"ถ้ามีเงินภาษี 50,000 ล้านบาทไปอุ้มสายการบินบางแห่งนี่เราสามารถ take over AirAsia ทั้งบริษัทที่ตอนนี้ Market Cap แค่ 24,650 ล้านบาทแถมมีเงินเหลืออีก 25,350 ล้านบาทที่สามารถเอามาช่วยเหลือประชาชนคนละ 5,000 บาทได้อีก 5 ล้าน 7 หมื่นคนเลยทีเดียว.....Just a "Thought Eperiment" definitely to see the magnitude and scale of 50 Billion THB and what it can really do.
..
Another thought experiment: Shall we throw another good money after bad money without any tangible, realistic, radical turn around plan with strong, proven turn around team with full authority at the top? A turn around artist with skill like "The (in)famous Le Cost Cutter" to cut cost mercilessly by at least 40% and is given full authority to do so?
..
ขยายความเพิ่มเติม (ซึ่งจริงๆเขียนไว้แล้วข้างบนแต่แปลไทยอีกที): ประเด็นของ thought experiment นี้ที่ผมพยายามจะสื่อคือ
..
1) magnitude และ scale ของเงิน 50,000 ล้านบาทในยามยากลำบากขนาดนี้ มันเยอะขนาดไหน และลำดับความเร่งด่วนของปัญหาหลายๆอย่างในประเทศนั้นๆที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ทำให้การคิดให้รอบคอบเรื่องการใช้เงินปริมาณที่มี magnitude และ scale ขนาดนี้สำคัญขนาดไหนและที่สำคัญ 50,000 ล้านบาทนั้นมันไม่ใช่เงินของเอกชนรายใดที่จะเอาไปใช้ได้โดยไม่ระดมความคิดและขออณุมัติจากเจ้าของเงินตัวจริงคือผู้เสียภาษีทุกคน ถ้าเราบอกว่านี่คือสายการบินแห่งชาติ ทุกคนในชาติที่เอาไปเงินสนับสนุนควรมีสิทธิมีเสียงในการวิพากษ์วิจารณ์การนำเงินไปใช้
..
2) good money จะกลายเป็น bad money ทันทีถ้าเราไม่ได้มีแผนงานในการปฎิรูปที่ชัดเจน, เป็นรูปธรรม, และ radical โดยเฉพาะการลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดด รวมทั้งการบริหารจัดการโดยทีมงานที่เป็น turn around expert และมี authority ที่แท้จริงและมีอิสระในการตัดสินใจและมีส่วนได้ส่วนเสียในความสำเร็จของการ turn around และแน่นอนว่าที่ต้องมีคือ a lot of luck...
..
PS: ความเห็นนี้เป็นความเห็นส่วนตัวในฐานะประชาชนคนหนึ่งและลูกค้าที่มี gold member status และถ้าสายการบินเป็นอะไรไป miles ที่สะสมมาแทบตายและ flight ที่จองไว้ล่วงหน้าจะหายไปในพริบตาทันที จึงมีความเป็นห่วงเป็นใยในสายการบินแห่งนี้ไม่แพ้ใครแน่นอน."