4 วิธีเลือกประเภทกองทุนรวม แบบไหนเหมาะสมกับเรามากที่สุด
กองทุนรวมถือเป็นสินทรัพย์ทางการเงินอีกชนิดหนึ่งที่น่าลงทุนให้เม็ดเงินของเรางอกเงย ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องมีความรู้แบบเจาะลึกเหมือนสินทรัพย์ประเภทหุ้นที่เราต้องคัดกรองและเฟ้นหาหุ้นที่ดีที่สุดและตรงใจเรามากที่สุดด้วยตัวเอง เพราะกองทุนรวมจะมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้บริหารกองทุนให้เราอยู่แล้ว
สิ่งที่เราต้องทำก็คือเลือกกองทุนรวมให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดภายใต้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ซื้อตามกระแส ไม่ซื้อตามผู้อื่น ซึ่งวันนี้ผู้เขียนก็นำ 4 วิธีที่ใช้ในการเลือกประเภทของกองทุนรวมที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับเลือกกองทุนรวมให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดมาฝากผู้อ่านทุกท่านค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นตามผู้เขียนมาทางนี้เลยค่าา
1. ระยะเวลาในการลงทุน
กองทุนรวมมีให้เราเลือกกันอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปรวมถึงมีเรื่องของระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นในการเลือกซื้อกองทุนรวมเราจึงต้องรู้เป้าหมายที่ชัดเจนก่อนว่าเราจะนำเงินก้อนนั้นออกมาใช้เมื่อไหร่ อีกกี่ปี กี่เดือนหรือกี่วัน หากมีระยะเวลาในการลงทุนที่สั้น ก็อาจจะเลือกลงทุนในกองที่มีความเสี่ยงน้อย แต่ถ้ามีเวลาในการลงทุนมากก็จะสามารถเลือกเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อรับผลตอบแทนที่มากขึ้นได้ค่ะ เพราะการลงทุนในระยะยาวเราจะมีเวลาในการรอจังหวะตลาดได้นั่นเอง
2. ระดับความเสี่ยง
ในกองทุนรวมแต่ละประเภทจะถูกแบ่งออกตามระดับความเสี่ยงที่มีเป็นเกณฑ์มาตรฐานตั้งแต่ระดับความเสี่ยงที่ต่ำมากไปจนถึงระดับความเสี่ยงที่สูงมาก ซึ่งแน่นอนว่าความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนที่ได้ก็ย่อมสูงตามไปด้วยค่ะ (High Risk High Return) แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเลือกซื้อกองทุนที่เสี่ยงสูงกันได้หมดนะคะ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเราด้วย
เพราะผู้ลงทุนควรเลือกซื้อกองทุนตามระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับไหว หากผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยไปเลือกกองที่มีความเสี่ยงสูงมาก พอถึงเวลาที่พอร์ตติดลบมาก ๆ เข้า แล้วเห็นตัวเงินที่หายไปอาจถึงขั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เครียดกันจนไมเกรนขึ้นเลยล่ะค่ะ ดังนั้นถ้าอยากลงทุนแบบไม่ทุกข์ต้องเลือกกองที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เรารับไหวนะคะ
3. ประเภทของกองทุนรวม
การลงทุนในกองทุนรวมที่มีให้เราเลือกสรรกันมากมาย หลายประเภท ซึ่งผู้ลงทุนควรเลือกตามจุดประสงค์การลงทุน ความถนัดและความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน , ตราสารหนี้ , ตราสารทุน , ผสม , อสังหาริมทรัพย์ , ทองคำ , น้ำมัน , ลงทุนต่างประเทศ ฯลฯ
ซึ่งแต่ละกองก็จะมีความเสี่ยง นโยบายการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน ผลตอบแทน เงื่อนไข และค่าใช้จ่ายกองทุนแต่ละประเภท รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากจะลงทุนในกองประเภทใดผู้ลงทุนควรศึกษากองประเภทนั้นให้ละเอียด ถี่ถ้วนเพื่อผลตอบแทนที่ตรงตามจุดประสงค์ของเราค่ะ
4. นโยบายปันผล/ไม่ปันผล
หากเราจะซื้อกองทุนที่เน้นเติบโตในระยะยาว ไม่ได้ต้องการเงินปันผลออกมาใช้จ่ายให้เลือกเป็นกองทุนรวมที่ไม่จ่ายปันผลจะดีกว่าค่ะ เพราะกองทุนจะนำกำไรหรือปันผล 100% ที่ได้นั้นไปลงทุนต่อเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะทำกำไรให้มากขึ้น และข้อดีอีกข้อหนึ่งคือเมื่อเราขายหน่วยลงทุนจะไม่ถูกหักภาษีเหมือนกองปันผลค่ะ เรียกได้ว่ารับแบบเต็มเม็ด เต็มหน่วย เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่หวังเงินก้อนโตในระยะยาวค่ะ
ส่วนผู้ลงทุนท่านใดที่อยากได้เงินปันผลออกมาใช้จ่ายระหว่างทางก็สามารถเลือกลงทุนในกองที่มีปันผลได้ค่ะ แต่ปันผลที่เราได้นั้นต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% ค่ะ เราจะไม่ได้รับเป็นผลทั้งหมด 100% เต็ม ดังนั้นให้ดูที่เป้าหมายการลงทุนของตนเองเป็นหลักค่ะ หากต้องการกระแสเงินสดระหว่างทางให้เลือกปันผล แต่ถ้าอยากได้เงินก้อนโตปลายทางให้เลือกไม่ปันผลค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวิธีในการเลือกประเภทของกองทุนรวมให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดทั้ง 4 ข้อนี้ พอเรามีเกณฑ์ในการเลือกประเภทกองทุนรวมแล้ว ขอบเขตของการลงทุนก็จะแคบลงทำให้เราเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นค่ะ การวางแผนก็จะง่ายขึ้นด้วยแต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมลงทุนในความรู้ให้ตนเองก่อนลงเงินกันด้วยนะคะ เพื่อลดโอกาสในการขาดทุนและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นสำหรับการลงทุนในอนาคตค่ะ
ติดตามผลงานอีกหนึ่งช่องทางได้ที่ https://creators.trueid.net/@26445
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
