12 พ.ค. 2020 เวลา 05:53 • ประวัติศาสตร์
ทฤษฎีการจมของเรือ “Titanic”
บางทีอาจจะไม่ใช่เพราะภูเขาน้ำแข็งเพียงอย่างเดียว แต่สาเหตุเกิดจาก “ไฟ”
“Titanic” เป็นเรือในตำนานที่โด่งดังไปทั่วโลกจากการอับปางของเรือในปีค.ศ.1912 (พ.ศ.2455) ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของโลก
เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 คน
ทุกคนทราบดีว่าสาเหตุที่เรือจมนั้น มาจากการที่เรือชนกับภูเขาน้ำแข็ง
แต่จากทฤษฎีใหม่ บางทีสาเหตุอาจจะไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็งเพียงอย่างเดียว
ภูเขาน้ำแข็งลูกที่เชื่อกันว่า Titanic ชนจนอับปาง
ในปีค.ศ.2017 (พ.ศ.2560) ได้มีสารคดีเกี่ยวกับเรือ Titanic ออกเผยแพร่ และได้มีนักข่าวชาวไอริช ชื่อ “Senan Molony” ได้เสนอทฤษฎีว่าเหตุผลที่ Titanic จมนั้น จริงๆ แล้วเกิดจาก “ไฟ”
Molony กล่าวว่าเขาได้ภาพถ่ายหายากภาพหนึ่งของ Titanic ซึ่งเป็นภาพก่อนที่ Titanic จะออกทะเล แสดงให้เห็นถึงรอยสีดำ ยาวกว่า 30 ฟุต ข้างตัวเรือ
ได้มีวิศวกรหลายคนกล่าวว่าสาเหตุที่เกิดรอยดำข้างลำตัวเรือนั้น มาจากความร้อนที่สูงเกินไปในส่วนของบังเกอร์ถ่านหิน ทำให้ตัวเรือเป็นรอยและได้รับความเสียหาย
Molony ได้อธิบายด้วยว่าทางบริษัทผู้รับผิดชอบก็ทราบถึงเรื่องไฟที่ไหม้ในบังเกอร์ แต่เนื่องจากไม่ต้องการจะเสียหน้าและเสียผลประโยชน์ จึงพยายามปิดเรื่องนี้และให้ Titanic ออกทะเลตามกำหนดการเดิม
ภาพถ่ายของ Molony หากสังเกตที่ลำตัวเรือ จะเห็นรอยสีดำๆ เป็นทางยาว (วงกลม)
Molony เชื่อว่าลูกเรือได้ย้ายบังเกอร์นี้ไปใกล้กับเตาหลอมโลหะ ซึ่งเมื่อเรือชนกับภูเขาน้ำแข็ง ทำให้ไปชนกับจุดที่เสียหายอยู่แล้วให้เสียหายหนักกว่าเดิม และทำให้เรือจมในที่สุด
ได้มีวิศวกรหลายคนสนับสนุนแนวคิดของ Molony อีกทั้งก่อนหน้านี้ ก็มีลูกเรือหลายคนที่รอดชีวิต ได้เคยกล่าวว่าเกิดไฟไหม้ที่บังเกอร์จริงๆ
แต่ถึงจะเป็นไปได้ ก็ยังมีหลายคนไม่เชื่อ โดยคนที่ไม่เชื่อนั้นกล่าวว่า ต่อให้ไม่เกิดไฟไหม้ แต่ยังไงซะ Titanic ก็ต้องจมอยู่ดี เนื่องจากชนกับภูเขาน้ำแข็งอย่างแรง ต่อให้ไม่เกิดความเสียหายอยู่ก่อน ยังไงเรือก็ต้องจม
ก็ต้องขึ้นกับผู้อ่านแต่ละคนว่าเชื่อยังไง
โฆษณา