Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ทดเวลาบาดเจ็บ
•
ติดตาม
15 พ.ค. 2020 เวลา 08:22 • กีฬา
#Chelsea | เชลซีในฤดูกาล 2011-13 นั้น นับว่าเป็นขวบปีที่เหมือนรถไฟเหาะตีลังกายังไงยังงั้นเลยนะครับ
พวกเขาเริ่มต้นฤดูกาล 2011-12 ด้วยผู้จัดการทีมวัยหนุ่มที่โด่งดังที่สุดในตอนนั้นอย่าง อันเดร วิลลาส-โบอาส แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ถูกปลดกลางอากาศหลังจากพาทีมบุกไปพ่าย นาโปลี ยับเยิน 1-3
สโมสรจึงแก้ขัดด้วยการดัน โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ มือขวาของ โบอาส ขึ้นมารักษาการแทนชั่วคราว ทว่า ด้วยฝีไม้ลายมือแบบฉบับคน อิตาเลียน ที่เก่งเรื่องแท็คติค แถมยังมีบารมีจากการเคยเป็นอดีตนักเตะของ เชลซี ติดตัวมาก่อน จึงทำให้ ดิ มัตเตโอ สามารถเข็น เชลซี ชุดที่ โบอาส ทำพัง ไปได้ไกลถึง ดับเบิ้ล แชมป์ ได้ในตอนจบ
ซึ่งรวมถึงการผงาดคว้าถ้วยใบใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย
"ผมทำได้!" ดิ มัตเตโอ กำหมัดสะใจและเปล่งคำนี้ออกมาต่อหน้า อบราโมวิช ในตอนที่เดินขึ้นไปรับเหรียญ มันคือถ้วยใบที่เสี่ยหมีปราถนามาอย่างยาวนาน ถ้วยใบที่ทำให้เขาเกิดรักแรกพบในกีฬาที่ชื่อว่า ฟุตบอล และมันยังคือถ้วยใบที่เขาเอามาตัดสินความสามารถของโค้ชที่นี่ทุกคนอย่างเลือดเย็นอีกต่างหาก
นั่นจึงทำให้ ดิ มัตเตโอ ได้รับสัญญาในการคุม เชลซี เป็นการถาวรทันทีหลังจบฤดูกาลนั้น
แชมป์ใบใหญ่ที่เสี่ยหมีรอคอย
แต่ เชลซี ก็ยังเป็น เชลซี ครับ
ฤดูกาล 2012-13 พวกเขาปลด ดิ มัตเตโอ กลางอากาศอีกเช่นเคย เหตุผลหลักคงมาจากผลงานในถ้วยยุโรปใบใหญ่ ที่พาทีมตกรอบแบ่งกลุ่ม ทำได้แค่อันดับ 3 ต้องร่วงลงไปเล่นในถ้วยใบเล็กที่ชื่อว่า ยูโรปา ลีก แทน
อบราโมวิช เลือกจิ้มไปที่ ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามาทำทีมต่อ ท่ามกลางความประท้วงจากแฟนบอล เชลซี อย่างหนักหน่วง
พวกเขาไม่เคยยอมรับในตัวของ ราฟา มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะช่วงที่ปวารณาตัวเป็นคู่กัดกับ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อครั้งคุม ลิเวอร์พูล ยิ่งพอเห็นแกมารับงานแทนฮีโร่ของพวกเขาที่ เชลซี ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้แฟนบอลเพิ่มความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก
กลุ่มแฟนบอล เชลซี ประท้วงสโมสรด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียกชื่อของ ดิ มัตเตโอ ในนาทีที่ 16 (เบอร์เสื้อของ ดิ มัตเตโอ ตอนเป็นนักเตะ), การชูป้ายผ้าขับไล่ และการโห่ฮาใส่ ราฟา ทุกครั้งที่ทีมแพ้หรือผลงานไม่ดี
"ไม่ต้องไล่ จบงานนี้ผมไปแน่" ราฟา เองก็เหลืิอดเช่นกัน ถึงกับบ่นระบายใน เพรส คอนเฟอเรนซ์ ตอนจบเกม เอฟเอ คัพ
แต่ใครจะไปคิดล่ะครับ ว่าบางทีแล้ว การที่ เชลซี ได้คนแบบ ราฟา มาคุม อาจจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดในช่วงเวลานั้นแล้วก็ได้
ราฟา เข้ามาปรับเปลี่ยนแท็คติคบางอย่างในทีมจนออกมาสมดุล เขาเลือกดัน ดาวิด ลุยซ์ ให้ขึ้นไปเล่นเป็นกองกลางตัวตัดเกม แทนที่จะให้เล่นกองหลัง อารมณ์ประมาณว่า ชอบทิ้งตำแหน่งไปเล่นเกมบุกนักใช่มั้ย งั้นแกขึ้นไปเล่นกองกลางเลยไป จะได้เติมเกมให้สุดแบบที่ใจปราถนา
ซึ่งปรากฏว่าโคตรเวิร์ค!
ลุยซ์ เวอร์ชั่นภายใต้การคุมทีมของ ราฟา สามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดี เขายิงได้ถึง 5 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จาก 40 นัด นับว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่แทบจะเจิดจรัสที่สุดในสีเสื้อของ เชลซี เลยก็ว่าได้
ขณะที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็เหมือนกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขายิงให้ เชลซี ได้มากถึง 22 ประตู รวมทุกถ้วยทุกรายการ โดยเป็นการยิงใน ยูโรปา ลีก ถึง 5 จาก 7 นัดอีกต่างหาก
และแน่นอน ว่าในรอบชิงชนะเลิศ เขาก็หลุดเข้าไปยิงให้ทีมขึ้นนำอย่างเฉียบคมได้อีกด้วย
2 ฮีโร่ผู้ยิงประตูในนัดชิง
เชลซี ในยุคของ ราฟา สามารถปิดจ๊อบได้ด้วยการคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ พาทีมคัมแบ็คไปเล่นในถ้วยใบใหญ่ฤดูกาลหน้าได้ตามเป้า อีกทั้ง นั่นยังเป็นการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้กับวงการลูกหนังยุโรปอีกกระทง
เพราะว่า เชลซี คือทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนจะตามมาเป็นแชมป์ ยูโรปา ลีก ได้ในปีต่อมา
แฟน เชลซี เกือบทั้งหมดเปลี่ยนความอคติที่เกลียด ราฟา มาเป็นการยกย่องในฝีไม้ลายมือ และความเป็นมืออาชีพขั้นสุดของเขาในตอนจบ
เสี่ยหมี กลายเป็นคนที่คิดและตัดสินใจเพื่อ เชลซี ได้ถูกต้องอีกครั้ง
ทว่า สำหรับ ราฟาเอล เบนิเตซ แล้ว...
เขานี่แหล่ะ ที่คือผู้ชนะตัวจริงในศึกครั้งนี้ ชายผู้เปลี่ยนความเกลียดชัง ให้มากลายเป็นความเคารพนับถือได้ อย่างน่ากระแทกมือให้ที่สุด
#ทดเวลาบาดเจ็บ #เชลซี #ราฟาเอลเบนิเตซ
ผู้ชนะตัวจริง
บันทึก
3
3
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย