กุ้งเครย์ฟิชยักษ์ ชนิดนี้ เป็นนักเก็บซากอินทรีย์ชั้นดี สามารถกินได้ทั้ง
ซากพืช ซากสัตว์ อาหารอินทรีย์ต่างๆ มากมาย ใบไม้ แมลงต่างๆ ที่ตกลงมาในน้ำ ถ้าจับได้ก็ไม่เหลือเหมือนกัน กุ้งวัยอ่อนจะหลบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบหิน ในกระแสน้ำไหล ซึ่งทำให้มันลดความเสี่ยง ในการเจอกับนักล่าชนิดต่างๆ ได้มาก และสำหรับกุ้งที่โตแล้ว ก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ๆ คล้ายกับเป็นหลุมลึกของตัวเองใต้น้ำเพื่อรักษาอาณาเขต และจะแสดงความก้าวร้าวออกมา หากมีสิ่งใดลุกล้ำเข้าไป แบบที่แถวบ้าน เรียก " หนีบมือขาด " อะไรประมาณนั้นนั่นเองหนอ ( แต่สุดท้ายเห็นถูกจับ ออกมาโชว์กันประจำ ) เป็นกุ้งที่ชอบอยู่ในน้ำที่ค่อนข้างเย็น คือประมาณ 18 องศา ฯ และต้องการความบริสุทธิ์สะอาดของน้ำ และมีอ็อกซิเจนสูงๆเป็นอย่างมาก สามารถพบกุ้งเครย์ฟิชชนิดนี้ได้ ตั้งแต่ บริเวณแทสมาเนีย ไปจนถึงแถบ Mainland ของ ออสเตรเลียในปัจจุบัน เป็นกุ้งเครย์ฟิชน้ำจืด ที่มีจำนวนลดลง และ ต้องประสบปัญหา จากการถูกจับโดยชาวบ้านในพื้นที่ ( ออสเตรเลีย ก็มีคนป่า คนดอย ชนเผ่าเหมือนกันนะครัช พวกนี้ จับอะไรได้ก็กินเหมือนกันหมด ไม่รู้เรื่องกฏหมาย ว่าเป็นของที่ต้องอนุรักษ์อะไรดอกหนอ คล้ายๆ กับบ้านเราเหมือนกัน ) และ
ก็แอบมี พวกที่นิยมท่องปลาสามารถตกกุ้งชนิดนี้ได้ อาจจะโดยบังเอิญ จากการจะตกปลา หรือบางคนอาจจะแอบตกหากุ้งชนิดนี้ เพื่อความท้าทาย หรืออะไรเหมือนกัน ทางการ ฯ ออสเตรเลีย เลยมีมาตรการว่า ถ้าใครตกกุ้งชนิดนี้ โดยไม่อนุญาต จะมี ตำรวจ จะโผล่ออกมาจากข้างทาง แล้วยัดกุ้ง เอ๊ย ไม่ใช่ตำรวจประเทศสารขัณฑ์แถบๆนี้ เอาเป็นว่า ถ้าไม่ได้รับใบอนุญาตให้ตก เพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ ก็จะโดนปรับ โทษสูงสุด ตัวละประมาณ 253130.45 บาท เท่านั้นเองครับ ( ฮา ) ถ้าเป็นกระผมออกกฏหมายเอง นี่จะให้มี โทษ " ดีดไข่ " ซัก 5 ที ด้วย โทษฐาน เปรี้ยว ไม่รู้อะไรควรไม่ควร นอกจากนี้แล้ว ทางการออสเตรเลีย ยังพยายามเพิ่มเติมมาตรการๆ ดูแล และ ช่วยให้กุ้งเครย์ฟิช ชนิดนี้ เพิ่มจำนวนมากขึ้น อีกหลายวิธี เช่น โครงการรักษาสิ่งแวดล้อมแนวป่า , กฏหมายอุปกรณ์เกี่ยวกับการประมง และศึกษาวิธีการดูแลรักษา และ ป้องกันกุ้งเครย์ฟิช ที่ยิ่งใหญ่ระดับที่สุดของโลกนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งถึงในปัจจุบันครับ .