14 พ.ค. 2020 เวลา 11:50 • บันเทิง
เรื่องสั้น ความในใจของผู้ชาย กับ ความสงสัยของผู้หญิง ตอน ๒
“เลิกประชุมแล้ว ไปไหนมั้ยคะ” ฉันเอ่ยขึ้นเป็นนัย
“ก็คงกลับบ้านครับ อย่างเคย” เขาพูดยิ้มๆ ดูไร้เดียงสา
“ไม่ลองไปสนุกกับเพื่อนๆ เขาหรือคะ เห็นว่าคืนนี้จะไปเที่ยวร้านเปิดใหม่ พวกนี้ชอบลองของแปลกๆ ใหม่ๆ คุณไม่ชอบหรือคะ”
“ไม่ชอบหรอกครับ” เขาเลือกที่จะตอบตรงๆ “ผมชอบอะไรๆ ที่ผมคุ้นเคยมากกว่า”
“กับการอยู่เฉยๆ น่ะหรือคะ” ฉันก็อดไม่ได้ที่จะพูดตรงๆ แบบนั้น
“ครับ” เขาตอบทื่อๆ อีกแล้ว ไม่มีการอธิบายยืดยาว ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ใครจะชอบก็ไม่ว่าอะไร ไม่มีความเห็น โนคอมเมนท์ตลอด
ไม่ต้องพูดต่อฉันก็นึกภาพออก เดี๋ยวเขาจะต้องแวะไปกินข้าวที่ร้านอาหารในซอยด้านข้างที่ทำงาน สั่งข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยไม่ใส่แตงกวาและน้ำแข็งเปล่า กินเสร็จขึ้นรถเมล์กลับบ้าน พรุ่งนี้มาทำงานใหม่ก็ไม่ค่อยมีอะไรต่างจากเดิมมากนัก ดูเหมือนเขากำลังจมปลักอยู่กับความซ้ำซากจำเจ ทำอะไรเป็นจริงเป็นจังไปหมด ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยพูด ไม่หลงเหลือคราบพิธีกรช่างพูดในงานเลี้ยงสังสรรค์วันนั้นเลย ทั้งๆ ที่เป็นเสน่ห์อันร้ายกาจ แต่เหมือนถูกอะไรบางอย่างบดบังจนยากที่จะมีใครได้เห็นอีก
คนเงียบๆ นี่แปลกดี ขนาดไม่ค่อยเปิดเผยตัวเอง ก็ยังเป็นที่นิยมชมชอบในกลุ่มเล็กๆ คงเป็นเพราะไม่ค่อยทำอะไรผิดมากกว่า ก็อย่างว่าล่ะ พูดน้อยก็ผิดน้อย แต่ความมีตัวตนของเขาก็คงมีอยู่ ทั้งความรู้สึกนึกคิด ชีวิตจิตใจ ความชอบ หรือความหวัง หากเขาไม่พูดแล้วใครเล่าจะล่วงรู้ได้
เวลาที่ผ่านไปไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ฉันก็อยู่ของฉัน เขาก็เป็นแบบของเขา เป็นคนเดิมที่สวมเสื้อผ้าแบบเรียบๆ สีสุภาพ ผมตัดสั้นหวีเรียบ หน้าตาเกลี้ยงเกลาขาวๆ จืดๆ ดูยังไงก็ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนไหนจะสะดุดหกล้มเพราะมัวแต่มองเขาจนเพลินเป็นแน่
ฉันไม่คิดว่าจะรู้จักเขาได้มากกว่าเดิมเลย มีบางครั้งที่ต้องเกี่ยวข้องกันก็ดูสนิทสนมกันดี แต่แล้วจู่ๆ ก็ห่างเหินไปเสียเฉยๆ ความสัมพันธ์ของเราก็ช่างราบเรียบดี ไม่ชอบแต่ไม่เกลียด ไม่สนิทแต่ไม่ห่างเหิน เหลียวแลแต่ไม่เอาใจใส่ ไม่ลืมแต่ไม่คิดถึง เฮ้อ! ดูเป็นกลางๆ จนยากจะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา แม้ท่าทีของฉันจะโน้มเอียงเล็กน้อยแต่พองามให้เป็นที่สังเกต แต่ท่าทางของเขาไม่มีการตอบรับสักนิด ทำเหมือนกับไม่เคยรับรู้เรื่องอะไรเลย อย่างไรก็ช่างเถอะ ฉันเข้าใจว่าเขาคงมีเหตุผลที่ดี หากเขาพูดออกมาฉันก็จะเชื่อ หรือถ้าเขาไม่พูดอะไรฉันก็ยังเชื่อใจเขาอยู่ดี
ความจริงฉันเชื่อในสิ่งที่ตั้งใจมากกว่า ฉันสวดมนต์อธิษฐานทุกวันให้บังเกิดสิ่งที่เหมาะสมสำหรับฉัน ฉันเชื่อมั่นว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดี ฉันชอบเขาแล้วจริงๆ แต่คงไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ถ้าถามว่าฉันควรจะแต่งงานกับเขาไหม ฉันยังตอบไม่ได้ ผู้ชายคนนี้เป็นคนดีอย่างแน่นอน แต่เขาเหมาะสมสำหรับใครล่ะ? อาจจะเป็นใครบางคนที่ไม่ใช่ฉันก็ได้ บางทีหัวใจคงมีเหตุผลเฉพาะของมันเอง ซึ่งเหตุผลของสมองไม่อาจจะรู้ได้เลย
ในที่สุดเขาก็โทร. ถึงฉันหลังจากห่างเหินไปนาน เขาพูดว่า “ขอพบคุณได้มั้ย ผมมีเรื่องจะบอก . . .”
ฉันตอบรับเขาด้วยความยินดี จะได้รู้เสียทีว่าผู้ชายเย็นชาคนนี้คิดอะไรอยู่ในใจ ที่สำคัญจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันด้วยหรือเปล่านะ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตามฉันก็จะเชื่อว่านั่นเป็นเหตุผลที่ดีของเขา ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองที่เราต้องยอมรับ ฉันควรจะขอบคุณเขาที่เปิดเผยเรื่องของเขาให้ได้รับรู้ หรือถ้าพูดให้ถูกควรจะบอกว่าขอบคุณที่เขาไม่หลอกลวง หรือปล่อยให้ฉันเข้าใจอะไรผิดไปเพียงฝ่ายเดียว
เขาเคยพูดว่า “ผมพยายามจะเข้าใจคุณ พยายามจะเข้าใจตัวเอง การจะอยู่ร่วมกันโดยต่างฝ่ายเป็นแบบของตัวเอง ตัวใครตัวมัน มันอาจจะเป็นไปได้ แต่จะเป็นหนทางที่มีความสุขได้หรือ? สุดท้ายไม่ว่าใครจะดีใจหรือเสียใจ ผมก็ยังหวังว่าเราจะเข้าใจกันได้”
ฉันเข้าใจว่าเขายอมรับถึงความเรียบเฉยของเขาอาจจะมีปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่น แต่เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เขาแสดงออกได้อย่างน่าทึ่งแล้ว ฉันว่าเขาคงไม่ใช่คนเรียบเฉยหรือเย็นชากับคนใกล้ชิดหรอก คงจะมีอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาซึ่งคนอื่นไม่เคยล่วงรู้ บางทีหนังสืออ่านยากเล่มนี้อาจจะใกล้ถึงตอนจบแล้วละ
โปรดติดตาม เรื่องสั้น ความในใจของผู้ชาย กับ ความสงสัยของผู้หญิง ตอน ๓ (จบ) ด้วยนะครับ
โฆษณา