13 พ.ค. 2020 เวลา 14:32 • ไลฟ์สไตล์
EP.4 เรียนต่อต่างประเทศ ต้องใช้เงินเท่าไร เตรียมตัวอย่างไรบ้าง
วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง
Cr. Matador Network website
ถ้าหากจะบอกว่าความฝันของใครหลายๆคนคือการได้ไปเที่ยวต่างประเทศก็คงไม่ผิด แต่ถ้าเป็นทั้งการได้ไปเที่ยวและยังได้ไปเสริมความรู้เก็บประสบการณ์อีกด้วยเรียกว่าอาจจะไกลเกินฝันเลยใช่ไหมครับ?
คำตอบคือ ไม่เลยครับ ไม่ไกลเกินฝันของทุกคนเลย เนื่องจากในโลกปัจจุบันโอกาสมีอยู่เยอะมาก เปรียบได้กับมันลอยอยู่ในอากาศ อยู่ที่เราจะคว้ามันไว้หรือปล่อยมันลอยหายไปในอากาศ....
โอกาสที่ผมบอกว่าลอยอยู่ในอากาศนั้นหมายถึง การที่คุณมีความฝันและพยายามที่จะทำตามความฝันนั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เช่น การเข้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจหรือความฝันของคุณนั่นเอง ถ้าเป็นความฝันที่อยากเรียนต่อต่างประเทศ ก็ควรจะค้นหาเกี่ยวกับ การสนับสนุน ทุนเรียนฟรี ต่างๆ จากรัฐบาลของประเทศนั้นๆ การหาคอร์สเรียนที่ราคาไม่แพงและมีคุณภาพ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้คุณสามารถทำตามความฝันของคุณได้ โอกาสมันก็จะขยับเข้ามาใกล้ตัวคุณมากขึ้นเรื่อยๆจนคุณสามารถคว้ามันไว้ได้
เกริ่นนำสักนิดนึงเกี่ยวกับประเทศที่เด็กไทยนิยมไปเรียนต่อคงหนีไม่พ้น 5 ประเทศนี้
1. ออสเตรเลีย - นิยมไปเรียนต่อภาษาอังกฤษและปริญญาตรี-เอก
2. สหราชอณาจักร - นิยมไปเรียนต่อปริญญาตรี-เอก
3. สหรัฐอเมริกา - นิยมไปเรียนต่อภาษาอังกฤษและปริญญาตรี-เอก
4. แคนนาดา - นิยมไปเรียนภาษาอังกฤษ
5. นิวซีแลนด์ - นิยมไปเรียนภาษาอังกฤษและ High School บ้าง
1
อันดับแรกคุณต้องรู้ก่อนว่าเป้าหมายของการไปของคุณครั้งนี้คืออะไร เพราะแต่ละคนจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน เช่น ไปเพื่อฝึกภาษา ไปเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆในการใช้ชีวิต ไปเพื่อตั้งรกราก และอีกมากมาย
หลังจากที่คุณทราบถึงเป้าหมายของตัวเองแล้วนั้นก็ทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่คุณอยากจะไปและศึกษาอ่านมันให้ละเอียด ถามผู้แนะแนวการไปเรียนต่อต่างประเทศ (agency)
ผมเริ่มจากอยากไปประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเมืองที่ใกล้ที่สุดใช้เวลาบินแค่ 6 ชั่วโมงกว่าจากประเทศไทย หลังจากนั้นก็ทำการเลือกเมืองที่ต้องการจะไป 4 เมืองหลักๆที่ได้จากการค้นหาก็จะเป็น ซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน และ เพิร์ธ
ซิดนีย์ มีความเป็นเมืองมากที่สุด ไม่ใช่เมืองหลวง แต่คนชอบคิดว่าคือเมืองหลวง มีคนไทยเยอะมากทั้งเด็กนักเรียน หรือคนที่เปลี่ยนจากเด็กนักเรียนไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ใครที่กลัวเหงาก็อาจจะชอบที่นี่
เมลเบิร์น ยังคงความโบราณและคลาสสิคของสถาปัตยกรรมต่างๆเอาไว้ และคนไทยก็เยอะพอสมควร
เพิร์ธ เป็นเมืองที่เงียบสงบและเหมาะแก่การศึกษา เน้นธรรมชาติ คนไทยน้อยที่สุดใน 4 เมือง
บริสเบน เป็นเมืองที่เงียบสงบเช่นกันแต่ก็ยังพอมีความเป็นเมืองอยู่บ้าง ยังไม่เงียบเท่ากับเพิร์ธ คนไทยไม่เยอะมาก เหมาะกับคนที่ชอบความพอดีๆ ไม่แสงสีจนเกินไปและก็ไม่ธรรมชาติจนวังเวง
ผมเลือกไปเมืองบริสเบนซึ่งคิดว่าเหมาะกับตัวเองมากที่สุด
เนื่องจากเป็นเมืองที่น่าอยู่ติดอันดับโลกและ ตั้งอยุ่ในเขตกึ่งร้อนชื้น (sub-tropical) ของรัฐควีนส์แลนด์ และรายล้อมไปด้วยทิวเขา (Great Dividing
Range) ป่าธรรมชาติ น้ำตก และ ชายฝั่งทะเล
อากาศของที่นี่จัดเป็นเขตกึ่งร้อนชื้น ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยรายปีที่ 16 ถึง 25 องศาเซลเซียส
บริสเบนได้รับแสงแดดเฉลี่ย 8 ชั่วโมงต่อวันทั้งปี จึงทำให้เป็นเมืองที่มีอากาศอบอุ่นตลอด
ฤดูใบไม้ผลิ (กันยายน - พฤศจิกายน) 20 - 26 C
ฤดูร้อน (ธันวาคม - กุมภาพันธ์) 20 - 32 C
ฤดูใบไม้ร่วง (มีนาคม - พฤษภาคม) 20 - 25 C
ฤดูหนาว (มิถุนายน - สิงหาคม) 18 - 21 C
Brisbane Queen Street cr.realcomercial website
หลังจากที่เลือกเมืองได้แล้วก็ทำการติดต่อไปที่เอเจ้นท์หลายๆที่เพื่อสอบถามข้อมูลและรับฟังคำแนะนำต่างๆ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ มีตั้งแต่ราคา 150 - 300 เหรียญ(AUD) ต่อสัปดาห์ ตกเป็นเงินไทยประมาณ 3,900 - 7,800 บาท ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 26 บาท ในปี 2016 แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 21 บาทต่อ 1 เหรียญ ดังนั้นก็จะถูกลงไปอีก หากคิดค่าเรียน 5 วัน ต่อ สัปดาห์ เฉลี่ยเป็นรายวัน จะตกอยู่ที่วันละ 1,000 บาท แต่ถ้าคิดเป็นรายชั่วโมงจะเหลือแค่ชั่วโมงละ 100 กว่าบาท เนื่องจาก 1 วันเรียนประมาณ 6 ชั่วโมง ถือว่าเป็นค่าเรียนที่ถูกกว่าการเรียนภาษาในประเทศไทยด้วยซ้ำ ขั้นตอนในการสมัครนั้นเอเจ้นท์จะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดโดยจะมีการขอเอกสารต่างๆจากเราไป เช่น บัตรประชาชน วุฒิการศึกษา เอกสารรับรองทางการเงิน (statement) และจะต้องมีการทดสอบระดับภาษาเบื้องต้นว่าเราอยู่ในระดับใด ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วเอเจ้นท์จะไม่มีการเรียกเก็บค่าดำเนินการใดๆ เนื่องจากรายได้ของเอเจ้นท์จะมาจากการที่โรงเรียนนั้นๆจ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่นมาให้
บรรยากาศในโรงเรียนภาษา
หลังจากได้ที่เรียน ก็ต้องเลือกที่อยู่อาศัย ผมเลือกไปอยู่กับโฮส (Host) ในเดือนแรก มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 250 เหรียญ (AUD) ต่อ สัปดาห์ มีอาหารให้ 2 มื้อ เช้า-เย็น ในวันธรรมดา และ 3 มื้อในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ โฮส (Host) คือคนพื้นเมือง (Local) หรือครอบครัวที่เปิดรับนักเรียนเข้ามาอยู่ด้วยเพื่อเป็นการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตและภาษาบวกกับได้ฝึกภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรง หากใครที่ไม่ชอบก็สามารถเลือกที่อยู่อาศัยเองได้จากเว็บที่ปล่อยเช่า หรือที่เรียกกันว่า Share House ก็คือการที่เจ้าของบ้านอาจจะปล่อยเช่าให้นักเรียนสามารถมาเช่าได้เป็นห้องส่วนตัวแต่ใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันกับผู้เช่าคนอื่น ราคามีตั้งแต่ 150 - 300 เหรียญต่อสัปดาห์ขึ้นอยู่กับโลเคชั่นและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่วนใหญ่จะรวมค่าน้ำค่าไฟและค่าอินเทอร์เน็ตแล้ว
ตัวอย่างห้องราคา 220 เหรียญ cr.flatemate website
เมื่อได้ที่อยู่อาศัยก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินแบบราคานักเรียน ราคาตั๋วเครื่องบินขึ้นอยู่กับว่าบินไปในช่วงฤดูไหน การจองแบบเที่ยวเดียว(One way) บางครั้งถูกกว่าการจองไป-กลับ (return) และแต่ละสายการบินก็จะมีน้ำหนักกระเป๋าให้ไม่เท่ากันดังนั้นอันนี้แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อน
ขั้นตอนสุดท้ายคือการ เตรียมตัว เตรียมใจ
เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเดินทางออกจากประเทศไทยแต่.......
มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นในการเดินทางครั้งนี้ของคุณเท่านั้น
ติดตามตอนต่อไป
กดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
โฆษณา