15 พ.ค. 2020 เวลา 03:08 • การศึกษา
ตัวอย่างอ่านเรื่องศาสนายังต้องตีความภาคศีลแลสมาธิ(สำคัญมาก)
เมื่อจะอ่านคัมภีร์พระ ก็ต้องอ่านเพื่อเอามาเป็นข้อมูลพื้นฐานในคัมภีร์แพทย์
แต่เราจะยกมาบางส่วนของศาสนาเท่านั้น ขอยกตัวอย่าง วิสุทธิมรรค เรื่อง โลหิต กับการตีความภาคศีลแลสมาธิ ส่วนนี้ถ้าไม่เคยฝึกกรรมฐาน ฝึกพิจารณาธาตุส่วนอาหาเรปฏิกูลสัญญาและ อสุภะ แค่อ่านเองแล้วตีความเอง ก็สามารถตีความได้มากมาย ตามความรู้เดิม(สัญญา) และอธิบายไปตามฐานที่รู้(สังขาร) ดังนั้นตรงนี้อาจมีผลสุมเสี่ยงกับวิชา ดังนั้นในเรื่องการแพทย์ที่ไม่ถนัดกัน เพราะเราไม่เน้นวิชาการจึงต้องไปยืมการ อธิบายในแบบแผนปัจจุบันมาขยาย ที่มองภาพชัดเจนกว่าหรือร่วมสมัยกว่า
เรามาลองพิจารณาเล่นๆกันนะ ฝึกตีความไปด้วยในเรื่องโลหิต ๑ ในอาโป ๑๒ ข้างฝ่ายสูรย์(อุณหัง) ภาคศีล
และการตีความคำว่า การเวียนของโลหิต
- ฝ่ายสูรย์(เรียกชาย)โลหิตเวียนขวา
- ฝ่ายจันทร์(เรียกหญิง)โลหิตเวียนซ้าย
ความหมายจริงคือ เมื่อนั่งกรรมฐานเพ่งไปในจิต เราจะเห็นสีแดงดั่งเลือดวิ่งไปในทิศซ้ายมือเรา เพราะนั่นคือธาตุในตัวเรา ตัวเราเป็นราชา มีอิทธิพลจากฝ่ายจันทร์
ส่วนลมจรเป็นเรื่องแทรกแซง จรเข้ามา กระตุ้นกายเนื้อเราเป็นอิทธิพลจาก สูรย์ ดังคำในบาลี ที่มีการแยกเพศเป็นหญิง และชาย
โลหิตํ - เลือด
ว่า ในโลหิตทั้งหลาย สังสรณโลหิต (โลหิตเดิน ซาบซ่าน ไปอยู่ทั่วสรีระ ดังน้ำดี (ชนิดไม่ติดที่)..ไหลในเส้นเลือดแดง จากหัวใจวิ่งลงด้านซ้ายวิ่งไปทั่วกาย
สันนิจิตโลหิต (โลหิตขัง)ขังอยู่ เต็มส่วนล่างที่อยู่ของตับ มีประมาณเต็มปัตถะ ยังไต หัวใจ ตับ และปอด ให้ชุ่มอยู่ ในโลหิต อย่างนั้น ....ไหลในเส้นเลือดดำ จากส่วนล่างวิ่งขึ้นเบื้องบนทางขวา ค่อยๆไหลไปตามการบีบคลายกล้ามเนื้อแล้วเข้าสู่หัวใจ
วินิจฉัยในสังสรณ-โลหิต ก็เช่นเดียวกับดีชนิดไม่ติดที่นั่นแล
ส่วนในโลหิตอีกอย่าง(คือ สันนิจิตโลหิต)
พึงทราบวินิจฉัยดังนี้ ในน้ำที่บุคคลเทลงในกระเบื้องหม้อเก่า(ทำก้อนดินและก้อนกรวดเป็นต้น) ข้างล่างให้เปียกด้วย ก้อนดินและก้อนกรวดเป็นต้น หารู้ไม่ว่าเราถูกน้ำทำให้เปียกอยู่
น้ำเล่าก็หารู้ไม่ว่า เราทำก้อนดินและก้อนกรวดเป็นต้นให้เปียก ฉันใด ที่ส่วนล่างของตับก็ดี ไตเป็นต้นก็ดี หารู้ไม่ว่าโลหิต (ขัง) อยู่ในเรา หรือว่าโลหิตทำเราให้ชุ่มอยู่
โลหิตเล่าก็หารู้ไม่ว่าเรา (ขังอยู่) เต็มที่ส่วนล่างของตับ ทำไตเป็นต้น
ให้ชุ่มอยู่ฉันนั้นเหมือนกัน
ธรรม (คือสิ่ง) ทั้งหลายนั้นปราศจากความคิดคำนึง และไตร่ตรองถึงกันและกัน อันโลหิตเป็นโกฏฐาสแผนกหนึ่งในร่างกายนี้ ไม่มีความคิด เป็นอัพยากฤต ว่างเปล่า (จากอัตตา) หาสัตว์ (คือวิญญาณ) มิได้ เป็นของเหลว มีอาการซึมซาบได้ เป็นอาโปธาตุ ด้วยประการฉะนี้
ถ้าอ่านเพียงเท่านี้ย่อมตีความเพียงมุมเดียว แต่วิสุทธิมรรค เล่ม ๒ ภาคสมาธิ ปริเฉทที่ ๘ อนุสสติกัมมัฏฐานนิเทศ ยังมีกล่าวต่อเรื่องโลหิตว่า
โลหิต ในบทว่า โลหิตํ นี้ มี ๒ อย่าง คือ โลหิตข้น ๑ โลหิตจาง ๑ ในโลหิต ๒ อย่างนั้น
- โลหิตข้นโดยสีมีสีดังน้ำครั่งข้นแก่ไฟ(เลือดดำ)
- โลหิตจางมีสีน้ำครั่งใส โดยสัณฐาน(เลือดแดง มีเลือดขาวอยู่ด้วย)
โลหิตทั้ง ๒ อย่าง มีโลหิตตามโอกาส โดยทิศ
โลหิตข้นเกิดในทิศเบื้องบน
โลหิตจางเกิดในทิศทั้ง ๒
โดยโอกาส
โลหิตจาง ซึมซาบทั่วร่างกายที่มีชีวิตทุกแห่ง ตั้งอยู่ตามสายช่องแห่ง เส้นเอ็น เว้นที่ผม ขน ฟัน และเล็บ ที่ตั้งพ้นจากเนื้อและหนังอันกระด้างและแห้งผาก
โลหิต(เลือด)ข้น ท่วมอยู่ภายใต้แห่งตับมีประมาณเต็มบาตรหนึ่งค่อย ๆ ซึมไปบนไต หัวใจ ตับ และปอด ทำไต หัวใจ ตับ และปอดให้ชุ่มอยู่เสมอ เพราะเมื่อมันไม่ทำไตและหัวใจเป็นต้นให้ชุ่มอยู่ สัตว์ทั้งหลายจะเกิดกระหายขึ้น
โดยปริจเฉท
กำหนดด้วยส่วนของโลหิตเอง นี้เป็นการกำหนดด้วยส่วนที่เหมือนกันแห่งโลหิตนั้น ส่วนการกำหนดด้วยส่วนที่ต่างกันก็เช่นเดียวกับผมนั้นแล
ส่วนภาคปัญญา เอาไว้สุดท้ายเหอะ ถ้ายังไม่เข้าใจทั้ง ๒ ภาคนี้
เพราะแค่ส่วน ศีลแลสมาธินี่คือการเกิดโรคในคัมภีร์ เรื่องโลหิตระดูจากที่เกิด เกิดปะระเมหะในส่วนสันทฆาต ๔ และ ลมในอพัทธปิตตะโรค(วัดโพธิ์)
อ่านไปตีความไปจะเกิดองค์ความรู้ใหม่ตามปัญญาที่มีและสัญญาเดิม ถ้าไม่มีเอาความรู้แผนไทยสร้างสัญญาใหม่..แต่ห้ามเพี้ยนละกัน
โฆษณา