14 พ.ค. 2020 เวลา 09:38 • ประวัติศาสตร์
ทำไม Queen Elizabeth I ต้องทาหน้าขาว
และนั่น คือสาเหตุการสวรรคตของพระองค์
...จริงหรือไม่ ?
เชื่อว่าหลายๆคน มีคำถามนี้ในใจ
เวลาดูหนังอังกฤษย้อนยุค แล้วเห็นราชินีหรือสตรีชนชั้นสูง
ทาหน้าขาวประหนึ่งหิมะ
ปากแดงประหนึ่งเลือดนก
......ทำไมเค้าแต่งหน้ากันอย่างนั้นนะ ? 🤔
ผู้เขียนขอเกริ่นประวัติโดยย่อ ของพระองค์ซักนิดนะคะ
ประสูติ-สวรรคต:
7 ก.ย. 1533 - 24 มี.ค. 1603 (69 ปี)
.
ครองราชย์:
ราชินีแห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ 1558 - 1603 (44 ปี)
และนับเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ทิวดอร์
.
พระบิดาและพระมารดา:
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 และ แอนน์ บุลิน *
.
ครอบครัว: ไม่อภิเษกสมรสตลอดพระชนม์ชีพ
.
ศาสนา: โปรเตสเต็นท์
.
สาเหตุการเสียชีวิต:
ยังเป็นที่ถกเถียง แต่ข้อสันนิษฐานหลักๆ
คือ เลือดเป็นพิษ, ต่อมทอมซิลติดเชื้อ และมะเร็ง
* ผู้เขียนอยากแนะนำหนัง 'The Other Boleyn Girl' ค่ะ
สร้างจากเรื่องจริง
เรื่องราวฉาวโฉ่ ของพระเจ้าเฮนรี่ที่8 และ แอนน์ บุลิน
มีการปรับเพิ่มบทเพื่อเพิ่มอรรธรส
แต่แกนหลักยังคงเป็นตามประวัติศาสตร์......สนุกมากค่ะ *
The Other Boleyn Girl แสดงนำโดย สการ์เล็ต โจแฮนสัน และ นาตาลี พอร์ตแมน
โอเค เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า
.
.
จริงๆแล้วเมื่อครั้งวัยเยาว์
ควีนเอลิซาเบธที่1 ไม่ได้ทรงโปรดการแต่งหน้านัก
แต่แล้วในวัย 29 ปี
พระองค์เกิดอาการป่วยอย่างหนัก
และถูกวินิจฉัยว่า เป็นโรคไข้ทรพิษ หรือฝีดาษ นั่นเอง
*สมัยก่อนนั้น โรคไข้ทรพิษ เป็นโรคที่น่ากลัวมาก
ผู้คนเสียชีวิตจากโรคนี้หลายล้านคน
ต่อมา วัคซีนป้องกันก็ได้ถูกคิดค้นสำเร็จ ในยุค 1980s*
พระองค์เกือบเสียชีวิตจากโรคไข้ทรพิษ
แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้
ทว่าแผลเป็นที่เกิดจากโรคบนใบหน้านั้น
เป็นเสมือนสิ่งที่คอยย้ำเตือน ถึงฝันร้ายที่เกือบพรากชีวิตพระองค์ไป
1
และด้วยความเชื่ออันแรงกล้า ว่าอำนาจของพระองค์นั้น
ส่วนหนึ่งมาจากความงดงามบนใบหน้า
พระองค์จึงเริ่มที่จะปกปิดรอยแผล
ด้วยเมคอัพสีขาว....อย่างหนักหน่วง
1
เรามาดูสไตล์การแต่งหน้า
และส่วนผสมของเครื่องสำอางค์กันดีกว่า
💁🏼‍♀️ รองพื้นสีขาว
รองพื้นที่พระองค์ใช้นั้น มีชื่อเรียกว่า
Venetian Ceruse (เวนีเชี่ยน เซอรูส)
มีราคาแพง และเป็นที่นิยมมาก ในชนชั้นสูงสมัยนั้น
ใช้ส่วนผสมของ 'น้ำส้มสายชูและผงตะกั่ว'
มีฤทธิ์ทำให้ผิวขาว แต่ผลข้างเคียงนั้น อันตรายมาก
ทั้งผิวเสียและผมร่วง
ซึ่งถ้าใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจเสียชีวิตได้
ในช่วงที่ควีนเอลิซาเบธ ขึ้นครองราชย์
ผู้หญิงทั้งหลายต่างพยายามกันอย่างมาก
เพื่อให้มีใบหน้าที่ขาวโพลน ยิ่งขาวยิ่งดี
เพราะนั่นเปรียบได้กับสัญลักษณ์ แห่งความสวยงามและมีระดับ
และส่วนใหญ่ มักจะใช้รองพื้นสีขาวนี้
ทาตั้งแต่หน้า ลำคอ ไปจนถึงหน้าอก
💁🏼‍♀️ บลัชออน และ ลิปสติก
แก้ม ใช้สีย้อมจากสัตว์และพืช
ส่วนปากพระองค์ต้องแดงจัด ตัดกับใบหน้าขาว
โดยลิปสติกที่ใช้ มีส่วนผสมของ 'Cinnabar'
หรือแร่ปรอทซัลไฟด์ชนิดหนึ่ง ที่ให้สีแดงสด
1
ซึ่งนั่นหมายถึง
ทุกครั้งที่พระองค์เลียลิมฝีปาก
จะเท่ากับ พระองค์กินยาพิษเข้าไปทีละนิดๆ นั่นเอง
💁🏼‍♀️ ตา
มีการใช้สารหยอดตาแบบพิเศษ เรียกว่า 'Belladonna'
ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้รูม่านตาดำขยาย
ทำให้ตาดูโตเปล่งประกาย
อารมณ์เดียวกับ ใส่บิ๊กอายในปัจจุบันนั่นเองค่ะ
💁🏼‍♀️ คิ้ว
ขนคิ้วจะถูกถอนให้บางและโค้งที่สุด
เพื่อให้หน้าผากดูกว้าง
ซึ่งเชื่อว่า เป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงฉลาดและมีคลาส
💁🏼‍♀️ น้ำยาล้างเครื่องสำอางค์
มีส่วนผสมของ น้ำกุหลาบ, น้ำมะนาว, น้ำผึ้ง,
เปลือกไข่ และ ปรอท
ซึ่งพอใช้แล้ว หน้าจะรู้สึกนุ่มและเรียบเนียน
แต่หารู้ไม่ว่า การที่รู้สึกเช่นนั้น
เกิดจากการที่ปรอท ได้ลอกผิวหนังออกมาด้วยนั่นเอง
สิ่งที่ทำให้หนักและแย่เข้าไปอีก คือ
ในยุคนั้น การล้างเมคอัพ ไม่ได้ทำกันทุกวัน
โดยส่วนใหญ่จะทิ้งไว้อย่างนั้น
.....เป็นสัปดาห์
Margot Robbie (นักแสดงดังจากบท Harley Quinn) รับบทเป็นราชินีเอลิซาเบธที่1
ควีนเอลิซาเบธที่1 เป็นคนที่พิถีพิถันเรื่องรูปลักษณ์มาก
หน้า ชุด วิกผม ต้องเข้ากันทุกอย่าง
เมื่ออายุมากขึ้น ทุกอย่างก็มากขึ้นตามมา
มีการบันทึกไว้ว่า
นางในใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงทุกวัน
เพื่อแต่งองค์ทรงเครื่องให้พระองค์
และเมคอัพนั้น หนาถึงนิ้วในช่วงที่พระองค์เริ่มชรา
และด้วยเหตุที่พระองค์
ทรงสนใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากนี่เอง
การวาดภาพให้พระองค์
จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีกฎหมายมากำหนดอย่างเคร่งครัด
การวาดภาพเหมือนของพระองค์นั้น
ถ้าเหมือนจริงเกินไป จะถือเป็นการทำผิดอย่างมาก
จิตรกรต้องวาดรูป โดยไร้ริ้วรอยใดๆ
แม้ว่าพระองค์จะมีอายุ 60 ปีแล้วก็ตาม
ภาพวาดของพระองค์
ต้องเป็นไปตามที่พระองค์ต้องการ
แข็งแรง สุขภาพดี ผิวขาวซีด และไร้ริ้วรอย
ถ้าภาพไหน ไม่ได้ตามที่กล่าวมา
พระองค์จะสั่งให้ทำลายทิ้งซะ
บ่อยครั้ง พระองค์จึงไม่โปรดการวาดภาพเท่าไหร่นัก
ในช่วงหลัง พระองค์มักสั่งให้จิตรกรวาดภาพพระองค์
จากภาพที่จิตรกรท่านอื่น วาดไว้แล้ว
1
และภาพที่ใช้เป็นแบบจำลองบ่อยที่สุด
เป็นเวลาหลายทศวรรษ
คือภาพที่เรียกกันว่า 'Darnely Portrait'
โดยถูกวาดในปี 1575 ขณะที่พระองค์มีอายุได้ 42 ปี
Darnely Portrait (ไม่ทราบชื่อจิตรกรผู้วาด)
แล้วควีนเอลิซาเบธที่1 มีผลข้างเคียงอย่างไร
หลังจากเมคอัพเช่นนั้น มากว่า 40 ปี ?
มีการบันทึกไว้ว่า ในปี 1599
ขุนนางท่านหนึ่ง ชื่อโรเบิร์ตเดเวอซ์
ได้ลักลอบเข้าไปในห้องของราชินี
และมีโอกาสเห็นพระองค์ในชุดนอน
ไร้เมคอัพบนใบหน้า และวิกผมบนศรีษะ
เขาตกใจกับภาพที่เห็น
ผิวหนังพระองค์เหี่ยวย่น และศรีษะแทบจะล้าน
มีผมเพียงบางๆ ห้อยลงมารอบๆหู
.
(โรเบิร์ตเดเวอซ์ ถูกประหารในเวลาต่อมา
โดยถูกกล่าวหาว่ากบฏ)
อีกทั้งยังมีการบันทึกไว้ว่า
ราชินีในช่วงท้ายของชีวิต
พระองค์มีอาการความจำเสื่อม ประสาทสัมผัสบกพร่อง
เห็นภาพหลอน หงุดหงิดและซึมเศร้า
เหล่านี้คาดการณ์ว่า
อาจส่งผลมาจากเมคอัพของพระองค์
ที่มีส่วนผสมของสารพิษ นั่นเอง
ในเดือนสุดท้าย ก่อนที่พระองค์จะเสียชีวิต
พระองค์ยังคงแต่งองค์ทรงเครื่อง
และยังคงทำงานไม่หยุดหย่อน
พระองค์ยืนทำงานกว่า 15 ชั่วโมง ไม่หยุดพัก
จนนางในทั้งหลายต้องนำหมอนมาวางไว้รอบกาย
กลัวว่าพระองค์จะล้มฟุบลงมา
แต่แล้วในวันที่ 24 มี.ค. 1603
พระองค์ก็ได้ล้มลง
และไม่สามารถลุกขึ้นมา....ได้อีกต่อไป
เครื่องสำอาง ทำให้พระองค์เสียชีวิตจริงหรือไม่ ?
เรื่องนี้ยังเป็นที่ถกเถียง ไม่มีใครฟันธงได้
แต่เป็นไปได้สูง
ที่การแต่งหน้าด้วยสารพิษเป็นเวลากว่า 40 ปี นั้น
จะเป็นสิ่งที่นำไปสู่การเสียชีวิตจากโรคได้ เช่น
มะเร็ง ต่อมทอมซิลติดเชื้อ และเลือดเป็นพิษ เป็นต้น
กว่าผู้คนจะพบว่าปรอทนั้น เป็นสารอันตรายถึงแก่ชีวิต
ก็ปาเข้าไปถึงช่วงศตวรรษที่ 18-19 แล้ว
ซึ่งเป็นเวลาหลายร้อยปี
หลังจากราชินีผู้เลอโฉมของอังกฤษ ได้เสียชีวิตลง...
.
.
มีการทำ 3D printing หน้าของพระองค์ในปี 2018
🌟ถ้าชอบอย่าลืมกดLike กดติดตาม หรือกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ
🌟ยินดีน้อมรับทุกคำแนะนำติชมค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา