อน
ด้วยกามตัณหา เป็นอาจิณ ( หญิงสัญจรโรค หรือหญิงโสเภณี) เนื่องจากสตรีนั้นคบชู้สู่ชายมาก และช่องสังวาสนั้น ช้ำชอกด้วยกิเลส กามตัณหาเป็นนิจ ด้วยเหตุที่ทวารที่ชุ่มด้วยลามกตัณหานั้น ครั้นชายไปร่วมประเวณีด้วยสตรีนั้น ก็กระทำให้บังเกิดซึ่งโรคสมมุติว่า อุปทม
โดยกำลังที่ชุ่มนั้นลำราบดุจน้ำใบไม้ น้ำหญ้าเน่า และมีผู้ไปย่ำน้ำนั้น ก็กัดเอาเปื่อยพังไป เกิดทุกข์เวทนา เป็นอันมาก
3. อุปทม เกิดเพราะโทษดานและกระษัยกล่อน และกาฬมูตร
มักเกิดขึ้นตั้งแต่สะดือลงไปถึงหัวเหน่า เรียกว่า โรคสำหรับบุรุษ
บังเกิดแก่บุคคลบริสุทธิ์มิได้มักมากในทางกามตัณหา คือสมณะ ภิกษุ สามเณร ภิษุณี พราหมณ์ทั้งหลาย อันมีศีลอันบริสุทธิ์ ไม่ได้เสพเมถุน กับมาตุคามเลย โรคนั้นก็บังเกิดขึ้น ด้วยโทษดานและกระษัยกล่อน ทำให้แสบร้อน ปัสสาวะมิได้ รับประทานยาถูกก็หายไป แล้วกลับเป็นอีก หลายครั้งหลายหน ครั้นนานเข้ามักกลาย เป็นหนอง บุพโพโลหิตไหลออกมาทางช่องทวารเบา ให้เจ็บปวดต่างๆ
ผู้ใดเป็นดังกล่าวมานี้ เรียกว่า โรคบุรุษ จะได้เป็นอุปทม นั้นหามิได้
4. อุปทมเกิดเพราะนิ่ว
บุรุษกลายเป็นคชราช มักเกิดที่ปลายองค์กำเนิด แล้วลามเข้าไปในช่องปัสสาวะ องค์กำเหนิดบวมขึ้นแล้วแข็งเข้าเป็นดาน ถ้าสตรี ออกมาแต่ทวารครรภ์เป็นดังดาก สมมุติว่า ดากโลหิต นั้นหามิได้ คือ อุปุทังสโรค ดังกล่าวมานี้ นานเข้าก็ลามมาถึงหัวเหน่า กระทำให้โลหิตเป็นลิ่ม เป็นแท่งออกมา บางทีปลายดากขาดออกมาเหม็นคาวนัก บางทีเป็นหนอง เป็นโลหิตออกมา ให้ปวดหัวเหน่า และท้องน้อย ดังจะขาดใจโรคดังกล่าวมานี้เป็น อติสัยโรค รักษามิได้ ถ้าจะรักษา ก็รักษายาก
ไส้ด้วน ( เป็นหนอง) มี 4 จำพวก ดังนี้
( เกิดจากภายนอกถึงภายใน)
1. เกิดจากชาย ชอบเสพเมถุนส่ำส่อน
จึงเกิดเป็นเม็ดทั้งข้างในและข้างนอก มีหนองออกมา หรือเป็นฝี 2 หน้าขา บางทีเป็นเม็ดขึ้นทั่วร่างกายอาการ ให้เจ็บปวดยิ่งนัก ขัด ยอก ปวดตามกระดูก ขัดปัสสาวะ
2. เกิดจากชายเสพเมถุนกับสตรี ซึ่งกำลังมีประจำเดือน
ทำให้เกิดเป็นเม็ด เป็นแผล ภายในบ้าง เป็นเม็ด เป็นผื่น เป็นวง เป็นแผ่นตามร่างกายภายนอกบ้างอาการ ให้ปวดแสบ ขัดยอก และปวดปัสสาวะ
3. เกิดจากชายเสพเมถุนรุนแรง
ให้กระทบชอกช้ำภายใน มีลักษณะพึงสังเกตคือ เป็นเม็ด เป็นแผ่น แล้วมีน้ำหนอง น้ำเหลืองไหลออกมา บ้างก็เป็มเม็ดที่องคชาต หรือตามร่างกายภายนอก อาการ ให้ปวดเจ็บยิ่งนัก บางทีขัดตามข้ ปัสสาวะขัดปวด แสบ
4. เกิดจากชายเสพเมถุนกับสตรีแพศยาลามก
มักเกิดเป็นฝี อุปทุม ( กามโรค) เป็นเม็ดขึ้นที่ปลายหรือรอบองคชาต ภายในช่องปัสสาวะ แล้วแตกเป็นโลหิต น้ำเหลือง น้ำหนองออกมา บางก็กลายเป็นฝี อาการ ทำพิษให้ปวดแสบปวดร้อนดังไฟลวก บาทีให้เน่าแต่ปลายองคชาต ลามเข้าภายในช่องปัสสาวะ ทำให้ปวดแสบขัดปัสสาวะ
(จากภายในออกมาภายนอก )
อีกนัยหนึ่งเรียกว่า ไส้ลาม มักเรียกคู่กันกับไส้ด้วน
มีลักษณะผุดขึ้นเป็นเม็ดเหมือนกัน แต่เม็ดนั้นมักเกิด จากภายในออกมาภายนอก ภายในลามถึงหัวเหน่า ท้องน้อย ผุดขึ้นดังเช่นฝี แตกเป็นหนองออกมาทางช่องปัสสาวะ ชายหญิงเหมือนกัน
อาการ
ให้ปวดมวนจุกเสียดแน่นในอก โดยน้ำเหลืองซึมเข้าไปในลำไส้ ให้อาเจียนหรือ ท้องเดินเป็นมูกเลือด เบื่ออาหาร ปวดขัดตามข้อกระดูก ปัสสาวะปวดแสบยิ่งนัก
วันนี้เรียนรู้เส้นสิกขินี ตามแบบโบราณแต่มีความหมายถึง 2ระบบคือ ระบบปัสสาวะ และระบบสืบพันธิ์กันเลย แยกลม 2ประเภท ลมขับปัสสาวะ สุนทรวาต ลมเบ่งกัมมัชวาต
เครดิตภาพเพื่อการศึกษาจาก อินเตอร์เนต
19 บันทึก
20
2
8
19
20
2
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย